ฉันไม่รู้ว่าเขาคนนี้โกรธเกลียดอะไรฉัน ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยไปทำอะไรให้แต่กลับมีสีหน้าบอกบุญไม่รับทุกครั้งที่เห็นหน้าฉัน
“ขอบใจนะ”
“ทำไมเธอทำแบบนี้” อยู่ ๆ เขาก็พูดออกมาโดยไม่สนใจคำพูดขอบคุณของฉันก่อนหน้า
“หมายความว่าไง”
“ทำไมไปตบคนอื่นแบบนั้น” เขาว่าพร้อมกับชำเลืองสายตามองฉันด้วยสายตาไม่พอใจ แต่ประทานโทษนะคะยัยนั่นตบฉันก่อน
“แสดงว่านายไม่เห็นว่ายัยนั่นตบฉันก่อน” คิ้วหนาขมวดมุ่น เขาคงไม่เห็นจริง ๆ ทว่า
“เธอน่าจะพูดจาไม่ดี”
“ห๊า? วะว่าไงนะ” เขาจะต่อว่าฉันให้ได้เลย “โอเค ฉันยอมรับว่าฉันพูดไม่ดี แต่มันก็สาสมแล้วที่ยัยนั่นจะโดนฉันด่า เธอแย่งแฟนฉัน”
“_” เขาไม่ได้ตอบอะไร แปลกที่หลายคนคิดว่าฉันเป็นนางร้ายทั้ง ๆ ที่ผู้หญิงคนนั้นทำฉันก่อน
“แต่ขอบใจนะ ที่นายมาได้จังหวะพอดี” ฉันหันไปมองเขาก็เห็นว่าเขาไม่ได้สนใจฉัน เอ่อ...อุตส่าห์นั่งพูดยาวเหยียดฟังหรือเปล่าก็ไม่รู้
“นายจะไปไหนน่ะ” พอเขาไม่ตอบฉันก็เริ่มเป็นฝ่ายถามมั่ง แต่เอ...ไม่ตอบเลยแฮะ
“_”
“นายรับฟอลฉันด้วย หึ...ว่าแต่ทำไมไม่ตอบข้อความฉันล่ะ” รอบนี้เขาชำเลืองสายตามองฉัน ก่อนที่ฉันจะยิ้มแฉ่งให้กับเขา ทำไมเขาหน้าตาดีขนาดนี้ก็ไม่รู้ “นายหล่อดีนี่”
“พูดมาก”
“อ้าว...” อุตส่าห์ชมไปหยก ๆ โดนด่าซะงั้น ทว่าไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรต่อ รถของเขาก็เลี้ยวเข้าคอนโดมิเนียมหรู แล้วก็จอดรถจากนั้นก็ลงไปเลยไม่ได้สนใจอะไรฉัน ทำให้ฉันรีบเปิดประตูลงจากรถตาม
“เดี๋ยวสิ!!” ฉันวิ่งตามเขาแต่ก็เข้าไปไม่ได้แล้วเพราะประตูกระจกอัตโนมัติเลื่อนปิดเสียก่อน ซึ่งมันต้องสแกนหน้าเข้า “อะไรของเขาเนี่ย!!”
...ฉันยืนกอดอกหายใจฮึดฮัดไม่พอใจ ทำกันอย่างนี้ได้ยังไง อยากจะทิ้งก็ทิ้ง จะไปก็ไม่บอกไม่กล่าว ฉันยังไม่ทันได้เอาหูฟังคืนเลย ทว่า
“เอ่อ คุณครับ เซนเซอร์มันดังช่วยขยับออกด้วยนะครับ” ฉันหันไปมองตามเสียงก็พบว่าเป็นรปภ. ซึ่งเสียงติ๊ด ๆ ที่ดังนี้คงเป็นระบบรักษาความปลอดภัยล่ะมั้ง
“เอ่อ...ฉันขอเข้าไปได้ไหมคะ”
“หืม มาหาเพื่อนเหรอครับ ต้องให้เพื่อนลงมารับครับ”
“อ้อ ไม่มีเพื่อนหรอกค่ะ”
“งั้นก็ไม่ได้ครับ เข้าได้แค่ลูกบ้านน่ะครับ” ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย หรือว่าฉัน...
“ที่นี่มีห้องว่างให้เช่าไหมคะ มีเจ้าของคนไหนปล่อยเช่าหรือเปล่า” ฉันทำทีถามด้วยความสงสัย อยู่ ๆ ก็นึกอะไรดี ๆ แต่เดี๋ยวก่อน...ฉันไม่เคยลงทุนจีบผู้ชายขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต
“มีนะครับ เดี๋ยวผมติดต่อเอเจนต์ให้ สนใจห้องไหนครับ” ฉันอึกอักเล็กน้อย เพราะไม่รู้น่ะสิว่าเขาคนนั้นพักห้องไหน
“เอ่อ เดี๋ยวฉันขอถามเพื่อนก่อนดีกว่าค่ะ เอาเป็นว่าขอเบอร์เอเจนต์ไว้ดีกว่าค่ะ” ฉันยิ้มให้กับรปภ. แน่นอนว่าผู้ชายทุกคนต้องหลงเสน่ห์รอยยิ้มของฉัน ยกเว้นผู้ชายคนเมื่อกี้ที่นิ่งเฉย และยิ่งเขาเป็นแบบนั้นฉันก็ยิ่งอยากรู้จักเขามากขึ้น
...ฉันติดต่อเอเจนต์หาห้องเช่า แล้วก็รู้ด้วยว่าแทนไทพักอยู่ชั้นไหนห้องไหนจากนัตตี้ที่ไปถามแม่เขามาให้ ดีเหลือเกินที่ได้ห้องฝั่งตรงข้ามกับห้องของเขา ฉันนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ในห้องนั่งเล่นภายในบ้านหลังใหญ่ ทว่า
“อ้าว! เจนนี่อยู่บ้านพอดีเลย” เสียงทุ้มคุณหูดังขึ้น ทำให้ฉันรีบลุกขึ้นพร้อมกับหมุนตัวหันไปมอง
“คุณพ่อ...” ก่อนจะชะงักให้กับผู้หญิงข้างกายของท่าน
“นี่แหละเจนนี่ลูกสาวบุญธรรมของผม ส่วนนี่คุณน้านภา” เธอยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร
“หวัดดีจ้า เรียกน้าภาเฉย ๆ ก็ได้” ฉันไม่อยากยกมือขึ้นไหว้เลย แต่ก็ไม่อยากให้คุณพ่อไม่พอใจก็เลยพนมมือไหว้
“น้าภาเป็นแฟนพ่อน่ะ เราคบกันได้สองเดือนแล้วก็เลยคิดว่าถึงเวลาเหมาะที่จะพามาให้หนูรู้จัก”
“คุณก็...ไม่ต้องอธิบายเยอะก็ได้ค่ะ” เธอเหนียมอาย โอเค...ฉันรู้สึกว่ากำลังถูกแย่งความรัก แต่ก็ไม่ทั้งหมดเพราะคุณพ่อก็ไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของฉัน
“เดี๋ยวหนูพั้นซ์จะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยนะ”
“หนูพั้นซ์?” ฉันเอียงคอสงสัย
“อ้อ ลูกสาวของภาน่ะ ตอนนี้กำลังหาของอยู่ในรถ อ้าว...นั่นไง เข้ามาแล้ว” ฉันหันไปมองตามสายตาของคุณพ่อ ก่อนจะเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันรู้สึกคุ้นหน้ามากเหมือนเคยเจอที่ไหน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอคนนี้คือน้องรหัสของแทนไทที่เจอในร้านคาเฟ่วันนั้น
“นี่แหละหนูพั้นซ์ ส่วนนี่พี่เจนนี่ พอดีเลยเจนนี่บ่นเหงาตลอดจะได้มีน้องอยู่เป็นเพื่อน”
“หนูไม่ได้อยากมีน้องค่ะ” ฉันตอบกลับ นั่นทำให้คุณพ่อชะงักไป ก่อนที่ฉันจะพยายามระงับอารมณ์ตัวเองเพราะรู้ตัวว่าไม่มีสิทธิ์ไปห้ามไม่ให้คุณพ่อมีแฟนหรือมีลูกเลี้ยง “หนูจะบอกพอดีว่าหนูกำลังจะย้ายไปพักคอนโด”
“คอนโด?”
“คือว่าหนูต้องทำชมรมแล้วต้องกลับดึกก็เลยว่าจะย้ายไปอยู่คอนโดใกล้ ๆ มหา’ลัยน่ะค่ะ” ฉันแถออกไป สีข้างถลอกล่ะมั้ง
“เดี๋ยวขอผมคุยกับเจนนี่หน่อยนะ” น้านภาได้ยินอย่างนั้นก็เดินออกไปจากห้องนั่งเล่นพร้อมกับลูกสาวของเธอ
“พ่อเข้าใจหนูนะ หนูก็รู้ว่าพ่อยังไม่มีเมียเลย กว่าจะหาคนที่ถูกใจได้ พ่อว่าเราอย่าทำให้มันยุ่งยากนักเลย”
“หนูรู้ค่ะว่าไม่มีสิทธิ์ หนูรู้ว่าหนูไม่มีสิทธิ์ไปหวงพ่อไม่ให้ไปรักคนอื่นเพราะหนูก็ไม่ใช่ลูกพ่อ”
“ไม่ ๆ เจนนี่พ่อรักหนู หนูเป็นลูกพ่อ”
“ไม่หรอกค่ะ ถ้าพ่อรักหนูทำไมพ่อทำอะไรข้ามหัวหนูไม่ปรึกษาหนูเลย อึก...อยู่ ๆ พ่อก็มาบอกว่าจะเอาใครไม่รู้มาอยู่ด้วย ทั้ง ๆ ที่หนูก็อยู่ของหนูมาตั้งแต่เด็ก” ฉันว่าพลางร้องไห้ออกมา
“ไม่ใช่อย่างนั้น พ่อก็เห็นว่าหนูเหงาก็เลยพามาอยู่บ้านด้วยไม่ได้คิดว่าจะเป็นอย่างนี้” ฉันพยายามระงับความรู้สึกน้อยใจไว้ เพราะไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้
“ค่ะ หนูไม่ได้ว่าอะไร” ฉันว่าเสร็จก็คว้ากระเป๋าถือเดินออกจากบ้านไม่สนใจเสียงเรียกของพ่อ ซึ่งท่านก็เดินตามมา
“เจนนี่...”
“หนูขอเวลาสักพัก หนูได้ห้องที่คอนโดแล้ว หนูจะไปนอนที่นั่นสักพักค่ะ” ฉันว่าเสร็จก็เดินไปขึ้นรถของตัวเอง ขับออกไปตามท้องถนนในเวลาเกือบเที่ยงคืน
...ฉันรู้ตัวมาตลอดว่าไม่มีสิทธิ์ไปเรียกร้องอะไรจากคุณพ่อมากนัก แต่ฉันก็คิดไปแล้วว่าท่านเป็นพ่อจริง ๆ แม้ว่าท่านจะไม่ได้เอาใจใส่มาก แต่ฉันก็มีแค่ท่านนี่ แต่ท่านไม่ได้มีแค่ฉัน...