ตอนที่สี่ ไม่ใช่คนอื่นไกล 2

2611 คำ
“เธอ มาทำอะไรที่นี่” “ฉันมาหาบ้านคนรู้จักแล้วก็เอ่อเจอรถคุณพอดีเลยจะเรียกเพราะฉันจะเอาของให้คุณน่ะค่ะ” หญิงสาวพยายามจะควานหาของในกระเป๋า ธีภพถอนหายใจ เขารีบจัดจนไม่มีเวลาจะมาพูดกับหล่อนแต่ก็ไม่อาจละทิ้งไปทั้งอย่างนี้ได้ตัวหล่อนเปียกมะลอกมะแลกแถมวันนี้โคลนยังสีเข้มกว่าปรกติเพราะเป็นน้ำขังมานานหญิงสาวดูเหมือนจะไม่รู้ตัวและค้นหาของอยู่ เขามีบางอย่างจะถามหล่อนเสียด้วย “ฉันไม่มีเวลาเธอตามมานี่แล้วกัน” มือหนาคว้าแขนของมนพัทธ์หญิงสาวเงยหน้ามองแล้วแก้มหล่อนก็แดงก่ำเมื่อสัมผัสได้ถึงมืออุ่นๆที่ดึงแขนของหล่อนอยู่เขาไม่เห็นเพราะเขาลากหล่อนให้เดินตามไปที่รถ “เอ่อฉันตัวเปื้อนอยู่แล้วก็รถของคุณ” หญิงสาวเห็นเขาเปิดประตูรถให้แต่ไม่กล้าเข้าไปนั่ง “เข้าๆไปเถอะไม่เป็นไร” เสียงหงุดหงิดบอกเพิ่ม “ฉันรีบมากจัดการอะไรบางอย่างเสร็จแล้วจะคุยกับเธอทีหลังเข้าไป” เสียงบอกหงุดหงิดแล้วก็ห้วนทำให้หล่อนเข้าไปอยู่ในรถคันหรูแอร์เย็นเฉียบตามแรงรุนของเขายังไม่ทันจะกะพริบตาได้ถึงสองทีเขาก็วนมาที่รถของเขาแล้วออกตัวไปอย่างรวดเร็ว “คือฉันเรียกคุณเพราะจะเอาบิลที่ไปจ่ายค่าทำบุญให้คุณ” หญิงสาวนั่งกระมิดกระเมี้ยนบอกเสียงสั่นๆเพราะตื่นเต้น “ฉันไม่ว่างติดสายอยู่เดี๋ยวจะคุยทีหลัง เงียบไว้ก่อน” เขาบอกย้ำหล่อนเสียงเข้มกว่าเก่ามือเขาชี้ให้เห็นสปีกเกอร์โฟนในรถและหล่อนเงียบลงก็ได้ยินเสียงขลุกขลักอยู่ในลำโพงเขาดูดุดันและหงุดหงิดรวมทั้งรีบเร่งจนไม่มีเวลาฟังหล่อน หญิงสาวก้มหน้าแล้วอยู่อย่างเงียบๆสักพักมีเสียงตอบจากคนที่อยู่ในสายของเขา “ธีร์ใกล้ถึงหรือยังลูกคุณพ่ออาการแย่มากรถพยาบาลก็ไม่มาสักทีลูกก็มาไม่ถึงสักทีคุณพ่อบ่นเจ็บหน้าอกตอนวางสายจากลูกแล้วก็นั่งนิ่งบ่นว่าเจ็บอยู่ตั้งนานแล้วตอนนี้เหมือนเป็นลมไปไม่ตอบสนอง” เสียงปลายสายเอ่ยกระวนกระวายและพูดซ้ำๆ “ถึงหน้าบ้านแล้วครับคุณแม่ใจเย็นๆคุณแม่ดูดีและแน่ใจนะครับว่าคุณพ่อป่วยจริงๆไม่ได้แกล้ง” “ครั้งนี้จริงๆลูกแม่ว่าที่ผ่านมาเขาไม่ได้แกล้งเขาป่วยจริงแต่เราไม่ยอมเชื่อตอนนี้พ่อเขาดูเหมือนหยุดหายใจ ไม่ตอบสนองเรียกไม่ตื่นมาเกือบนาทีหนึ่งแล้วคุณธนาคะคุณฮือๆธีร์รีบมาได้ไหมลูก” หญิงสาวฟังแล้วตาเหลือกดูเหมือนว่าคนใกล้ตัวธีภพจะอยู่ในภาวะฉุกเฉินธีภพก็ขับรถเร็วมากๆเขาเลี้ยวเข้ารั้วใหญ่หนาทึบอย่างรวดเร็วมนพัทธ์จึงไม่ทันสังเกตบ้านเลขที่ที่เขาเลี้ยวเข้ามาว่านั่นเป็นหมายเลขเดียวกับที่หล่อนยังเดินเข้ามาตามหาไม่ถึง “คุณแม่ใจเย็นๆครับบอกคุณพ่อเลยครับว่าไม่ต้องแกล้งอะไรแล้วจะให้ทำอะไรผมยอมแล้วก็ได้แต่อย่าเล่นอย่างนี้ผมไม่ชอบ” “พ่อเขาไม่ได้เล่นลูกเขานิ่งไปจริงๆธีร์ทำยังไงดีฮือๆ” ธีภพได้แต่บอกมารดาว่ากำลังเข้าบ้านแต่ถนนทอดเข้าตัวบ้านยาวไกลเหลือเกินคนที่นิ่งมาตลอดเห็นท่าจะไม่ดีหล่อนจึงยอมเสียมารยาทเอ่ยแทรกไป “คุณคะคุณรีบปั๊มหัวใจเขาเลยค่ะเขามีเวลาแค่สี่นาทีที่หยุดหายใจได้จับคางคุณลุงเชิดขึ้นแล้วเอามือวางตรงลิ้นปี่ค่อนไปด้านซ้ายแล้วกดเป็นจังหวะสามสิบครั้งแล้วเป่าลมเข้าปากคุณลุงสองครั้งทำสลับกันเลยค่ะคุณลุงกำลังอยู่ในภาวะฉุกเฉินรีบเลยค่ะจะไม่ทันแล้ว” ธีภพหันมามองหล่อนแล้วก็บอกมารดา “คุณแม่คุณพ่อไม่ตื่นใช่ไหมครับทำตามที่เพื่อนผมบอกก่อนครับผมถึงหน้าบ้านแล้ว” ธีภพเบรกเอี๊ยดจนแทบหัวทิ่ม เขาวิ่งลงจากรถอย่างรวดเร็วหญิงสาวทำอะไรไม่ถูกเห็นเขาวิ่งหล่อนก็วิ่งตาม ในห้องรับแขกคนที่คาดว่าน่าจะเป็นมารดาของธีภพกดมือที่หน้าอกของบิดาเขาอย่างเก้ๆกังๆมนพัทธ์เห็นแล้วเบิกตากว้าง เหมือนเดจาวูชัดๆเมื่อเห็นว่าคนป่วยคือลุงยามที่เธอเคยช่วยชีวิตเขาไว้ครั้งนั้นเขาก็หยุดหายใจเช่นนี้ ธีภพถึงตัวบิดาก่อนเขาย่นคิ้วและจะปั๊มหัวใจแทนมารดาแต่ก็ดูไม่คล่องตัวพอกัน มนพัทธ์ตั้งสติก่อนก้าวเข้าไปแทรกแล้วบอก “ฉันทำเป็นค่ะขอเปลี่ยนค่ะ” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆวางมือประสานตรงตำแหน่งหัวใจออกแรงกดที่หน้าอกของคุณลุงที่ครั้งหนึ่งหล่อนคอยช่วยชีวิตของท่านเอาไว้ได้แล้วมือกดและนับอย่างชำนาญธีภพและมารดามองอย่างเป็นกังวลใจ “คุณธีร์เป่าค่ะ” ธีภพทำตามที่หญิงสาวบอกคือการเชยคางบิดาเป่าลมเข้าปากท่านสองครั้งหญิงสาวลงมือปั๊มหัวใจของบิดาเขาต่อโดยช่วงที่เขาเป่าลมหล่อนให้มารดาเขาโทรไปย้ำเรียกรถพยาบาลและตามคนอื่นที่แข็งแรงกว่ามาช่วย หญิงสาวทำไปได้หลายรอบจนหน้าแดงก่ำ หยาดเหงื่อหยดจากหน้าผากเสียงไซเรนรถพยาบาลก็วิ่งเข้ามา ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมีเจ้าหน้าที่ทีมใหญ่มารับช่วงต่อจากมนพัทธ์หญิงสาวลุกขึ้นมาได้หล่อนก็เกือบจะเป็นลมไปอีกคนดีที่ธีภพคว้าร่างโซซัดโซเซของหล่อนไว้ได้ หญิงสาวปรือตามองทีมที่มากับรถพยาบาลมีทั้งแพทย์พยาบาลและผู้ช่วยพยาบาลที่เป็นผู้ชายและคงมีทักษะในการช่วยชีวิตเบื้องต้นนอกนั้นพวกเขายังมีเครื่องมือช็อตไฟฟ้าหัวใจแบบเคลื่อนที่ซึ่งจำเป็นต่อคนเป็นโรคหัวใจอย่างคุณลุงคนนี้ “ท่านคือพ่อของคุณใช่ไหมคะ” หญิงสาวหันไปถามระหว่างที่ทุกคนถอยจากบิดาของธีภพหมดเพื่อช็อตหัวใจของคนไข้ด้วยเครื่องช็อตไฟฟ้าหลังจากที่จับสัญญาณชีพจรของเขาไม่ได้ หลังจากนั้นมีการปั๊มหัวใจคนไข้ต่อรวมทั้งการฉีดยาอะดรีนาลีนกระตุ้นหัวใจคนไข้ “ใช่” “ท่านเคยมีอาการนี้ครั้งหนึ่ง ที่พัทยาฉันเจอท่านและช่วยท่านไว้จนท่านฟื้นหมอบอกว่าท่านเป็นโรคหัวใจต้องผ่าตัดฉันนึกว่าท่านจะรักษาตัวแล้วเสียอีกแต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะตอนนี้เครื่องมือครบพร้อมขนาดนี้ท่านต้องฟื้นแน่ๆค่ะ” “ท่านเคยเป็น อย่างนั้นหรือ” ท่ามกลางนาทีเป็นนาทีตายที่เคร่งเครียดธีภพปริวิตกอย่างยิ่ง “ท่านบอกว่าไม่สบายฉันคิดว่าท่านแกล้งเพื่อบังคับให้ทำตามที่ท่านต้องการแต่ คุณพ่อของฉันป่วยจริงๆ” เสียงแผ่วเบาของเขาครางจากลำคอ มารดาของเขาร้องระงมอยู่อีกมุมหนึ่งหญิงสาวจึงพยายามแข็งใจยืนเขาจึงผละไปหาท่านและคว้าท่านเอาไว้ ครู่เดียวแต่ยาวนานสำหรับผู้รอ เวลาที่รอไม่ได้ทำให้ใครผิดหวังเมื่อเสียงเครื่องมอนิเตอร์ที่วัดชีพจรของคนไข้ดังขึ้นสัญญาณชีพที่เป็นเส้นตรงค่อยๆหยักขึ้นมาตามจังหวะการเต้นของหัวใจ มนพัทธ์น้ำตาไหลออกมาด้วยความตื้นตันชีวิตของคุณลุงที่หล่อนตามหาไม่ได้มอดดับหล่อนยังมีโอกาสมอบของคืนให้ท่านกับมือ แพทย์เคลื่อนย้ายธนาขึ้นรถโรงพยาบาลเพื่อไปดูอาการและเข้ารับการตรวจรักษาต่อที่โรงพยาบาลแม้ว่าชีพจรของเขาจะกลับมาแล้วแต่เขายังไม่รู้สึกตัวดีและต้องใส่ท่อช่วยหายใจและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดอยู่ธีภพตัดสินใจขึ้นรถพยาบาลตามบิดาไปก่อนจะขึ้นรถเขาหันมามองมนพัทธ์กับมารดา “เธอช่วยพาแม่ฉันนั่งรถตามรถพยาบาลไปได้ไหม” เสียงทุ้มห้วนเอ่ยถามหญิงสาวพยักหน้ารับเมื่อเขาบอกว่าให้ใช้รถของเขาจากนั้นรถพยาบาลก็ปิดประตูด้านหลังลงพร้อมกับแล่นออกไปอย่างรวดเร็วชื่อโรงพยาบาลที่เพิ่งสังเกตคือโรงพยาบาลเอกชนที่ดังที่สุดของประเทศและอยู่ไม่ไกลบ้านของธีภพนัก “คนขับรถยังไม่กลับจากไปจ่ายตลาด อีกคนลากลับบ้าน” มารดาของธีภพมองหล่อนเหมือนคนแปลกหน้าหลังจากเห็นว่าสภาพหัวจรดเท้าหล่อนเป็นอย่างไรแม้จะประดักประเดิดเพราะเจ้ายศเจ้าอย่างหากแาต่ดวงหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลนั้นยังมีความหวังว่าหล่อนจะขับรถได้ “เดี๋ยวมนเอ๊ยดิฉันจะขับไปให้เองค่ะ” ท่านมองหล่อนเหมือนไม่แน่ใจแต่ดวงหน้าที่เป็นกังวลนั้นก็พยักหน้ารับ หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้อะไรก็ต้องรีบให้ทันตามเวลา “เธอ เป็นอะไรกับธีภพทำไมมาด้วยกัน” ขับรถมาได้ครึ่งทางดูเหมือนมารดาเขาจะนึกขึ้นได้เลยเอ่ยถามมนพัทธ์คนที่เกร็งเพราะขับรถราคาแพงมากๆครั้งแรกและเครื่องเร็วแรงจนต้องใช้สมาธิสูงไม่กล้าหันไปมองเลยว่าตอนที่ท่านถามนั้นท่านมองหล่อนด้วยสายตาอย่างไร หญิงสาวจึงเล่าไปเพียงว่าเจอเขาเพราะเรื่องโคลนสาดและต้องการค*****นค่าทำขวัญเขาไม่รับจึงเอาเงินไปทำบุญและจะเอาบิลให้เขาเพราะบังเอิญเจอรถเขาขับผ่านแต่เผอิญโดนโคลนสาดเขาจึงพาหล่อนมาด้วยและมาเจอเหตุการณ์นี้ มนพัทธ์เล่าจบ ภารดีมารดาของธีภพก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจที่หล่อนไม่ได้เป็นผู้หญิงของลูกชายนางแต่เป็นแค่คนที่เขาพบเจอที่ข้างทางและไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันให้ต้องกังวลใจ ทันทีที่ฟื้นขึ้นมาบิดาของธีภพก็ยังถูกให้อยู่ในสภาพเฝ้าระวังและเตรียมผ่าตัด เครื่องมือช่วยชีวิตหลายอย่างถูกถอดออกหลังจากที่แน่ใจว่าคนไข้หายใจเองได้ระหว่างที่หมอกำลังวุ่นวายกับการดูแลบิดาของตนเองในห้องผู้ป่วยหนักธีภพจึงมีเวลาคุยกับมนพัทธ์หลังจากที่คุยกับมารดาและกอดปลอบใจท่านไปหนึ่งครั้งแล้วธีภพก็เรียกคนที่เสื้อเปื้อนโคลนและนั่งอยู่ไม่ได้ไปไหนให้ตามมาคุยกัน เขาเดินนำหล่อนมาที่ระเบียงด้านหนึ่งของอาคารในยามย่ำค่ำ เพราะฝนเพิ่งตกหนักและหยุดไปหมาดๆ อากาศจึงดูหนาวเย็น แต่เห็นสายตาของเขาแล้วหล่อนกลับหนาวยิ่งกว่า เขาเหมือนคนที่เย็นชาจนไม่มีความรู้สึกอะไร บางครั้งก็เหมือนเป็นแวมไพร์ ไม่ใช่คน “จ้องทำไม” หญิงสาวเผลอตัวจ้องเขาและรีบหลบตากลบเกลื่อน ไม่กล้าบอกไปว่าไม่เคยเห็นใครที่หน้าตาดีทั้งที่ยังทำหน้านิ่งผิวหน้าเรียบตึงไม่กระดุกกระดิกอย่างกับหุ่นขี้ผึ้ง “เดี๋ยวฉันเอาบิลค่าทำบุญให้คุณนะคะ” “เอาไว้ตรงนั้นล่ะ ขอบใจ” เขายกมือมาปรามคนที่กำลังจะค้นหาของในกระเป๋าอีกรอบ หญิงสาวหน้าม่อยลง แต่กระนั้นก็ดีใจที่เขารู้เจตนารมณ์ของหล่อน “ฉันทำให้ชุดเธอเปื้อนอีก ฉันจะซื้อให้ใหม่ทดแทน” “ไม่ค่ะไม่” หญิงสาวส่ายมือส่ายหน้าเร็วปรื๋อ “ชุดนี้ต่อให้เปื้อนเลือดเป็นถังก็ซักออกหมดจดค่ะแค่นี้ไม่เป็นไร” “ขอบใจนะที่ช่วยพ่อฉันถึงสองครั้ง” คิ้วของเขาย่นเข้านิดหน่อยเมื่อนึกถึงเรื่องการเจ็บป่วยของบิดา “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่แอบเคืองท่านนิดหน่อยที่ท่านหลอกฉันว่าเป็นยามตอนที่ฉันช่วย แต่จะว่าท่านทั้งหมดก็ไม่ได้ ฉันเข้าใจผิดและทึกทักเองเพราะท่านเป็นลมอยู่หน้าบ้านคงพูดไม่ออกที่เห็นฉันตาต่ำ” หญิงสาวบอกอย่างประหม่า ยิ่งเห็นเขามองนิ่งๆ หล่อนก็คิดว่าลืมตัวพูดมากกับเขา เขาคงรำคาญ “เอ่อ พอดีค่ำแล้วฉันจะต้องกลับ ก่อนกลับฉันขอฝากของไว้ให้คุณพ่อคุณได้ไหมคะ ท่านเคยให้เพื่อตอบแทนแต่ฉันพยายามตามหาท่านเพื่อที่จะเอาคืนเพราะมันคงมีความหมายสำหรับท่าน” หล่อนล้วงหาของและเจอถุงผ้าสีสดแล้วยื่นให้ชายหนุ่ม เขาเปิดถุงออกแล้วมองอยู่ข้างในแล้วนิ่งงันนึกถึงคำพูดบิดาที่พูดเท่าไหร่เขาก็ไม่ใส่ใจฟัง แต่ตอนนี้เขากลับนึกถึงได้ทุกคำ “พ่อกำลังตามหาเด็กที่จิตใจดีมากๆ คนหนึ่ง คนคนนั้นที่พ่ออยากให้มาอยู่ในใจแกแทนที่จิดา ถ้าพ่อตามหาเขาเจอ พ่อจะให้เขาแต่งงานกับแก” “คุณธีร์คะ ฉันไปก่อนนะคะ” หญิงสาวเรียกเขาแล้วถือโอกาสยกมือไหว้ลา หลังจากเห็นที่มองสร้อยล็อกเกตแล้วเงียบไป หล่อนลืมความตั้งใจแรกที่จะของานลุงยามไปเลยเมื่อรู้ว่าเขาคือบิดาของธีภพ เพราะเป็นอย่างนั้นเขาคงได้เข้าใจว่าหล่อนมาหาผลประโยชน์จากครอบครัวเขา พอคืนของได้หล่อนก็ตั้งใจจะกลับไปตั้งหน้าตั้งตาหางานใหม่ทำจริงจัง “ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก เธอควรให้ท่านเองกับมือ เพราะท่านเองคงมีเรื่องอยากพูดกับเธอ” ธีภพยื่นของคืนให้หล่อน “เรื่องที่จะพูด” หญิงสาวทำหน้าเหลอหลา “อย่างเช่นขอบใจยังไงล่ะ” หญิงสาวฟังเขาแล้วก็พยักหน้าเอออออย่างไร้เดียงสา ไม่ได้รู้ทันคนอื่นว่าคิดอะไรกันอยู่ แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ หากหล่อนจะรู้เดียงสามากๆ ก็คงไม่รู้เท่าทันความคิดของคนอย่างธีภพอยู่ดีว่าเขาคิดอะไร “เธอควรจะเปลี่ยนชุดหรืออาบน้ำ รอก่อนเดี๋ยวฉันให้เลขามาจัดการให้” มนพัทธ์มองตามแผ่นหลังเขาไปแล้วก็ย่นจมูก “นอกจากจะเย็นชาแล้วก็ชอบสั่ง ไม่เคยถามความสมัครใจเลย จริงๆ เรากลับบ้านไปก่อนค่อยมาก็ได้ นี่ต้องไปลำบากเลขาของเขาอีก” บ่นพึมพำอยู่คนเดียวพลางส่งข้อความไปเล่าเรื่องให้เพื่อนสนิทที่หนีไปพักร้อนอยู่ที่บ้านที่ต่างจังหวัดฟัง บังเอิญจังที่ไปเจอคุณธีร์อีก มนเป็นคนดีมากๆ เลย ทำดีแล้วต้องได้ดีชัวร์ แต่ถ้าเจออีตาพี่ภู ถ้าเขาถามถึงตรีห้ามบอกหรือพูดอะไรเกี่ยวกับตรีเด็ดขาดนะขอร้อง เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังทีหลังว่าทำไม ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างวุ่นอยู่กับการทะเลาะกับแม่และพ่อเรื่องจะนัดให้เจอลูกเพื่อนพวกท่าน ตรีกำลังหนีการคลุมถุงชนอยู่น่ะ ช่วงนี้อย่างซวย เจอแต่เรื่องแย่ๆ เห็นข้อความตอบกลับของเนตรตรียาแล้วก็งง หลังจากที่แยกมาแล้วเนตรตรียาก็กลับบ้านไปทันที ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างสองคนนั้น หรือว่าภูชิตอาจจะยังติดต่อตามตื๊อเนตรตรียาอีก เพื่อนของหล่อนถึงได้มีท่าทางเหมือนอยากหนีขนาดนั้น จ้ะ ถ้าเจอคุณภูมนจะไม่บอกอะไร
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม