บทบาทต่อไป พี่สาวจอหงวน

1188 คำ
“คุณหนูหวัง...ถึงโรงเตี๊ยมแล้วขอรับ” เสียงพ่อบ้านเฉิงเอ่ยเรียกอยู่นอกรถม้าด้วยเสียงนอบน้อม พอหวังเว่ยซินเลิกผ้าม่านออกมา ก็เจอป้ายขนาดใหญ่ หอสุราชิงเห่อ โรงเตี๊ยมใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง หวังเว่ยซินถอนหายใจ มิต้องสงสัย คงไม่ได้เริ่มต้นแบบชีวิตสตรีชาวบ้านทั่วไปเสียแล้ว นางก้าวลงรถม้า พ่อบ้านเฉิงก็เอ่ยบอก “นี่คือเอกสารของท่านขอรับ เมื่อสักครู่คนเอามาส่งแล้ว” “รบกวนแล้ว ขอบคุณพ่อบ้านเฉิงมาก” “มิกล้า มิกล้า โรงเตี๊ยมนี้ท่านจะอยู่กี่คืนก็ได้ขอรับ ข้าได้สั่งเถ้าแก่เอาไว้ ให้ไปเก็บที่จวน” หวังเว่ยซินยิ้มแห้ง ๆ จากนั้นก็เอ่ย “ท่านพ่อบ้านมีภารกิจมากมาย ขอมิอาจรบกวนนาน ส่งข้าเท่านี้พอ” พ่อบ้านเฉิงถูกกำชับว่าอย่าขัดใจคนเบื้องหน้าเด็ดขาด ก็รีบขานรับทันที “มิกล้า มิกล้า เช่นนั้นบ่าวขอตัว” “เดินทางดี ๆ เจ้าค่ะ” จากนั้นเสี่ยวเอ้อก็มารับหน้าต่อ “คุณหนูเชิญด้านในเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านจะไปยังห้องพักหรือว่านั่งผ่อนคลายที่ระเบียงชั้นสองก่อนดีเจ้าคะ” “ขอที่นั่งตรงระเบียงชั้นสองก่อน” “เชิญคุณหนูตามข้ามา” ขณะกำลังนั่งลงนางก็ชำเลืองหางตาดูบุรุษชุดครามผู้หนึ่ง ผ่านไปสามปี คนผู้นี้ยังคงเหมือนเดิม นับว่าสมกับโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่ง เบื้องล่างเป็นแม่น้ำประดับโคมไฟงดงาม ด้านข้างมีผู้คนเดินขวักไขว่ วิวทิศทัศน์ล้วนจรรโลงใจ “คุณหนูจะสั่งอาหารว่างหรือไม่เจ้าคะ” หากกู้เฉียวจิงไม่ได้จ่ายเงินนางคนจะนอนไม่หลับ ทำให้สบายใจสักหน่อย หวังเว่ยซินจึงพูดขึ้น “เจ้าเลือกของว่างมาให้ข้าสักสองสามอย่าง อ่า..ขอสุราชั้นเลิศด้วยหากมีหลากหลายแบบก็เอามาอย่างละขวด” “ได้เจ้าค่ะ...คุณหนูได้โปรดรอสักครู่” เพียงครู่เดียวทั้งสุราของว่างก็มาเรียงเต็มโต๊ะ หวังเว่ยซินหยิบขนมขึ้นมาทาน รสชาติอร่อยกลอมกล่อม สุรา ร่างกายนี้จะรับได้แค่ไหนนะ ค่อย ๆ ทานดีกว่า หลังจากยกจอกสุราขึ้นหลายครั้ง ก็ปรากฏเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าสง่างามดุจดั่งนักปราชญ์ เมื่อสบตากับหวังเว่ยซิน เขาก็คุกเข่าลงคารวะหวังเว่ยซินอย่างเต็มพิธีการ หวังเว่ยซินมิห้าม นางปรายตามองเด็กเบื้องหน้าด้วยสายตาอบอุ่น "ผู้เยาว์คารวะท่านน้า...” “แม่ให้เจ้ามาหรือ” “ขอรับ” ช่างเป็นเด็กที่เชื่อฟังมารดายิ่งนัก น่ารักไม่ไหว “อืม...หลายปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง” “ล้วนดีกว่าแย่ขอรับ” “ดีแล้ว ดีแล้ว...ในเมื่อมาถึงแล้วก็กลับเถอะ” “ถ้าเช่นนั้นผู้เยาว์ไม่รบกวนท่านน้า ผู้เยาว์ขอตัว” หวังเว่ยซินพยักหน้าอย่างอ่อนโยน พอกู้ซวินลับตาไป นางก็หัวเราะเบา ๆ พริบตานางจากไปแค่หนึ่งวัน ที่นี่กลับผ่านไปถึงสามปี ช่วงเวลาเช่นนี้ทำให้อดทอดถอนใจไม่ได้ เวลาไม่คอยใครอยากทำอะไรก็ทำ หวังเว่ยซินรินสุราหลายอีกหลายจอกทันที ดื่มสุราไปหลายจอก ใบหน้าของหวังเว่ยซินก็เริ่มแดงระเรือ นางหรี่ตามองบุรุษในชุดครามนั่นอีกครั้ง จากนั้นก็ยกขวดสุรา เดินไปกำลังจะนั่งเบื้องหน้า กระบี่แหลมคมอันหนึ่งก็ขวาง จางเคอเอ่ยเสียงข่มขู่ “ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นสตรี ไม่รู้ความ..หากยังอยากมีชีวิตถอยไปซะ” หวังเว่ยซินหรี่ตามอง แล้วหันหน้าไปยังหลีเซียวหยวน “ท่านมิอยากรู้เรื่องของชาวบ้านแล้วหรือ วันนี้ที่มาของข้าแปลกประหลาดยิ่งนัก หากได้พูดคุยตอนเมามาย อาจจะได้ข้อมูลเพิ่มขึ้น ดีกว่าฟังเสียงกระซิบพูดคุยเสียอีกนะ” หลีเซียวหยวนส่งสายตาให้จางเคอถอยไป หวังเว่ยซินจึงนั่งลงพูดขึ้น “เหตุใดท่านยังอยู่ในตำแหน่งเดิม สามปีที่ผ่านมาไม่มีผลงานเลยหรือ...อ่า ข้าลืมไป ผลงานของท่านย่อมมีอยู่แล้ว” ชายหนุ่มแค่นเสียงเย็นชาถาม “เจ้าเป็นตัวอะไร นกต่อหรือ?” เสียงหัวเราะแผ่วเบาดังขึ้น ไม่ใส่ใจกับน้ำเสียงเยือกเย็น พร้อมกล่าวยียวน “ข้าเป็นนักฆ่าที่เกือบจะได้เป็นหญิงคณิกา แต่ว่าซือจือหงอี้กงกลับเรียกข้าว่า ท่านน้า ...อ่า..น่าสงสัยจริง ข้าเป็นตัวอะไรกันแน่” คำพูดช่างยัวยุให้อีกฝ่ายชักกระบี่ แววตาของหลีเซียวหยวนเริ่มเข้มขึ้น หวังเว่ยซินจึงพูดต่อ “ท่านอย่าทำหน้าดุนักสิ ข้านั่งตั้งนานให้ท่านมาเกี้ยวพา...เหตุใดท่านจึงเปลี่ยนไปแล้ว” เหตุใดจึงเปลี่ยนไป หลีเซียวหยวนยิ้มที่มุมปาก ปรับสีหน้าทันทีกลายเป็นบุรุษเจ้าสำราญ “ข้าเห็นว่าแม่นางอ่อนเยาว์เกินไป จึงมิกล้าหยอกล้อ” หวังเว่ยซินหรี่ตามอง “ท่านมีคุณธรรมตั้งแต่เมื่อไรกัน” “สักพัก” เสียงตอบห้วนอย่างไม่ใส่ใจ หลีเซียวหยวนมองเด็กสาวตรงเบื้องหน้า เหตุใดพูดคุยกับเขาผ่อนคลายเช่นนี้ หวังเว่ยซินยิ้มให้อีกฝ่ายแบบมีเลศนัย คนผู้นี้เฉลียวฉลาดปราดเปรื่องเกินคน สืบเลย สืบเข้าไป เรื่องของข้ากี่ชาติท่านก็สืบไม่ได้หรอก ฮ่า ฮ่า เห็นหน้าประหลาดใจคิดไม่ตกของหลีเซียวหยวน ก็รู้สึกเบิกบานนัก จากนั้นนางก็ขอตัว “ข้าง่วงแล้ว...ขอไปนอนก่อน” พอนางหายลับตาไป หลีเซียวหยวนก็เอ่ยถามจางเคอ “มีข้อมูลที่ผิดปกติหรือไม่” องค์รักษ์ส่ายหน้า “ไม่ขอรับ แต่คงต้องไปสืบที่หมู่บ้านอี้จือต่อ ว่านางเป็นตัวจริงหรือเปล่า” หลีเซียวหยวนพยักหน้า ทวนแววตาของเด็กสาวเมื่อสักครู่อีกครั้ง อย่างไรก็ต้องสืบให้กระจ่างใจ ฟ้ายังไม่สว่างหวังเว่ยซินก็เตรียมออกเดินทาง นางจ้างรถม้าและคนคุ้มกันจำนวนหนึ่งออกเดินทางด้วย ไม่รู้ปานนี้มารดาและน้องชายจะเป็นอย่างไรบ้าง นางร้องไห้ปานจะขาดใจตอนเห็นนางถูกจับขึ้นรถม้า ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ “เร่งเดินทางสักหน่อยนะเจ้าคะ” นางหันไปกำชับคนขับรถม้า เมื่อนางขึ้นรถม้าเรียบร้อย ก็เริ่มออกเดินทาง ขณะออกประตูเมืองหลวง นางก็เลิกผ้าม่านเปิดขึ้นมา “แล้วข้าจะกลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้จะมาในฐานะพี่สาว...” จากนั้นนางก็ปิดผ้าม่านลง ทบทวนถึงน้องชายคนนี้ หวังอี้หยาง บุคลิคท่าทางกริยาคล้ายกับกู้ซวินอยู่บ้าง เช่นนั้น ข้าจะปั้นเขาให้เป็นจอหงวน มาดูกันว่า พี่สาวจอหงวนจะง่ายหรือไม่ง่าย รถม้าเคลื่อนออกห่างประตูเมืองเรื่อย ๆ หลีเซียวหยวนยืนนิ่งอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ นัยน์ตาครุ่นคิดไม่บ่งบอกอารมณ์ วัฏจักรหมุนเวียนผันเปลี่ยนไปได้ทุกทางอย่างไม่หยุด การเดินใหม่กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม