“มันเกิดอะไรขึ้นกันวะ แล้วน้องตรีกับเพื่อนหายไปไหน แล้วเด็กแกเป็นไง แกชอบไหม” ภูชิตกลับเข้ามาแล้วก็ถามเพื่อน
“ฉันว่าแกน่าจะเข้าใจผิด”
“เรื่องอะไรวะ อย่าบอกนะว่าไม่ได้เป็นเด็กไซด์ไลน์” ภูชิตถามแล้วก็ตอบเอง เพราะเพื่อนเขาพูดน้อยเขาจึงต้องตั้งคำถามและเดาคำตอบเองในบางครั้งและครั้งนี้ก็เช่นกัน
จากที่ตอนแรกเขาได้เจอกับเนตรตรียา หล่อนนั่งอยู่ในกลุ่มเด็กไซด์ไลน์ที่เขาเคยเจอในแคตตาล็อกของเหล่าหนูๆ นักศึกษามหาวิทยาลัยที่อยากหารายได้พิเศษ เขาไม่เคยเรียกสาวๆ กลุ่มนี้มาก่อน แต่ทันทีที่เห็นเนตรตรียาโดดเด่นในกลุ่มและหล่อนก็มองเขาเหมือนสนอกสนใจอย่างเห็นได้ชัด เขาจึงลุกไปขอแลกหมายเลขโทรศัพท์กับหล่อนเพื่อบริหารเสน่ห์เล่นๆ
พอได้เห็นดวงหน้าสวยของหล่อนใกล้ๆ คำว่าคุก!ก็ลอยวนในหัว เขาดูว่าหล่อนไม่น่าจะบรรลุนิติภาวะ แม้จะถูกใจแต่ก็ไม่ได้มากมายจนต้องยอมเสี่ยงตะรางจึงไม่สานต่อได้เพียงแค่บันทึกหมายเลขของหล่อนเอาไว้ หลังจากนั้นมาหล่อนก็เพียรพยายามส่งคำทักทายมาทางข้อความ เขาก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง จนจู่ๆ เขาถามอายุหล่อนขึ้นมาได้รู้ว่าหล่อนอายุเท่าไหร่จึงกลับมาสนใจและเรียกหล่อนให้เข้ามาในวันนี้
หล่อนต่อรองเขาว่าขอพาเพื่อนมาเพิ่มหนึ่ง ภูชิตยังไม่นึกสนุกอยากเล่นทรีซัมจึงขอร้องแกมบีบบังคับให้ธีภพมาเป็นเพื่อน ทั้งที่ธีภพกำลังมีเรื่องกลุ้มอยู่ แต่ก็จำใจมาโดยไม่รับปากว่าจะกินเด็กที่เขาแบ่งให้หรือเปล่า ทันทีที่เจอเนตรตรียาสายตาเขาก็ไม่ได้สนสิ่งใดอีกและแยกตัวออกมา
หากแต่เขากลับได้สัมผัสลูกกวางน้อยเพียงปลายลิ้น กลิ่นสัมผัสนุ่มหอมหวานและเสียงครางผะแผ่วยังไม่จางหายไป เจ้าหล่อนก็หายวับไปกับตา คิ้วเขาขมวดมุ่นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าแรกๆ หล่อนก็ร่วมมือดี แต่ครั้นเขาบอกว่าจะจ่ายหล่อนไม่อั้นหล่อนก็แข็งขืนก่อนจะแกล้งโอนอ่อนแล้วหายลับไปกับสายลม ปล่อยให้เพื่อนของเขามายืนเป็นมนุษย์หินแทนที่จนเขาเห็นแล้วต้องตกใจ
“ใช่ ไม่ได้เป็น สงสัยตอนนายอาบน้ำเลยแอบหนี เดินร้องไห้มาตามเพื่อนแล้วก็กลับไปเลย บอกว่าอยู่ที่นี่อันตราย”
“ไปกันใหญ่แล้ว” ภูชิตกุมขมับ ไม่มีสิ่งใดโต้เถียง นั่นมันชัดเจนว่าหล่อนไม่ได้ขายตัวเพราะถ้าขายคงฉวยโอกาสที่เขาบอกว่าจะจ่ายไม่อั้นรีดเขาหมดเนื้อหมดตัวไปแล้ว หล่อนอาจจะยินยอมตอนแรกเพราะอ่อนเดียงสาหรือว่าเพราะอะไรเขาก็ไม่รู้ “แล้วนายได้ทำอะไรเด็กนายหรือเปล่า ฉันกับน้องตรีหายไปตั้งนานนี่”
“ฉันไม่ได้กินไม่เลือกนะ เด็กนั่นซื่อๆ เซ่อๆ ไม่ใช่แนว อีกอย่างฉันไม่มีอารมณ์ด้วย”
“ก็แกมีนางเอกให้กินนี่หว่า น้องคนนั้นคงยั่วยวนไม่เก่งพอเลยรอดไป ดีแล้วล่ะที่แกไม่ได้ทำอะไร แค่นี้ฉันก็รู้สึกผิดชะมัดเลยว่ะ” ภูชิตถอนใจยาว ใบหน้าหล่อเหลาดูชัดว่ากำลังขัดใจ ภาพร่างนวลเนียนขาวสวยทุกส่วนสัดติดตาอยู่ กลิ่นเนื้อนางหอมไม่เหมือนใครยังตราตรึง ชาตินี้ถ้าไม่ได้สานต่อกับหล่อนเขาก็คงนอนตายตาไม่หลับ
เสียงโทรศัพท์ของธีภพดังขึ้น เขากดรับและเปิดสปีกเกอร์โฟนให้เพื่อนได้ยินเสียงในปลายสายด้วยกัน เสียงหลุดจากปากธีภพเบาๆ ว่าเขาส่งข้อความให้ทินโทรกลับมาหาให้พวกเขาได้ฟังด้วยหากสองสาวพูดถึงเขาหรือภูชิต เพราะตอนแรกเขาไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรเลยถือโอกาสสืบไปด้วย
คำก่นด่าเต็มปากเต็มคำจากเนตรตรียาและคำปลอบโยนของมนพัทธ์ดังเรื่อยๆ ในโทรศัพท์ ธีภพและภูชิตฟังอย่างตั้งใจ ได้ศัพท์ว่า เนตรตรียาเอาแต่ร้องไห้และพร่ำบอกว่าโลกไม่ได้สวยอย่างที่คิดเนตรตรียารักภูชิตแต่แรกเห็นแต่เขากลับคิดว่าเธอขายตัว โชคดีที่รู้ก่อนไม่อย่างนั้นคงโง่สังเวยให้เ*******ูในร่างเทพบุตร ภูชิตฟังแล้วทำหน้าแปลกๆ เขาอยากเถียงแต่เถียงไม่ได้
เนตรตรียาถามมนพัทธ์ว่าอยู่ในห้องแล้วธีภพทำอะไรบ้างได้ลวนลามบ้างไหมเพราะว่าหากเพื่อนเขาเข้าใจผิด เขาก็ย่อมเข้าใจผิดเหมือนกัน
คราวนี้คนที่แทบไม่ใส่ใจเรื่องของคนอื่นอย่างธีภพถึงกับนิ่งเงียบรอฟัง
“เขาเป็นสุภาพบุรุษมากๆ เขาไม่ได้ทำอะไรมนเลย อาหารมาเขาหิวเขาก็ชวนมนกิน พอกินอิ่มมนก็ง่วงมากเลยเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาอีกทีมีเสื้อเขาห่มให้อยู่แล้ว เขาใจดีนะเงินที่เขาให้เมื่อกลางวันมนพยายามจะขอบัญชีมาโอนคืนเขาสั่งให้มนเอาไปทำบุญเฉยเลย เขาทั้งใจดีแล้วก็ไม่หัวงูเหมือนคุณภูชิตไม่มีแตะไม่ลวนลามมนสักนิด”
“โชคดีของมนแล้วล่ะที่ไม่ได้โชคร้ายอย่างตรี เกือบไปแล้ว ถ้าตรีโง่งมกว่านี้สักนิดคงกลายเป็นคนใจง่ายที่ได้สิ่งตอบแทนมาเป็นเงินฟาดหัวไม่กี่บาท คนบ้า ต่อไปนี้ตรีจะไม่พูดถึงเขาอีก ตรีจะลืมเขาไปจากชีวิตเลย”
“เฮ้ย ไม่ได้นะ” ภูชิตพูดเบาๆ ไม่ได้เอ่ยแย้งจริงจัง เพราะเป็นฝ่ายแอบฟังอยู่
“ตรีคิดได้อย่างนี้มนก็ดีใจ มันทะแม่งแต่แรกแล้วที่ชายในฝันของของตรีนัดเดตแรกที่สถานบันเทิงยามราตรี แต่มนไม่คิดว่าเขาจะมองเราในแง่ร้ายขนาดนั้น โชคดีที่เรารอดพ้นมาได้ เขาเป็นแมงดาหรือเปล่าไม่รู้เผื่อเขาหลอกเราไปขายหรือว่าทำอะไรต่อ เราคงตายทั้งเป็น เสียดายหน้าตาท่าทางดีๆ ของเขาจริงๆ เลย เสียดายด้วยที่คนดีๆ อย่างคุณธีภพคบเขาเป็นเพื่อน”
เสียงมนพัทธ์ปลอบเนตรตรียาเป็นประโยคยาวๆ ทำให้มุมปากของเจ้าชายน้ำแข็งหยักขึ้นเหมือนจะยิ้มแต่ไม่เชิง ส่วนภูชิตน่ะหรือทั้งหน้าแดงหน้าเขียวเหมือนอกจะแตกพร่างที่พูดแก้ตัวอะไรไม่ได้เลยได้เป็นผู้ร้ายเต็มๆ
เขาทนฟังไม่ได้จึงเลื่อนหน้าจอเพื่อปิดสายนั้นเสีย
“ไม่ฟังต่ออีกหน่อยหรือไง”
“ไม่ล่ะ แค่นี้ก็รู้เรื่อง” ภูชิตทำเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอ “คนมันเข้าใจผิดนี่หว่า แต่ช่างเถอะ เอาไว้ฉันแก้ตัวใหม่ เค้ารู้สึกดีๆ กับฉัน มันคงไม่ยากที่จะปรับความเข้าใจกันใหม่ ไม่มีอะไรสายเกินแก้หรอก”
เห็นสายตาหมายมาดของเพื่อนแล้วเขาก็นึกสงสารเนตรตรียาขึ้นมากลางคัน ภูชิตไม่เคยตั้งใจไล่ล่าใครแบบนี้จริงจัง ส่วนมากเขาจะหนีเสียมากกว่าด้วยซ้ำเนตรตรียาไม่อยากยุ่งกับเพื่อนเขาแต่เพื่อนเขาอยากยุ่งกับหล่อน งานนี้เนตรตรียาคงลำบากใจน่าดู
“อย่าเลยน่า เด็กนั่นที่รู้สึกดีกับนาย นายจะฉวยโอกาสทั้งที่ไม่คิดจริงจังก็อย่าดีกว่า เด็กนั่นซื่อเกินไป เขาไม่เหมือนผู้หญิงที่เราเจอๆ มา”
“ฉันไม่ได้จะบังคับน้องเขา แต่ถ้าไม่ได้สานต่อ ฉันตายตาไม่หลับหรอกว่ะ เรื่องนั้นช่างเถอะ ว่าแต่เรื่องของแก มีอะไรวะ กลุ้มใจอะไรนักหนา กินเหล้าพร่องไปเยอะนี่”
เสียงถอนใจยาว แก้วเหล้าที่น้ำแข็งละลายถูกยกมาจิบอีกรอบก่อนจะปริปากพูดออกมาได้
“พ่อจะให้แต่งงาน คราวนี้เอาจริง ไม่ใช่แค่พูด”
“พ่อแม่แกบังคับแกได้ด้วยหรือไงวะ” ภูชิตถามเหมือนไม่อยากจะเชื่อ ธีภพหัวแข็งมาตลอดเพราะไม่อยากสืบทอดกิจการของครอบครัว รวมทั้งครอบครัวไม่อยากให้เขาแต่งงานกับคนที่เขารัก แต่ธีภพเป็นลูกคนเดียว แม้ต่อต้านด้วยวิธีรุนแรงเพียงไหน สุดท้ายพ่อแม่ก็ใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งบังคับเขาจนเขายอมเลิกรากับคนรักมาสืบทอดกิจการครอบครัว
คนรักของธีภพแต่งงานใหม่ทำให้เขากับพ่อแม่แทบไม่ลงรอยกันเพราะพวกท่านเป็นตัวการทำให้เขาเจ็บปวดและสูญเสียหัวใจไปทั้งดวง จนตอนนี้ธีภพก็แทบไม่กลับบ้าน แต่เขาก็ทำงานได้ไม่ขาดตกบกพร่องทำให้พ่อแม่สบายใจมาพักใหญ่ ตอนนี้ภูชิตได้ยินเพื่อนบอกว่าบิดามารดาเพื่อนอยากให้เขาแต่งงาน ภูชิตจึงแทบไม่เชื่อหูว่าพ่อแม่ของเขาจะยังบังคับเขาอยู่
“ตอนแรกแม่ไม่เห็นด้วยกับพ่อ ทะเลาะกันมาเป็นเดือนแล้วเรื่องนี้ หลังๆ มาพ่อแกล้งป่วยแม่ก็เลยมาบังคับฉันให้ตามใจพ่ออีกคน”
ธีภพอธิบายเหตุการณ์สดๆ ร้อนๆ ของวันนี้ให้เพื่อนฟัง ภูชิตถึงได้รู้ว่านั่นเป็นสาเหตุที่เขาหัวเสีย
“แล้วพ่อแกบังคับให้แกแต่งงานกับใครวะ แกถึงต่อต้านขนาดนั้น”
“เป็นใครฉันก็ต่อต้านเพราะเลิกกับจิดามาแล้วฉันก็ไม่เคยคิดแต่งงานกับใครอีกในชีวิตนี้ แล้วยิ่งคนที่พ่อฉันจะให้แต่งด้วยเป็ภนคนนิรนามที่ท่านกำลังสืบหาอยู่ เป็นใครก็ไม่รู้ เป็นแก แกจะไม่ต่อต้านหรือวะ ไอ้ที่เคยเจอๆ กันทุกวันนี้มีทั้งดีไม่ดี ฉันก็ไม่เคยคิดแต่งงานด้วยสักคนเดียว แล้วพ่อกับแม่ยังจะบังคับให้ฉันแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักโดยเอาความกตัญญูมาอ้าง มันใช่เหรอวะ”
ประโยคยาวๆ ที่ไม่ค่อยได้ยินบ่อยๆ จากปากคนพูดน้อยทำให้หัวคิ้วของภูชิตย่นขมวดเข้า เขาพอเข้าใจเรื่องลำบากใจของหนุ่มพ่อพวงมาลัยวัยเกินสามสิบพอเริ่มงานการมั่นคงพ่อแม่ย่อมเปรยเรื่องแต่งงานให้ระคายหูคนหวงชีวิตโสด แต่กับธีภพมันไม่ใช่ พวกท่านเอาเรื่องป่วยมาอ้างและดูท่าทางเหมือนจะจับมันคลุมถุงชนให้ได้ภายในสามวันเจ็ดวันจนสยองแทน โดนบังคับให้แต่งงานกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ยังไม่พอ ไอ้ที่เพื่อนเขาอกหักและยังฝังใจกับรักเก่าจนไม่อยากแต่งงานมันก็เลยซ้ำเติมความเครียดของเพื่อนเขาเข้าไปอีก
“ปัญหาของแกมันมีทางแก้อยู่ทางเดียว” ธีภพเสไปมองคนที่ทำเสียงอ่อนโยนเหมือนเป็นพระมาโปรดและรอว่าเพื่อนเขามีวิธีแก้ปัญหาดีๆ ที่เขาคิดไม่ตกได้หรือไม่
“แกทำตามที่พ่อแม่แกต้องการเถอะ ก่อนที่ท่านจะป่วยจริงๆ พวกท่านไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้วนะ”
“ถ้าจะแนะนำแบบนี้ เลิกคบกันไปเลยเถอะว่ะ” ธีภพหัวเสีย หยิบขวดเหล้ามาเทใส่แก้วที่ว่างเปล่าของตนเอง แล้วยกซดอึกใหญ่ราวกับว่าน้ำสีอำพันนั่นคือน้ำเปล่า
“ฉันพูดจริงๆ นะเว้ยไอ้ธีร์ แกจะหวงความโสดไว้ทำไม พ่อแม่อยากให้แต่งก็แต่งไปเถอะว่ะ พ่อแม่ยังไงก็เลือกสิ่งที่ดีให้ลูกอยู่แล้ว เขาไม่เอาคนวิกลจริตมาแต่งงานกับแกหรอกน่า อีกอย่างนะ ถ้าแกแต่งไปตามใจท่านแล้วแกไปกันไม่ได้ก็เลิกกันได้นี่ แกจะปิดกั้นตัวเองไว้ทำไม คิดหรือไงว่าจะรอจนจิดาโสด เขามีคนรักใหม่มีความสุขลืมแกไปแล้วนะโว้ย ถ้ารอก็คงแก่ตายไปก่อน”
คำพูดของเพื่อนเหมือนตอกย้ำเข้าไปในหัว ธีภพได้แต่ฟัง แต่มันก็ใช่ว่าจะทำตามได้ง่ายๆ
“แกไม่โดนกับตัวเอง ไม่รู้หรอก” เหล้าอีกแก้วถูกสาดลงไปในลำคอที่กร้าวแกร่งประหนึ่งทองแดง ภูชิตเห็นแล้วส่ายหัว ถ้าธีภพยังมีหัวใจที่รักและแคร์พ่อแม่เหลืออยู่ในใจ เขาคิดว่ายังไงก็หนีไม่พ้นการแต่งงานเพราะเขารู้จักนิสัยของพ่อแม่เพื่อนเขาดี
กรณีเดียวที่มันจะหนีพ้นงานแต่งงานแบบคลุมถุงชนได้ ก็เมื่อตอนที่มันคิดว่ามันตัวคนเดียวไม่ต้องมีพ่อแม่จนยอมอกตัญญูต่อท่านก็ได้นั่นล่ะ มันถึงจะได้ครองความโสดแบบที่ต้องการต่อไป