บทนำ อย่าไล่ผมออกจากชีวิตพี่เลย
คุณเคยได้ยินคำว่าหลงรักคนที่ไม่ควรรักมั๊ยล่ะครับ.. ถ้าเคยนั่นแหละสิ่งที่ผมกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้
วันนี้เป็นอีกวันที่ผมโคตรจะเบื่อหน่ายกับตัวเองแล้วก็คนรอบข้าง แต่ทำไงได้ถ้าผมไม่ทำงานใครบางคนมันก็คงจะไม่มีเงินไปโรงเรียน เด็กผู้ชายที่ภายนอกมองดูแล้วโคตรจะใสซื่อแต่บรรลือเรื่องเซ็กแบบนี้ ผมว่าไม่ใสแล้วมั้ง
เด็กผู้ชายที่ผมพูดถึงคือคนที่แม่มันมาฝากทิ้งไว้กับผม ส่วนตัวเขาเองคงไปโลดแล่นอยู่ที่ไหนบนโลกสักแห่ง แล้วแม่มันก็ไม่ใช่คนอื่นไกล
แม่มัน.. ก็เมียน้อยพ่อผมไง พ่อของไอ้ครามคนนี้ ถึงเเม้ทั้งสองคนจะเเต่งงานหลังจากที่หย่ากับเเม่ผมก็เถอะ เเต่ยังไงซะผมก็ไม่ชอบเธออยู่ดี
ทิฐิสูงผมยอมรับ
และถึงแม้เวลามันจะผ่านไปแค่ไหนผมก็ยังฝังใจกับทุกเหตุการณ์ จำทุกช่วงเวลาที่ผมเจ็บปวดได้ดี
“พี่คราม ผมซื้อโจ๊กหมูกับน้ำเต้าหู้มาฝาก.. กินเลยมั๊ย”
สายตาผมหันไปสบกับคนตัวเล็กกว่าที่เดินเข้ามาพอดิบพอดี ทุกวันนี้ผมยังเกิดคำถามมากมายเลยว่าเหตุผลอะไรทำไมแม่มันถึงมาฝากมันไว้กับผมกัน
ไม่กลัวว่าผมจะทำอะไรเกินเลยหรือยังไง เฮอะ!
“ไม่” ผมตอบกลับ
“แต่ว่าผมซื้อมาแล้ว..”
“กูไม่กิน”
“ก็ได้ครับ งั้นริววางไว้ตรงนี้ พี่ครามเดินทางปลอดภัยนะครับ..”
คนตัวเล็กไม่ว่าเปล่า ในมือถือตะกร้าที่พึ่งซักเสร็จเดินผ่านผมไปสีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี กลิ่นอายความหอมในตัวเด็กนี่มันดาเมจกับไอ้ครามรุนแรงขนาดนี้เลยหรอวะเนี่ย
ถึงเเม้มันจะหอมเเต่กลิ่นอายความน่าขยะเเขยงในตัวมันไอ้ครามไม่เคยลืม
เมื่อก่อนผมเคยคิดว่าตัวเองอยากจะมีน้องชายกับคนอื่นเขาบ้าง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลามีคนมาถามผมคงตอบว่าอยากจะมี แต่ถ้าเป็นตอนนี้ผมคงปฏิเสธจากใจจริงเลยล่ะครับ ว่าไม่อยากมี!
“เดี๋ยว” ผมเรียกเอาไว้ก่อนที่ร่างเล็กจะเดินผ่านไป น่าแปลกที่ผมทำร้ายจิตใจมันแทบทุกอย่าง แต่ทุกวันมันก็ยังยิ้มแย้มให้ผมเหมือนกับว่าเรื่องราวเหล่านั้นมันไม่เคยเกิดขึ้น
อดทนกับความเจ็บปวดมันสนุกนักหรือไง ก็แค่โทรให้แม่มารับกลับไปมันจะตายหรือไงกัน!
“อะ..”
ฟุ่บ.. หมับ!
ผมออกแรงดึงข้อมือริคุเอาไว้ก่อนจะผลักร่างเล็กให้ล้มลงนอนบนโซฟาแคบ ก่อนจะโถมตัวขึ้นคร่อมคนใต้ร่างเอาไว้ไม่ให้ขยับหนีไปไหน เป็นรอบที่เท่าไหร่ผมไม่รู้กับการที่คนตรงหน้าต้องร้องครางอยู่ใต้ร่างของผม
รู้แค่ว่า.. เห็นทีไรอดใจไม่อยู่สักครั้ง
“พี่คราม..”
“อาบน้ำรึยัง” ผมถามพลางมองตะกร้าผ้าที่ลงไปกลิ้งอยู่กับพื้นเรียบร้อยแล้วหันกลับมามองคนตรงหน้าต่อ
“ยะ..ยังครับ”
“หรอ”
“ครับ.. พี่ครามช่วยลุกออกไปได้มั๊ย ผมอึดอัด”
คนตรงหน้าไม่กล้าแม้แต่จะสบตาผม ถึงแม้ในใจผมโคตรจะเกลียดมันที่มันเข้ามาทำลายความสัมพันธ์ในครอบครัวผมก็ตาม อีกทั้งผมอยากจะบีบมันให้ตายคามือเเละทำให้มันเจ็บปวดที่สุดเหมือนที่ผมเคยเจ็บปวดมาก่อน
แต่มันก็แค่เด็ก.. เด็กน้อยสำหรับไอ้ครามคนนี้เท่านั้นเอง
“กลัวกูหรอไง”
“ปะ..เปล่านะครับ”
“หึ”
“พี่คราม..”
ริคุ หรือริวลูกครึ่งญี่ปุ่นแม่มันเลิกกับพ่อเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมทราบเรื่องราวที่เเม่ของมันเดินเข้ามาในชีวิตพ่อผมดีว่าเข้ามาด้วยเหตุผลอะไร แล้วการที่แม่ผมจากไปมันเป็นเพราะอะไร แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่สามารถยอมรับเธอมาเป็นแม่ผมอีกคนได้หรอก เฮอะ! เรื่องมันน่าสมเพชกว่านี้ก็คือแม่มันมาทิ้งไอ้เด็กนี่ไว้กับผมทั้งๆ ที่ตัวเองรู้อยู่แก่ใจว่าผมเกลียดทั้งคู่ขนาดไหน
พวกเขาเองคงจะไว้ใจพี่ชายที่แสนเลวคนนี้มาสินะถึงกล้าเอาลูกตัวเองมาเข้าถ้ำเสือของไอ้ครามแบบนี้
ถ้าเเม่ผมยังอยู่เขาจะรู้สึกยังไง เเละหัวใจของผมจะเเหลกเหลวขนาดไหนที่เห็นเเม่เจ็บปวด ไม่อยากจะคิดเลยครับ.. หึ!
“ถ้ามึงอยากอยู่ที่นี่ก็มาเป็นทาสกู”
“ทาส ?”
“ใช่”
“.....”
“งั้นมาเป็นทาสกูนับตั้งแต่ตอนนี้เลยก็แล้วกัน”
“พี่ครามอย่า!”
ผมไม่สนใจมือไม้เล็กๆ หรือเสียงหวานๆ ของมันอีกต่อไป ก้มลงซุกไซร้ซอกคอขาวเนียนอย่างไม่ลืมหูลืมตา มือเล็กปัดป้องผมใหญ่แต่แรงน้อยๆ ของมันทำอะไรกับผมไม่ได้หรอก ละอ่อน...
อย่ามาทำเป็นไขสื่อตีหน้าซื่อๆ ใส่ไอ้ครามเถอะ ผมไม่มีวันเห็นค่ามันดีไปกว่าขยะที่เขาเขี่ยทิ้งกันหรอกครับ!
“ฮึ่ก..พี่ครามอย่าทำแบบนี้! .. ฮือ..อึก.. ปล่อยริวไปเถอะ”
“.....”
"พี่คราม เจ็บ.."
"สำออย"
"เเต่ผมเจ็บ..ฮึ่ก"
ผมหยุดการกระทำป่าเถื่อนแบบนี้ ก่อนจะเงยมองสีหน้าของคนตัวเล็กที่ตอนนี้ถูกน้ำตาปกคลุมเลอะขอบตา เลอะแก้มใสๆ ริมฝีปากสั่นระริกแถมมือมันตอนนี้เปลี่ยนจากผลักอกผมเป็นกำชายเสื้อผมแทน
ไม่ใช่ผมไม่รู้สึกอะไรเลย.. แต่มันก็แค่คนที่ผมไม่อยากเห็นหน้า เข้าใจหรือเปล่าเวลาที่ผมเห็นหน้ามันผมจะเจ็บปวดหนักกว่าเก่า
ผมทั้งไล่ ทั้งด่าว่าก็แล้ว ทำทุกอย่างที่คิดว่ามันจะถอดใจกลับญี่ปุ่นไปซะ แต่มันก็ใช้ไม่ได้ผลกับมันเลยสักอย่าง
“มึงอยากให้กูปล่อยมึงไปเองนะ เชิญออกไปจากบ้านกู!”
“มะ..ไม่เอาฮะ ริวขอโทษ แต่พี่ครามอย่าไล่ผมนะ อึ่ก..”
“หึ”
"จะมาอยู่ให้เป็นเสนียดบ้านกูทำไม พ่อเเม่ไม่รักเหรอวะ! "
มันน่าเเปลกที่ผมพยายามไล่ไอ้เด็กนี่เเม่งทุกครั้งเเละทุกครั้งมันก็ไม่ยอมไปไหนเเถมกอดเข่าร้องไห้ไม่ให้ผมไล่มันไป ขนาดพูดจาเเรงใส่มันก็ดูเหมือนไม่สะทกสะท้านด้วยซ้ำไอ้ครามล่ะไม่เข้าใจมันจริงๆ
หรือต้องเจ็บปวดมากกว่านี้มันถึงจะทนไม่ได้เเละเดินออกจากบ้านผมไปสักที..
หมับ
ผมอึ้งเล็กน้อยกับการกระทำของคนตัวเล็ก พอผมทำท่าจะลุกออกจากตัวมัน ไอ้เด็กนี่มันลุกพรวดพราดขึ้นมากอดเอวผมแล้วซุกหน้าไว้ที่หน้าท้องผมยกใหญ่
“อย่ามาอ่อยกู กูไม่ชอบเด็กแบบมึง”
“พี่คราม...”
“ปล่อยกูได้ละ”
“พี่ครามจะไม่ไล่ผมใช่มั๊ย ...อย่าไล่ผมเลยนะ ขอร้อง”
“จูบกูสิ”
“หะ..หะ ว่ายังไงนะ”
“จูบกู”
“ได้สิฮะ เราก็ทำกันทุกวันไม่ใช่หรอ..”
ผมแทบสะอึกกับคำพูดของมันไม่ใช่น้อยที่พูดแบบนั้นออกมา แต่ก็จริงอยู่ผมทนริมฝีปากเล็กๆ สีชมพูของไอ้เด็กนี่ไม่ไหวเลยสักครั้ง ไอ้ครามก็เลยตั้งข้อต่อรองว่าทุกเช้าเราจะมอนิ่งคิสกันเพื่อสร้างความสนิท
แต่นั่นมันก็แค่ความอยากของไอ้ครามเท่านั้นแหละ..
“งั้นจูบ”
สิ้นเสียงผมคนตัวเล็กพยายามเขย่งปลายเท้าขึ้นมาจูบผม แบบนั้นแม่งทำให้ผมแทบหลุดขำมันออกมา แต่ก็ต้องเก็กขรึมใส่แม่งไว้ แล้วก็เป็นผมเองที่โน้มตัวลงไปจูบที่ริมฝีปากมันเบาๆ แค่นี้ร่างกายไอ้ครามก็รู้สึกมีกำลังวังชามากขึ้นฉิบหายเลย
จ๊วบ
ผมผละจูบออกพร้อมกับเช็ดริมฝีปากตัวเองออกพลางๆ คนตรงหน้างุดหน้าลงนิดๆ เพราะคงคิดว่าผมรังเกียจมัน เเต่เปล่าหรอกทุกครั้งที่มันจูบผมเนี่ยน้ำลายชอบเลอะ ก็เด็กมันจูบไม่เป็นน้ำลายก็เลอะปากไอ้ครามไงครับ =_=
อ้อ.. เเล้วอย่าคิดว่าไอ้เด็กนี่จะเวอร์จิ้นนะ ก่อนมาอยู่กับไอ้ครามอะซิงเเต่หลังจากนั้นก็.. โดนสอย.. ทุกวัน J
“พี่คราม..”
“อะไร” ผมถาม
“ผมอยากอาบน้ำแล้วครับ”
“อือ”
“พี่คราม..”
“อะไรอีกวะ” ผมมุ่นคิ้วใส่อย่างไม่สบอารมณ์ ในมือคว้ากระเป๋าตังค์กับกุญแจรถที่มันเตรียมเอาไว้ให้ แล้วก็กำลังจะก้าวเท้าเดินออกจากบ้านแต่เสียงของคนด้านในกลับดังออกมาจนกระแทกเข้าที่โสตประสาทหูผมซะก่อน
“อย่าไล่ริวออกจากชีวิตพี่เลยนะ ริวอยากอยู่กับพี่คราม...”