บทที่ 1 ตัวแม่จะแคร์เพื่อ
ก่อนอื่นฉันอยากให้ทุกคนเงียบ เพื่อฟังสิ่งที่ฉันจะบอก ถ้าไม่เงียบฉันจะยกมือขึ้นตะปบปากให้หยุดฟัง แต่ถ้ายังแอบคิดในใจฉันจะควักเอาสมองที่แทบไม่มีของเธอออกมา
ฉันเพิ่งถูกบอกเลิก ใช่...ได้ยินไม่ผิด ไม่ต้องตกใจ ฉันเข้าใจนะว่ามันน่าเหลือเชื่อและแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่ไอ้บ้าแฟนที่คบกันมานานถึงหกปีจะมาบอกเลิกฉัน ไอ้เฮงซวยหน้าหล่อคนนั้นมันทิ้งฉัน
“แกไหวป่ะเนี่ยเจน”
“เจนนี่ ช่วยเรียกให้เต็มชื่อด้วย เดี๋ยวมีคนคิดว่าฉันชื่อเจนจิรา...ชื่อบ้านนอกนั่น” ฉันว่าเสียงไม่พอใจและเชื่อว่าแค่นี้เพื่อนเพียงคนเดียวอย่างนัตตี้จะจับใจใส่เข้าไปในสมอง
“โอเค เจนนี่แกไหวไหมเนี่ย”
“อึก ทำไม ฉันเหมือนคนไม่ไหวตรงไหน”
“ก็แก...ร้องไห้” ฉันกะพริบเปลือกตาถี่ ๆ เพื่อไล่หยดน้ำตา คนอย่างฉันจะมาร้องไห้ไม่ได้ “ถ้าแกไม่ไหวก็กลับก่อนได้นะ งานของชมรมเราค่อยมาทำก็ได้”
“ฉันไม่ได้ร้องไห้ แล้วคนอย่างฉันจะไม่มีทางร้องไห้ให้กับใครหน้าไหน” พูดออกมาทั้ง ๆ ที่ใบหน้าร้อนผ่าว เอ่ยขึ้นด้วยความมั่นอกมั่นใจทั้ง ๆ ที่อกข้างซ้ายกำลังร้าวราน มันเจ็บแปล๊บ ๆ เหมือนกับมีมีดเล่มคม ๆ กรีดลงกลางอก ฉันก็รักของฉันมากเหมือนกัน แล้วยังไง...ถ้าเขาไม่รักฉัน ไอ้บ้าควินตัน
“โอเค ถ้าไหวก็มาสิ เข้าประชุมชมรม”
“แป๊บ” ฉันกลืนน้ำลายลงคอ อย่าใจเสาะเชียวนะเจนนี่ ทุกคนรออยู่ ประธานชมรมปิ๊งนักมารักกันอย่างฉันจะมาร้องไห้เสียใจเพราะเพิ่งถูกบอกเลิกไม่ได้
...ฉันทำใจดีสู้เสือ กำฝ่ามือที่สั่นเทาของตัวเองไว้ ก่อนจะสับส้นเท้าในส้นสูงสามนิ้วเข้าไปในห้องเรียนที่เราใช้เป็นสถานที่ประชุมสำหรับชมรมวันวาเลนไทน์ของฉัน ทว่าพอเข้ามาก็ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาทันที
“แก...ฉันได้ยินว่าพี่ควินตันน่ะนอกใจไปมีผู้หญิงอื่น”
“แหงสิใครมันจะไปทนนิสัยเอาแต่ใจของพี่เจนได้วะ”
“แต่ผู้หญิงคนใหม่ก็สวยเป็นถึงดาราเลยนะ ได้ยินแว่ว ๆ ว่าเป็นเกิร์ลกรุปที่กำลังดัง ๆ อ่ะ แล้วควินตันก็กำลังจะมีผลงานซีรีส์วาย”
“หึ แหงสิ แล้วแบบนี้ชมรมของเราจะศักดิ์สิทธิ์เหรอ ประธานชมรมยังโสดเลย”
“นั่นสิ ไหนว่ารับแต่คนมีแฟนแล้วอย่างนี้จะต้องไล่ประธานชมรมออกไหมวะ ฮ่า ๆ”
ตุบ!
“กรี๊ดด!! พะพี่เจนนี่” เสียงกรีดร้องดังขึ้นเมื่อฉันโยนรองเท้าส้นสูงเข้าไปในฝูงชนที่กำลังนินทาฉันอย่างออกรส
“ฉันได้ยินหมด ไม่ต้องพูด เกลียดนักพวกตอแหล หน้าพูดอย่างลับหลังพูดอีกอย่าง ไล่ออกให้หมด” ฉันชี้หน้าไล่ผู้หญิงสามคนออกจากชมรม นึกว่าจะง้อหรือไง
“ยัยเจน!! หยุดเลยนะ! แกจะทำแบบนี้ไม่ได้คนยิ่งน้อยอยู่”
“น้อยแล้วจะแคร์ทำไม เดี๋ยวฉันรับสมัครพร้อมกับเงินรางวัลเดี๋ยวไอ้พวกสะเหล่อมันก็มาเอง” ว่าอย่างเหลืออด ก่อนจะเห็นว่าทุกคนในชมรมพากันส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ความรู้สึกภายในจิตใจบอกให้ฉันหยุดพร้อมกับขอโทษทุกคน แต่ปากของฉัน
“มองทำไม!”
“โอ๊ย! มองอีโง่ไง ถ้าแกไม่มีเงินก็อย่าหวังว่าจะมีคนคบด้วย!” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นทำให้ฉันหันไปมอง กลืนคำว่าโง่ลงคอ ก่อนจะเงื้อมือขึ้นหมายจะตบหน้าเธอคนนี้ ทว่า
“พอแล้วยัยเจน!!” นัตตี้ก็เข้ามาขวางไว้เสียก่อน เธอหันไปมองทุกคนในชมรม “วันนี้พอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวนัดประชุมใหม่”
“ไม่ต้อง! ใครอยากอยู่ก็อยู่ ไม่อยู่ก็ไป” ว่าอย่างโมโห ทำไมทุกคนต้องนินทาฉัน ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่เคยว่าร้ายคนในชมรมเลย
“ใครอยู่ก็โง่ละ หึ โง่โดนผู้ชายหลอก” ฉันอ้าปากค้างให้กับรุ่นน้องคนหนึ่ง ก่อนที่คนในชมรมจะทยอยเดินออกไปพร้อมกับส่ายหน้าราวกับว่ากำลังเอือมระอาฉัน
“กรี๊ดดด!!!” ฉันกระทืบเท้าลงพื้นด้วยความโมโหสุดขีด วันนี้มันเป็นวันอะไรของฉัน ทำไมถึงเกิดเรื่องเฮงซวยนี้ขึ้น ราวกับว่าพายุเข้าประมาณนั้น แตกหักแหลกสลายโดยเฉพาะจิตใจของฉัน
“พอใจแกหรือยัง ร้องไห้ให้พอ กรี๊ดให้พอ แล้วมาคิดว่าจะเอายังไงต่อ”
“ฮึก ไม่เอาไงแล้ว พอแล้ว”
“อ้าว! ไหนแกบอกจะระดมทุนไง” ฉันส่ายหน้าเบา ๆ ฉันออกเงินให้เองทั้งหมดก็ได้ ทว่า
“ไม่ต้องคิดเลยว่าจะออกเงินให้หมด แกเข้าใจคำว่ากิจกรรมไหม...ถ้าแกทำบุญแกก็ได้บุญคนเดียว แต่ถ้าเราดึงคนมาทำด้วย เราก็จะเผื่อแผ่ให้คนอื่นด้วยไง”
“อึก แล้วฉันได้อะไรล่ะ บุญเหรอ บุญมันเป็นยังไงล่ะนัตตี้ ทำไมมันแย่ไปหมดทุกอย่าง” ว่าพลางนั่งลงพื้นแต่ก็กลัวกระโปรงจะเปื้อนเลยกระเถิบก้นไปนั่งบนเก้าอี้ดี ๆ
“บางทีบุญมันอาจจะไม่มีจริงหรอก มันเป็นแค่กุศโลบาย”
“อะไรคือกุศโลบาย?” นัตตี้กลอกตามองบนให้กับความโง่ของฉัน โอเค...ฉันไม่เถียงว่าฉันไม่รู้ แต่จะว่าโง่ก็ไม่ถูกเพราะฉันเรียนนานาชาติมาตั้งแต่เด็ก ภาษาไทยน่ะแทบไม่ได้ใช้ พูดได้ก็บุญหัวมากแล้ว
“ก็คือเอาไว้หลอกให้เราไปทำบุญไง แต่ผลของบุญมันได้กลับมาเป็นความสบายใจยังไงล่ะ”
“ฉันจะสบายใจแน่นะ”
“แน่สิ อย่างน้อยก็ทำให้เด็ก ๆ กำพร้ามีความสุข” ฉันยกมือขึ้นปาดน้ำตา ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ เพราะลึก ๆ แล้วฉันเข้าใจหัวอกเด็กกำพร้ามากที่สุด เข้าใจว่าพวกเขาต้องการความรักมากแค่ไหน...