ลลินผลักร่างโปร่งบางของคนที่รองมือรองตีนของตนเองออกอย่างแรง ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะผงะเซจนล้มก้นจ้ำบ้ำกับพื้นห้อง
“แกอย่ามาแส่เรื่องของฉัน เอาเสื้อผ้ามาให้ฉันเปลี่ยนเดี๋ยวนี้ อีกไม่กี่นาทีก็ถึงเวลาที่คุณรังสิมันต์จะมารับแล้ว”
พิมพ์นาราค่อยๆ ยันกายลุกขึ้น ไม่มีเสียงร้องที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวด เพราะเธอเจ็บจนชินชาเสียแล้ว
หญิงสาวเดินลากเท้าเข้าไปในห้องแต่งตัว ที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์หลากหลายสีสัน หลากยี่ห้อดังล้วนแต่ราคาแพงทั้งนั้น ขณะที่หยิบชุดเดรสสีดำเกาะอกออกมาจากตู้ไม้ คิ้วเข้มโก่งงามดุจคันศรก็ขมวดเข้าหากันยุ่ง เมื่อนึกถึงชื่อผู้ชายคนใหม่ของคุณลลินที่เธอเพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก แล้ว ‘คุณรามิล’ ผู้ชายคนล่าสุดที่เพิ่งคบกันแค่ไม่กี่เดือนได้หายไปไหนเสียแล้ว
“จะเข้าไปหลับในห้องแต่งตัวหรือไงนังพิม!”
“ค่ะ...ค่ะ...ได้แล้วค่ะคุณลิลลี่”
พิมพ์นาราคว้าชุดเกาะอกรวมทั้งรองเท้าและเครื่องประดับ จากนั้นก็รีบเดินเป็นวิ่งออกจากห้องแต่ง เพื่อให้ทันความต้องการของนางเอกสาวเจ้าอารมณ์
“เร็วๆ เข้าสินังพิม”
ลลินตวาดลั่น ใบหน้ารูปไข่งดงาม อันเกิดจากฝีมือมีดของคุณหมอศัลยกรรมมือหนึ่งของประเทศไทย บูดบึ้งถมึงทึง ดวงตากลมโตที่กรีดด้วยอายไลเนอร์จนดูคมเข้ม ได้จ้องเขม็งยังคนที่กำลังเดินเป็นวิ่งเข้ามาหาตนเอง จากนั้นก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้ากระจกบานใหญ่ แล้วถอดเสื้อคลุมออกเผยให้เห็นเรือนร่างเปรียวบางปลิวลม ซึ่งอยู่ในชุดชั้นในสีเนื้อบางเบาตัวจิ๋วจนแทบปิดของสงวนไว้ไม่มิด
พิมพ์นาราวางรองเท้ากับพื้นพรม จากนั้นก็ช่วยนางเอกสาวใส่ชุดเกาะอกสีดำ เมื่อช่วยจัดทรงให้ชุดตัวสวยแนบกระชับกับเรือนร่างโปร่งบางแล้วก็เดินอ้อมไปด้านหลัง แล้วค่อยๆ รูดซิบตัวยาวอย่างระมัดระวังไม่ให้กินเนื้ออีกฝ่าย
“อยู่นิ่งๆ นะคะ พิมกำลังรูดซิบให้”
“จะทำอะไรก็รีบทำเถอะ ไม่ต้องมาบอกอย่างกับว่าฉันเป็นเด็กตัวเล็กๆ”
พิมพ์นาราเม้มริมฝีปากด้วยความเจ็บใจเมื่อถูกด่ากลับ เมื่อไรชีวิตของเธอจะหลุดพ้นจากการเป็นเบี้ยล่างของนางเอกสาวสักที
“เสร็จแล้วค่ะคุณลิลลี่”
หญิงสาวงึมงำเอ่ยบอกเสียงแผ่วเบา จากนั้นก็รีบหยิบรองเท้าส้นสูงขนาดสามนิ้วมาใส่ให้เท้าเล็กที่กำลังยื่นรออยู่
ลลินย่างกรายราวกับนางพญาไปสำรวจความเรียบร้อยของตนเองหน้ากระจกบานใหญ่ พอได้เห็นภาพสะท้อนอีกภาพที่มองเห็นจากหางตา ทำให้เธอยิ้มเหยียดแล้วเอ่ยสั่งเสียงห้วน
“ไปแต่งตัวได้แล้วนังพิม วันนี้ฉันอนุญาตให้แกหยิบชุดที่อยู่ทางขวามือของตู้เสื้อผ้ามาใส่ได้”
“ขอบคุณค่ะคุณลิลลี่ แต่พิมใส่ชุดของพิมก็ได้ค่ะ”
“เอ๊ะ! ฉันสั่งให้ทำอะไร ก็ทำตามที่สั่งสิ เสื้อผ้าแต่ละชุดของแกดูมอซอราวกับผ้าขี้ริ้ว ขืนให้แกใส่ออกงาน ฉันคงได้ขายขี้หน้าคนอื่นแน่ วันนี้ฉันอารมณ์ดี ฉันจะให้แกยืมเสื้อผ้าใส่ได้หนึ่งชุด รีบๆ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว”
ลลินเท้าสะเอวตีหน้าบึ้งตึงใส่หญิงสาวที่คอยรับมือรองตีนของตนเอง พอพิมพ์นาราหันหลังกลับเดินลากเท้าเข้าไปในห้องแต่งตัว เธอก็หัวเราะเย้ยหยันตามหลังหญิงสาวน่าโง่
“คิดหรือว่าฉันใจดีให้แกหยิบเสื้อผ้าราคาแพงลิบลิ่วไปสวมง่ายๆ วันนี้แกต้องเป็นแพะรับบาปให้ฉัน...นังพิมพ์นารา!”
พิมพ์นาราถอนหายใจยืดยาวอย่างเบื่อหน่าย มือบางนุ่มนิ่มที่แตะเสื้อผ้าสีฉูดฉาดวาบหวิวปิดนิดห่มน้อยที่แขวนอยู่เต็มตู้เสื้อผ้า เต็มไปด้วยความรังเกียจ เสื้อผ้าเหล่านี้เป็นเสื้อผ้าที่ลลินเบื่อและก็เตรียมเลาะทิ้งแล้ว เธอรู้ว่านางแบบสาวไม่ได้ใจดีอย่างที่คิด ลลินต้องมีแผนการบางอย่างถึงยอมให้เธอหยิบยืมเศษเสื้อผ้าเหล่านี้มาสวมใส่
เดรสสีเขียวน้ำทะเลคอลึกสั้นเหนือเข่า ถูกหยิบขึ้นมาทาบตัว ในบรรดาชุดนับร้อยๆ ชุดที่อัดแน่นอยู่ในตู้เสื้อผ้าบานใหญ่ เห็นจะมีชุดนี้เท่านั้นที่พิมพ์นาราพอทำใจให้สวมใส่ได้
“คิดว่าเสื้อผ้าตัวเองสวยมากหรือยังไง คิดว่าคนอื่นเนื้อเต้นอยากใส่เศษผ้าเหล่านี้ยังงั้นหรือ เสื้อผ้าที่ฉันใส่ ที่คุณหาว่าเป็นผ้าขี้ริ้ว ยังดูสวยกว่าชุดตัวนี้ตั้งหลายเท่า”
พิมพ์นาราจ้องเขม็งที่เดรสสีเขียวน้ำทะเลซึ่งถืออยู่ในมือ พร้อมกันนั้นก็เอ่ยต่อว่าด้วยความโมโหชิงชัง รังเกียจที่จะต้องสวมพวกนี้ หญิงสาวเดินกระแทกเท้าออกจากห้องแต่งตัวของลลินกลับไปที่ห้องนอนเล็กของตนเอง จากนั้นก็รีบถอดชุดอยู่บ้านตัวเรียบๆ ที่นางเอกสาวเอ่ยดูถูกว่าเป็นผ้าขี้ริ้วออกจากกาย เรือนร่างบอบบางอรชร ที่ซ่อนรูปอยู่ในเสื้อผ้าตัวหลวมโพรก เมื่อมาสวมเดรสที่เข้ารูปพอดิบพอดี ก็ทำให้คนที่ได้เห็นถึงกับอ้าปากค้าง
ลลินถลึงตามองพิมพ์นาราด้วยความโกรธ ระคนอิจฉาริษยาในเรือนร่างที่อรชรอ้อนแอ้น เน้นส่วนเว้าส่วนโค้งให้เห็นได้อย่างชัดเจน
พิมพ์นาราไม่ต้องระมัดระวังเรื่องอาหารการกิน ต่อให้กินขนมหวานกินข้าวมากเพียงใดพิมพ์นาราก็ยังมีรูปร่างที่อรชรบอบบางเหมือนเดิม ผิดกับเธอที่แตะต้องอาหารหนักเพียงไม่กี่มื้อ น้ำหนักก็ขึ้นพุ่งพรวดต้องเข้าคอร์ดลดไขมันแทบไม่ทัน
พอจ้องมองปทุมถันขาวผ่องอวบอิ่มที่เกือบล้นออกมาจากเดรสสีเขียวน้ำทะเล ก็ทำให้เธอต้องอิจฉาตาร้อนผ่าวอีกครั้ง เรือนร่างของพิมพ์นาราถูกสวรรค์บรรจงสรรค์สร้างประติมากรรมชิ้นเอกออกมาได้อย่างงดงาม
ส่วนตัวเธอนั้นต้องอาศัยพึ่งมีดหมอ ต้องทนเจ็บหลายครั้งหลายครา กว่าจะได้หน้าอวกที่อวบอิ่มเต็งตึง จมูกโด่งงามและริมฝีปากบางเฉียบอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
“เอ่อ...พิมดูน่าเกลียดมากหรือเปล่าคะ คุณลิลลี่ถึงได้จ้องมองไม่วางตาเลย”
พิมพ์นาราแกล้งเอ่ยถาม พร้อมกับลอบอมยิ้มด้วยความสะใจ เมื่อเห็นดวงไฟแห่งความริษยาได้ลุกโชนอยู่ทั่วใบหน้าและแววตาของนางเอกสาว
“ใช่! น่าเกลียดและทุเรศมาก ไปหาผ้าคลุมไหล่มาคลุมซะ”
ลลินสั่งเสียงห้วน จากนั้นก็สะบัดหน้าหนีด้วยความโกรธ พอเสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น ก็รีบวิ่งไปคว้าลูกบิดเปิดประตูออกกว้าง จากนั้นก็โผเข้าไปกอดและจูบฉอเลาะคนรักคนใหม่ที่หล่อเหลา เป็นไฮโซนามสกุลดัง แถมยังร่ำรวยมหาศาล
“ดาร์ลิ่งขา...ทำไมมาช้าจังเลย ลิลลี่คิดถึงคุณจนใจจะขาดแล้วนะคะ”