[บทบรรยาย :: ริคุ]
ผมเคยคิดว่าการตกหลุมรักเขามันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เปล่าเลยผมตกหลุมนั่นเต็มๆ .. ทั้งๆ ที่เขาร้ายกับผมเหลือเกินทำไมหัวใจผมมันถึงดื้อดึงไม่ยอมจากเขาไปไหนสักที..
ผมเดินทางมาโรงเรียนด้วยเท้าของตัวเองเเบบนี้ทุกวัน ที่จริงมันก็ไม่ไกลหรอกเเต่ผมมาไม่เคยทันเข้าเเถวเลยสักวันมันอาจจะเป็นเพราะผมชอบมองวิวทิวทัศน์ข้างทางไปด้วยล่ะมั้งเลยมาสาย เเต่จริงๆ เเล้วผมอยู่บ้านหลังเดียวกับพี่คราม โรงเรียนที่เขาสอนผมก็เรียนอยู่ด้วยเเต่ผมไม่กล้าที่จะขอร่วมเดินทางไปกับเขาหรอกเพราะเเค่เขาให้ที่อยู่ ที่กินผมเเค่นี้ก็พอเเล้ว
“จูบกู”
"ฮึก.."
ผมชะงักฝีเท้าลงทันทีที่นึกถึงคำพูดของพี่ครามเมื่อเช้า มันทำเอาผมใจเต้นเเรงมากจริงๆ ถึงเเม้ว่าเขาจะชอบสาดคำพูดเเรงๆ หรือการกระทำเเรงๆ กับผม เเต่ผมกลับไม่รู้สึกเกลียดเขาเลยสักนิด เขาเองก็อาจจะเคยตกอยู่ในสภาวะเดียวกับผมไง
สภาวะที่ไม่มีใครเห็นหัว ไม่มีใครรัก เเม้กระทั่งพ่อเเม่ตัวเอง..
ผมรู้ว่าพี่ครามไม่ชอบขี้หน้าผม เเละผมก็รู้ตัวดีว่าครอบครัวของผมทำอะไรกับเขาเอาไว้ ผมอยากจะขอโทษเขาหลายครั้งๆ วันละหลายๆ รอบเลยด้วยซ้ำ เเต่เขาไม่เคยรับคำขอโทษจากผมหรือให้อภัยครอบครัวเราเลย
ผมเองก็ไม่เคยที่จะยอมรับในการที่จะให้คุณลุงหรือพ่อของพี่แทนมาเป็นพ่อของผมเลยด้วยซ้ำ แต่ผมอยากได้พี่ชายที่แสนดีของผมคืนมา
ผมรู้ว่ามันยากที่จะยอมรับ เเต่ผมอยากให้พี่ครามเปิดใจ.. เเค่นั้นเอง
ไฮสคูลเเห่งหนึ่ง
กว่าจะเดินถึงทั้งโรงเรียนก็เข้าเเถวหน้าเสาธงไปเรียบร้อยเเล้ว พอหันไปมองที่ยืนประจำของครูเวรก็ไม่มายืนเฝ้าประตูเเบบนี้เเสดงว่าผมสายมากเเล้วจริงๆ นักเรียนต่างก็เข้าห้องเตรียมตัวเรียนกันหมดแล้วด้วย
ผมค่อยๆ เลาะหลบๆ ครูท่านอื่นที่สอนห้องอื่นอยู่เพราะถ้าเกิดมีใครเห็นผมอาจจะโดนเข้าห้องปกครองก็ได้ พี่ครามอาจจะต้องมาเดือดร้อนแล้วก็มาตวาดผมตอนกลับบ้านอีก
"ทำไมพึ่งมา"
เสียงเย็นยะเยือกของคนที่คุ้นเคยทำให้ผมต้องรีบหันขวับไปมองเเล้วส่งยิ้มให้ทันที พี่ครามที่ยืนเเอบสูบบุหรี่อยู่ข้างกำเเพงทิ้งบุหรี่ลงพื้นเเละเหยียบมันจนไฟดับเหลือเเต่กลิ่นจางๆ ของควันที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ
"เเวะดูคุณลุงเล่นดนตรีมาฮะ"
"ไสหัวไปได้ละ"
"ครับผมโค้งศีรษะให้พี่ครามน้อยๆ
"เดี๋ยว"
หมับ!
"อ๊ะ พี่ครามครับ.."
ผมกระพริบตาถี่ๆ มองคนตัวสูงตรงหน้าที่ห่างกันไม่ถึงคืบ เขาจัดการกระชากข้อมือผมให้เข้าไปประชิดตัว ใบหน้าหล่อเหลาของเขานิ่งเรียบเเต่มือไม้ของเขากลับไม่นิ่งตามไปด้วย มือเขากำลังบีบเค้นก้นกลมของผมอย่างถือวิสาสะ ผมพยายามผลักอกเขาออกเเต่ก็ไม่เป็นผล คนอย่างริคุไม่สามารถสู้แรงพี่ครามได้สักครั้งเลยสินะ
เขาน่ะเอาเเต่ใจ เเละรุนเเรงเสมอเวลาที่อยู่ ..บนเตียง
สิ่งที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้เป็นสิ่งที่ผมเต็มใจจะทำให้เขาในทุกๆ อย่าง เพียงเพราะผมหวังแค่ว่าผมจะได้พี่ชายคนเดิมของผมกลับมา
"พะ.. พอเถอะครับ"
"ไปเรียนได้ละ เย็นนี้กลับให้ถึงบ้านก่อนกู ..ไม่งั้นกูจะเอาให้เดินไม่ได้เลย"
"คะ..ครับ เข้าใจเเล้ว"
เขาปล่อยผมจากการพันธนาการเอาไว้ เเต่นั่นมันก็ทำเอาผมเเทบหมดเเรงเลยทีเดียว สัมผัสจากมือของเขามันทำให้ผมเหมือนคนโดนดูดพลังจนแทบหมด และตอนนี้ผมคงทำได้แค่มองเเผ่นหลังกว้างที่เดินห่างออกไปทีละก้าว
"เห้ย ริคุเว้ย! "
ยังไม่ทันที่ผมจะวางกระเป๋าลงที่โต๊ะเสียงกลุ่มพวกอันธพาลมันก็ดังขึ้นซะก่อน ผมเลี่ยงที่จะไม่สนใจเพราะพวกเขาก็ชอบแกล้งผมเป็นประจำ
"พะ พวกนาย"
ผมพูดเสียงสั่น กลุ่มพวกชายร่างใหญ่มันเดินเข้ามาล้อมผมพร้อมกับโยนถุงยางอนามัยใส่หน้าผมอย่างไม่รู้จักมารยาท
ผมมุ่นคิ้วขึ้นด้วยความไม่สบอารมณ์ เเละผมก็รู้ดีว่าพวกมันกำลังคิดอะไรเลวๆ อยู่เเน่นอน ผมอยากจะสู้พวกมันนะเเต่ร่างกายผมมันไม่ซัพพอร์ตเอาซะเลย
"ขายตัวให้อาจารย์หรอวะ"ตั้มหัวโจกเเก๊งนี้พูดขึ้น พี่ครามห้ามผมมาว่าไม่ให้บอกใครว่าเราอยู่บ้านหลังเดียวกัน ผมก็ทำตามอย่างเคร่งครัดนะครับ ผมไม่ได้บอกใครเลย
"เออนั่นดิ มาลองกับพวกกูดีกว่าลีลาเด็ดกว่าอาจารย์ครามเยอะเว้ย"กั้งหนึ่งในเเก๊งเสริม
"อย่ามายุ่ง กูไม่ได้ขายตัว! "ผมเริ่มตอบกลับด้วยถ้อยคำที่หยาบคายเพราะต่อให้พูดดีกับพวกมันเท่าไหร่ มันก็ไม่เคยเห็นใจผมอยู่ดี
"อย่ามาตอเเหล ไหนมาดูดิบานยังวะ"
"เออมาลองดิ๊ หลวมเเล้วมั้ง! "
พวกมันกรูกันเข้ามาล็อคตัวผมเอาไว้พร้อมกับยกตัวผมขึ้นไปวางไว้บนโต๊ะเรียนมือหนาสากของมันจับขาผมเเยกออก ผมพยายามหุบขาเข้าเเล้วเเต่ร่างกายกลับทรยศไร้เรี่ยวเเรงเพราะเมื่อเช้าที่ผมเดินเท้ามาโรงเรียนบวกกับร่างกายของผมมันก็ไม่ค่อยจะดีอีกด้วย
"เห้ยมึงอย่าไปเเกล้งมันดิวะ ถ้าอาจารย์ครามรู้เข้าพวกมึงก็น่าจะรู้ว่าจะเจออะไร"โซ่เพื่อนที่ผมคุยด้วยคนเดียว ถึงเเม้ว่าเขาจะพูดออกมาเเบบนั้นเเต่เขาก็เคยบอกผมว่า เขาไม่ชอบพี่ครามเเต่ผมก็ไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากอะไรกันเเน่
"หึ อยากจะเอาลูกเสือก็ต้องล่อพ่อเสือสิวะ"นายตั้มมนุษย์ที่ปากกับใจตรงกันที่สุด เพราะปากก็หมา ใจก็ยังหมาอีกเอ่ยลั่นห้อง
"ทุเรศ! พวกนายเลิกความคิดต่ำๆ เเบบนี้สักทีเถอะ! "
"ถอดเลย.."
ไม่มีใครฟังคำร้องขอจากผมเลยสักนิด คนในห้องก็ไม่ค่อยมีใครกล้ายุ่งกับพวกมันเพราะมันป่าเถื่อนหนักกว่าพี่ครามในสายตาของผมมันเหมือนพวกไม่มีการศึกษาเลยด้วยซ้ำ
ฟึ่บ!
เรียวขาผมหุบเข้าหากันอัตโนมัติทันทีที่กางเกงถูกล่นลงไปกองอยู่ที่ปลายเท้า สายตาของพวกมันดูหื่นกระหาย ผมกลัวมากตอนนี้เเละทำได้เเค่หลับตาไม่กล้ามองภาพตรงหน้า
ถ้าคนด้านหน้าผมไม่ใช่พี่คราม ผมรังเกียจทั้งนั้นเเหละ..
"ขาวโบ๊ะเลยว่ะ"มือสากๆ ของไอ้ตั้มที่ลูบไล้ขาผมไปมาด้วยความหื่นกระหาย ผมรู้สึกรังเกียจอย่างบอกไม่ถูกที่เป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่เเบบนี้
"ช่วยด้วย! โซ่ช่วยเราด้วยโซ่! "ผมตะโกนร้องขอ พร้อมกับหันไปมองหน้าโซ่ที่ทำท่าเหมือนจะเข้ามาช่วยเเต่ฝีเท้ากลับชะงักลงพร้อมเสียงฮือฮาของทั้งห้อง
"ร้องไปเถอะ กูจะทำรอยไว้บนขาขาวๆ มึงเองเว้ย! "
พวกมันยิ้มอย่างชั่วร้ายเเละส่งเสียงเชียร์ทันทีที่เพื่อนมันจะลงลิ้นมาที่เรียวขาของผม เเค่มองก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาอย่างบอกไม่ถูก
"ถ้าเรียนไปการศึกษาไม่ได้ทำให้พวกคุณดีขึ้น ก็อย่าเรียนมันเลย.."
เสียงทุ้มต่ำที่บ่งบอกถึงความโมโหเเละดุดันของเขาทำให้ผมรู้ว่าเป็นใคร เเค่ได้ยินเสียงของเขาใจผมก็ชื้นขึ้นมาเเล้วล่ะ เขาเข้ามาได้ทันเวลาก่อนที่ผมจะโดนอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ได้ทันพอดีเลยครับ
"พี่คราม.. ช่วยผมด้วย.."ผมเผลอหลุดเรียกชื่อเขาออกไป ก่อนจะสงบปากสงบคำตัวเองลงรีบก้มใส่กางเกงตัวเองให้เร็วที่สุด
"กลับไปนั่งที่ของพวกเธอให้หมดทุกคน"
ข้อมือผมถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ก่อนที่จะยกขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ เเละกลับไปนั่งที่เดิมของตัวเอง ส่วนพวกนายตั้มไม่ได้โดนพี่ครามทำร้ายเเต่อย่างใด เขากลับตีสีหน้านิ่งเรียบขรึมเดินไปนั่งที่โต๊ะอาจารย์ตามเคย
สีหน้าเขาบ่งบอกว่าไม่ได้รู้สึกกับเหตุการณ์ตรงหน้าเมื่อกี้เลยสักนิด เขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสินะ ไม่เคยเลย..
ผมนั่งที่โต๊ะตัวเองอย่างสั่นๆ โดยที่มีโซ่คอยกุมมือให้กำลังใจผมอยู่ไม่ห่าง แล้วงุดหน้าลงไม่กล้าสบตากับพี่ครามเลยสักนิด
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงปกป้องผมแล้วสินะ..
เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะว่าแม่ของผมรู้จักและทำธุรกิจกับพ่อของพี่คราม ตอนเด็กๆ ผมเลยค่อนข้างสนิทกับพี่ครามแล้วเขาเองก็ใจดี อีกทั้งยังเป็นสุภาพบุรุษมากอีกด้วย พอแม่ผมตัดสินใจที่จะแต่งงานใหม่ ผมเองก็ใจหายและตั้งหลักไม่ทันเหมือนเขา แล้วยิ่งมารู้ว่าคุณน้าเสียไปอีก ผมยิ่งทนมานหัวใจตัวเองมากกว่าเก่า
แม่ของพี่ครามเป็นผู้หญิงที่สวยและใจดีมากครับ เขาดีกับแม่ของผมแล้วก็ดีกับผมมาก จนผมเองรู้สึกเหมือนเขาเป็นแม่อีกคนเลย
เบื้องหลังทุกอย่างของเรื่องนี้ผมไม่รู้ว่ามันเป็นมายังไง เพราะกว่าจะปรับตัวได้คนข้างกายอย่างพี่ครามก็เปลี่ยนไปมากแล้วเช่นกัน
"คราบหน้าพละ.. จะสอนเรื่องการป้องกันตัวเพราะงั้นอย่าให้ตัวเองบาดเจ็บเเละรักษาสุขภาพตัวเองให้ดี"
"ครับ/ค่ะ"
"เดี๋ยวนักเรียนทุกคนไปเปลี่ยนชุดพละเเล้วตามไปที่สนาม.. วันนี้เราจะเรียนบาสเป็นคาบสุดท้าย"
"ครับ/ค่ะ"
ทุกคนทยอยออกจากห้องไปจนหมดเหลือเพียงเเต่ผมกับโซ่เท่านั้น ตอนนี้ขาผมมันยังไม่หายสั่นจากเหตุการณ์เมื่อกี้เลย ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนผมตั้งรับไม่ทัน เเถมมาเจอเหตุการณ์ที่พี่ครามเฉยเมยเเบบนี้เเล้ว บอกตามตรงว่าใจผมหล่นวูบเลยจริงๆ
"ไหวเปล่า.. ไปห้องพยาบาลก่อนไหม"
"ไม่เป็นไรเราไหว"
"ขอโทษทีนะทีกูไม่ได้เข้าไปช่วย.."
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เอาไว้เป็นฮีโร่งานอื่นก็แล้วกัน” ผมว่าแล้วยิ้มแห้งไปให้
"หึทำเป็นพูดดีนะมึง"
"เเน่นอน"
"เมื่อไหร่จะเลิกขี้เเยวะเนี่ยริว ดูดิหน้ามึงเเดงหมดเเล้วเนี่ย หมดกันเด็กยุ่นของกู"
"อึ่ก.. ตลกหรอไงเด็กยุ่นอะไรเล่า"
"อยู่ญี่ปุ่นก็ดีอยู่เเล้วจะมาไทยทำไมวะ ไม่มามาให้คนบ้าอำนาจเเบบเขาข่มเหงมึงหรอก"
"เเม่เราเขาให้เรามาอะ.."พอพูดถึงเรื่องนี้ดูเหมือนว่าน้ำตาผมมันจะรื้นขึ้นมาอีกแล้ว
"เออช่างเหอะ พูดถึงเเม่มึงเดี๋ยวก็ร้องไห้อีก ไม่ร้องน๊าไอ้เด็กยุ่น"
“ไม่ร้องหรอกน่า”
ผมพูดไปหัวเราะไปมือไม้ตีคนตรงหน้าเบาๆ ไม่รู้จะสุขหรือเศร้าดีตอนนี้ผมคงดูเหมือนคนไม่เต็มบาทมากเเน่ๆ เลยอะที่น้ำตาไหลเต็มหน้าเเต่ยังหัวเราะเหมือนคนบ้าได้
โซ่เป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมคุยได้ทุกเรื่อง แล้วเราก็จะเป็นเพื่อนกันตลอดไป
สนามบาส
หลังจากที่ผมรวบรวมสติตัวเองได้ก็รีบไปเปลี่ยนชุดวอร์มเดินตามคนอื่นเขามานั่งที่สนามบาส ตอนนี้พี่ครามเขาปล่อยให้ซ้อมโยนบาสลงห่วงเเละจะสอบในท้ายชั่วโมงนี้ ผมว่าผมไม่เหมาะกับกีฬาเลยสักนิด ตัวก็เตี้ย เเถมผิวเเพ้ง่ายอีก ฝุ่นจากพื้นทำเอาผมเป็นหวัดไปเเล้วหลายครั้งจนทุกคนคิดว่าผมเป็นพวกโรคขี้สำออย แต่ใครอยากจะเป็นกันไม่สบายบ่อยๆ แบบนี้ ลำบากนะ ผมต้องอดทนต่อโรคนี้มากแค่ไหนไม่มีใครรู้เลย
"ให้อุ้มชู้ตปะเผื่อลง"โซ่หันมาถามสีหน้าเรียบนิ่ง เรากำลังนั่งพักกันข้างสนามบาสมองเพื่อนๆ คนอื่นฟิตซ้อมกันอย่างจริงจัง
"ไม่เอาอะ เดี๋ยวล้มไปเจ็บตัวอีกอาจารย์ยิ่งบอกว่าห้ามเจ็บตัว”
"กูเคยฟังที่ไหนล่ะ"
"ทำไมถึงเกลียดเขาล่ะโซ่"ผมถามออกไปเเต่ก็ไม่ได้หวังคำตอบจากเขาหรอก ถ้าตอบก็ดีไม่ตอบก็ได้อยู่ดีนั่นเเหละ
"เพราะเขาชอบทำมึงเสียใจไง.. กูถึงไม่ชอบ"
"ไม่ต้องห่วงไปหรอก.. ไม่มีใครทำอะไรริวคนนี้ได้หรอก”
“ถ้าเขาทำอะไรให้มึงเสียใจบอกกูนะ.. กูจะปกป้องมึงเอง”
“อ้ออ..” ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สายตาที่จริงจังเเบบนี้มันทำให้ผมทำอะไรไม่ถูกได้เเต่กรอกตามองพื้นไปมาอย่างเดียว
“อย่าลืมนะริว ถ้าเขาทำมึงเสียใจให้หันมามองกูบ้าง”
ผมเงียบลงแล้วหันไปยิ้มให้เขาน้อยๆ ยังมีอีกหลายอย่างที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับผมแล้วก็พี่คราม บางทีถ้าเขาได้เข้ามาอยู่กับพี่ครามทุกวันเขาอาจจะเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับพี่ครามก็ได้นะ
ทุกอย่างที่เขาทำให้ผม ผมรู้หมดแหละ.. แต่สิ่งที่ผมทำให้เขา ผมอยากให้เขารับรู้ถึงมันบ้างแค่นั้นเอง
พักกลางวัน
ผมเดินไปรับข้าวเเละกลับมานั่งลงที่โต๊ะตามเดิม อ้อ! อีกอย่างที่ผมทำเป็นประจำในตอนพักเที่ยงก็คือการเอาชาเย็นขึ้นไปให้พี่ครามทุกวัน เขาไม่ค่อยลงมากินข้าวที่นี่หรอก หรือบางครั้งเขาก็อาจจะออกไปหาอะไรกินข้างนอกบ้าง เเล้วก็กลับบ้านดึกเเทบทุกวัน
ตอนนั้นที่เรายังสนิทกันพี่ครามชอบสอนการบ้านผม เขาบอกว่าอยากเป็นอาจารย์ตอนนี้เขาก็ทำมันสำเร็จแล้ว แล้วอีกความฝันนึงของผมกับเขาที่เหมือนกันก็คือการได้ไปเที่ยวรอบโลก..
ผมหวังว่าเราจะได้ทำมันร่วมกัน
"ไม่ไปซื้อชาเย็นให้อาจารย์ไงเดี๋ยวก็มาสเเว้กใส่มึงอีกหรอก"
"อะ อื้อ.. งั้นเดี๋ยวมานะ"
"เออ เร็วๆ ล่ะเดี๋ยวข้าวเย็นหมด"
"อื้ม"
ผมรีบวิ่งไปซื้อชาเย็นเหมือนทุกครั้งเเล้วบึ่งหน้าตั้งไปที่ห้องพักของพี่ครามทันที ไม่รู้ว่าวันนี้เขาจะอยู่ห้องหรือเปล่าเเต่ผมก็ต้องซื้อมาทุกวันอยู่ดีนั่นเเหละ ถ้าเขาไม่อยู่ผมก็กินมันแทนเขาเอง ไม่เสียของด้วยครับ
ก๊อกๆ!
ผมยกมือเคาะประตูห้องพอเข้าไปถึงเเสงจากด้านนอกส่องเข้ามาในห้องจนสว่างไปทั่ว ลมเย็นๆ จากด้านนอกพัดเข้ามาเอื่อยๆ เเต่ที่ทำให้ผมตกใจจนชาเเทบหลุดมือก็คือพี่ครามนั่งถอดเสื้อผ้าทำงานอยู่ ไม่ใช่เขาไม่ให้เกียรติสถานที่หรอกนะครับ แต่มันเป็นเพราะว่าตรงนี้อยู่ส่วนนอกของโรงเรียนแล้ว เขาอยู่ในห้องพักส่วนตัว ทุกกลางวันกับเย็นเขามักจะเข้ามาเคลียร์เอกสารที่นี่คนเดียวตลอด
"ทำไมถอดเสื้อล่ะฮะ"ผมถามเเล้ววางเเก้วชาไว้ที่โต๊ะทำงานของเขา
"เเอร์เสีย ร้อน"เขาตอบกลับสั้นๆ แต่ผมก็พยักหน้ารับทราบโดยดี
"เเล้วตามช่างหรือยังครับ.. ให้ผมไปตามให้มั๊ย"
"ไม่ต้อง"
"อะ เอ่อ"
"ไปได้ละ"
"พี่ครามอยากกินข้าวอะไรหรือเปล่าฮะ ผมจะได้ซื้อขึ้นมาให้.."
"ไม่"
"อ่อฮะ งั้นไปเเล้วนะฮะ.. เจอกัน ..ตอนเย็น..."ผมบอกเสียงค่อย แต่ยังไม่ทันที่จะเดินออกจากห้องเขาเลยร่างของผมก็โดนมือหนาของเขารั้งเอาไว้ซะก่อน
"เหว๋อ! "
ผมร้องเสียงหลงเพราะร่างของตัวเองถูกคนตัวสูงยกเอวจนลอยเเละวางลงบนโต๊ะทำงานว่างๆ ของเขา มือหนาจับเข่าผมชันขึ้นก่อนจะลากเข้าไปหาตัว รอยยิ้มเสือร้ายมุมปากเขากระตุกขึ้นนิดๆ เหมือนจะมีลางร้ายเกิดขึ้นเเน่นอน
"อย่ามาเอ๋อใส่กูหน่อยเหอะ เห็นกันมากี่รอบละวะ"
"อะ เอ่อ.."
"ปลดกระดุมออก"เขาสั่งเสียงเข้ม
"ปลดทำไมฮะ! "
"กูสั่ง"
ผมเงียบลงเเละยอมปลดเม็ดกระดุมเสื้ออกตามคำสั่งของเขา พร้อมกับเบือนสายตาไปทางอื่นทันที ต่อให้มีอะไรกันกี่รอบผมก็ยังไม่ชินเลยสักครั้ง เรือนร่างที่เพอร์เฟคของพี่ครามทำเอาใจผมสั่นจนเเทบจะระเบิดออกมาอยู่เเล้ว
"อ้ะ ฮึ่ก! "
ผมกัดริมฝีปากเเน่นทันทีที่ริมฝีปากเย็นของคนตัวสูงก้มลงมาประทับรอยที่หน้าอกผมเบาๆ ก่อนที่จะออกเเรงดูดมันจนเกิดเสียงดัง เขาทำมันเเบบนี้อยู่หลายที่ตามอำเภอใจ เเต่คนตัวสูงก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าทำรอยเเดงไว้เต็มซอกคอเเละร่างกายผม
"จะ เจ็บ.. พอเถอะพี่คราม อ้ะ.."
"หึ"
"....."
"จำไว้ ใครที่มันกล้าทับรอยกู.. กูไม่เอามันไว้เเน่"
"พี่คราม.."
"หรือเเม้เเต่มึงถ้าร่านรักไปมีอะไรกับใคร กูก็ไม่เลี้ยงไว้เช่นกัน"