รถม้าจวนหงอี้กงเคลื่อนผ่านพร้อมกับเสียงกระซิบแผ่วเบา
“นี่...รู้ไหมฮูหยินหงอี้กง จัดหาอนุให้กับท่านหงอี้กงอีกแล้วนะ ...ได้ยินว่าเป็นเด็กสาววัยแรกแย้มงดงามที่สุดที่หอซิงเซียงอุตสาหามาได้ แต่จวนหงอี้กงก็ยังมาแย่งคนไป”
“จริงหรือ” น้ำเสียงที่เอ่ยถามดูตื่นเต้นประหลาดที่สุด ทำให้คนเล่ายิ่งรู้สึกสนุกอยากเล่าต่อ
“แน่นอน...ข้าได้เห็นกลับตา ว่าไปแล้วก็อิจฉาหงอี้กงยิ่งนัก ได้ฮูหยินที่ใจกว้างดั่งมหาสมุทรเช่นนี้ หากเป็นข้าก็อยากจะกลับเรือนทุกวัน”
“คริ คริ” เสียงสตรีผู้หนึ่งหัวเราะขบขันพลางกล่าว
“ท่านมีเงินเลี้ยงพวกนางหรือข้าได้ยินว่า ฮูหยินหงอี้กงใช้เงินเดือนละหลายหมื่นตำลึงหมดไปกับอาภรณ์เครื่องประดับของเหล่าอนุเชียวนะ”
บุรุษผู้นั้นรู้สึกเสียหน้าระคนละอาย ตอนนี้แค่นี้ภรรยากับบุตรสองคนก็แสนอัตคัดจะมีปัญญาที่ไหนไปเลี้ยงอนุเพิ่ม
บุรุษผู้หนึ่ง หมุนจอกชาในมือไปมาคิดไปแล้วก็แปลกใจดูเหมือนว่า อยู่ ๆ เขาก็ตัดใจจากกู้เฉียวจิงได้
จวนหงอี้กง
ในส่วนฮูหยินอันดับหนึ่งที่ทุกคนให้ตำแหน่งมา
“ฮื้อ ฮื้อ ท่านไปไหนมา ทำไมจนปานนี้ถึงได้พึ่งโผล่มา ข้ารอท่านมาตั้งนาน จิตใจร้อนรนไปหมด กลัวว่าชาตินี้จะไม่ได้ตอบแทนท่าน”
หวังเว่ยซินนั่งฟังกู้เฉียวจิงร่ำไห้คร่ำครวญอย่างมีน้ำอดน้ำทน ฟังนางตัดพ้อไปหลายประโยค ก็อยากจะบอกว่า
ช่วงเวลาของท่านผ่านไปหลายปี แต่ของข้ายังไม่เต็มวันด้วยซ้ำ แต่เอาเถอะให้นางร้องไปก่อน
ผ่านไปเกือบชั่วยามกู้เฉียวจิงถึงได้สงบ นางปาดน้ำตาเอ่ยถาม “ชาตินี้ พี่สาวท่านมีนามว่าอะไร”
หวังเว่ยซินลอบถอนหายใจ ในที่สุดก็ได้พูดคุยกันเสียที
“หวังเว่ยซิน...ข้าพึ่งเกิดใหม่เมื่อวาน...วันนี้จึงได้มาที่นี่”
กู้เฉียวจิงเบิกตากว้าง ตอบ “ท่านหายไปเกือบสามปีเต็มแล้ว...ข้าเกือบถอดใจไปขโมยเงินท่านมาใช้แล้วนะ”
จากนั้นกู้เฉียวจิงก็หยิบยาหอมออกมา พร้อมส่งให้หวังเว่ยซินหนึ่งขวด พูดขึ้น “เช่นนั้น คงเป็นข้าที่ต้องเล่าเรื่องราวให้ท่านฟังสินะ เช่นนั้นเราไปนั่งที่ศาลากลางสวนดอกท้อของท่านเถอะ ที่นั่นสวยงามมาก ๆ”
หวังเว่ยซินพยักหน้าพลางสูดดมยาหอมไป
หลังจากบ่าวไพร่จัดวางอาหารว่างและชาเสร็จ กู้เฉียวจิงก็ไล่พวกนางออกไป ยกจอกชารินให้หวังเว่ยซินพลางพูดขึ้น
“ตอนนี้ซือจื่อ อายุจะแปดขวดแล้ว ไปเรียนที่สำนักศึกษาและพักที่นั่นรวมกับเพื่อนร่วมเรียน ทุกคนต่างยกย่องว่าเขาเป็นเลิศทั้งในบู๊และบุ๋น นับว่าเป็นอัจฉริยะที่จะพบพานได้ในร้อยปี”
หวังเว่ยซินเอ่ยถาม “แล้วเขารู้สึกแปลกใจหรือไม่ที่มารดาเปลี่ยนไป” หญิงสาวพยักหน้าตอบ “ซือจือเข้าใจว่าข้าพยายามเข้มแข็ง พอคืนดีกับเสิ่นเยี่ยหงก็กลับมาเป็นมารดาที่อ่อนโยนเช่นเดิม” เมื่อเอ่ยถึงกู้ซวินแววตาของทั้งสองก็ทอประกายอบอุ่น
“เป็นเช่นนี้ นับว่าดีเหลือเกิน”
“ใช่เจ้าค่ะ...ข้าต้องขอบคุณท่านมากจริง ๆ ทั้งชีวิตนี้ข้าเป็นหนี้ท่านไม่รู้ว่าจะตอบแทนอย่างไรถึงจะสาสม”
“หากเจ้ายังพูดเรื่องบุญคุณอีกข้าจะไปแล้วนะ” หวังเว่ยซินเอ่ยตัดบทขึ้น
“อ่ะ...ไม่แล้ว..ไม่แล้ว ข้าไม่พูดแล้ว”
หวังเว่ยซินหรี่ตามองแล้วเอ่ยถาม “แล้วเกาเหยาชุน นางได้สร้างปัญหาอะไรหรือไม่”
กู้เฉียวจิงส่ายหน้า “ไม่เลย นางปรับปรุงตัวดีมากรับผิดชอบงานในจวนทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย...มีงานข้าก็ได้นางแนะนำ นางไม่เอาข้าไปขายนอกจวนด้วย ตอนแรกข้าก็คิดว่านางทำไปเพราะถูกท่านพี่จับตา พอผ่านไปสักระยะรู้สึกว่านางสำนึกผิดจริง..ข้าสงสารนางจึงขอร้องท่านพี่ไปหานางบ้าง...ท่านรู้ไหมนางตั้งครรภ์ แต่ว่า...ทั้งที่นางดูแลอย่างดี เด็กคนนั้นเกิดมาให้นางชื่นใจไม่กี่วันก็จากไป..ข้าเห็นนางร้องไห้ปริ่มใจจะขาด ความแค้นที่มีก็สลายหายไปหมดเลย”
“เวรกรรมแท้ ๆ” แววตาหวังเว่ยซินทอประกายเห็นใจ
“แต่สวรรค์ยังให้โอกาสนาง...ท่านพี่เองก็เห็นใจนางไปหานางบ่อยขึ้น นางจึงได้ตั้งครรภ์อีกครั้ง ตอนนี้เด็กคนนั้นก็อายุขวบกว่าแล้ว”
ความแค้นลืมได้ย่อมเป็นเรื่องนี้ เห็นกู้เฉียวจิงพูดแบบปลอดโปร่งหวังเว่ยซิงก็เชื่อแล้วว่านางปล่อยวางได้จริง มีคำถามหนึ่งผุดขึ้นมา
“เจ้าให้เกาเหยาชุนตั้งครรภ์ได้ คงมิใช่อนุญาตให้เหล่าอนุตั้งครรภ์ได้กระมัง”
กู้เฉียวจิงยิ้มแป้น “ข้าเป็นฮูหยินเอก มิควรใจแคบ จะต้องช่วยหงอี้กงขยายวงศ์ตระกูล”
หวังเว่ยซินพยักหน้า นางยอมรับนางไม่เข้าใจสตรียุคโบราณจริง ๆ “แล้วตอนนี้ เจ้าเป็นแม่ลูกกี่คนแล้ว”
สำหรับคนอื่นเรื่องนี้อาจจะกระอักกระอ่วนใจ แต่สำหรับกู้เฉียวจิงนับว่าเป็นความภาคภูมิใจเพราะเหล่าอนุล้วนดีกับนาง ดั่งพี่สาวน้องสาวกันจริง ๆ นางตอบอย่างยินดี
“บุตรชาย 7 คน บุตรสาว 5 คน ตอนนี้พวกเขาคงอยู่เรือนหลักวุ่นวายกันอยู่ที่นั้น ท่านจะไปดูหรือไม่”
หวังเว่ยซินส่ายหน้า“ไม่เป็นไร เห็นเจ้าเบิกบานข้าก็ดีใจ”
“ในเด็กกลุ่มนี้ ซูเวยนับว่าเป็นพี่ใหญ่ นางค่อนข้างยิ่งใหญ่เชียวล่ะ เวลาคนเรียกพี่รอง พี่รอง นางจะเชิดคอขึ้นเล็กน้อย”
นินทาบุตรนับว่าเป็นความบันเทิงที่พูดไม่หยุด
หวังเว่ยซินนั่งฟังกู้เฉียวจิงพูดจนตะวันคล้อยต่ำ นางจึงพูดขึ้น “ข้าต้องไปแล้ว”
กู้เฉียวจิงกุมมือนางขึ้นมาแล้วถาม “ท่านจะมาหาข้าอีกเมื่อไร”
“ข้าจะไปรับมารดาและน้องชายมาอยู่ด้วย ต่อไปนี้ข้าคือ หวังเว่ยซิน เป็นสาวชาวบ้าน มีชีวิตใหม่แล้ว..แต่ข้ารับรองว่าหากมีเรื่องเดือนร้อนจะมารบกวนเจ้าอย่างแน่นอน”
ได้ยินหวังเว่ยซินพูดเช่นนี้ กู้เฉียวจิงก็พึ่งจะตระหนักถึงหน้าตาของอีกฝ่าย “อ่า...เหตุใดชาตินี้ท่านอ่อนเยาว์เช่นนี้”
“ก็ข้าเกิดใหม่..เริ่มต้นชีวิตใหม่ จะให้อายุเท่าเจ้าหรืออย่างไร”
กู้เฉียวจิงเอียงศีรษะพินิจอีกฝ่าย “ท่านช่างงดงามยิ่งนัก โดดเด่นมีเสน่ห์ ดวงตาเชิดขึ้นดูเจ้าเล่ห์ดั่งจิ้งจอก เช่นนี้ท่านกับผู้บัญชาการก็เหมาะสมกันไม่น้อย”
หวังเว่ยซินมองอีกฝ่ายตาขวาง “พูดจาส่งเดช..แล้วเขาได้พูดอันใดกับเจ้าอีกหรือไม่”
กู้เฉียวจิงหยักไหล่ขึ้น “ไม่เลย ไม่มองสักนิด เขาไม่ได้สนใจข้าเลย...ผู้ชายคนนี้ประสาสัมผัสยิ่งกว่าปีศาจ ท่านคิดดูสิขนาดเสิ่นเยี่ยหงยังไม่รู้เลยว่าเป็นท่านหาใช่ข้า...ส่วนท่านหลีเซียวหยวนกลับหมดความสนใจข้าหลังจากที่ท่านจากไปแล้ว”
พูดแล้วเหมือนจะทำให้สามีภรรยาทะเลาะกัน
หวังเว่ยซินจึงรีบตัดบท “เจ้าหยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว ใครมาได้ยินเข้าจะไม่มีคำอธิบายนะ”
กู้เฉียวจิงเหมือนได้สติเอามือปิดปากกดเสียงต่ำลง “ท่านผู้นั้นให้ท่านครบทุกข้อเลยใช่หรือไม่ ดี ๆ เช่นนั้นข้าจะรอท่านที่นี่ ท่านจะให้ซูซูติดตามไปด้วยหรือไม่”
หวังเว่ยซินส่ายหน้า “เจ้าให้พ่อบ้านไปส่งข้า แล้วขอรถม้าธรรมดาที่คนปกติใช้ด้วยนะ...พรุ่งนี้หากได้เอกสารแล้วช่วยเอาไปส่งให้ข้าด้วย”
กู้เฉียวจิงพยักหน้าหงึกหงักเป็นดังน้องสาวผู้ว่าง่ายหาใช่กงฮูหยินผู้เต็มไปด้วยบรรดาศักดิ์สูงส่ง
“ได้ ๆ” จากนั้นนางก็ให้คนไปตามพ่อบ้านมา พลางเดินไปส่งหวังเว่ยซินที่หน้าประตู
ในขณะที่หวังเว่ยซินกำลังจะเดินออกไป นึกบางอย่างได้จึงหันกลับมา “ข้ามีบางอย่างอยากจะรบกวน”
กู้เฉียวจิงเบิกตากว้าง
“อะไร ท่านรีบสั่งมาเลย ข้าจะจัดเตรียมให้ เงินหรือไม่ ตู้ยานั้นยังใช้งานได้เพียงแต่ไม่มีภารกิจกับตัวยาเพิ่ม หลายปีที่ผ่านมาพระชายาให้เงินข้าหลายแสนตำลึงเลย”
หน้าตาของกู้เฉียวเป็นประกายเด่นชัด
สั่งมา สั่งมาเลย สั่งเยอะ ๆ
หวังเว่ยซินลูบจมูกเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น แล้วเช่นนี้ที่ข้าเอาหีบเงินไปฝั่งไม่นับว่าโง่เขลาสิ้นเปลืองแรงหรืออย่างไร นางรู้สึกอับอายเล็กน้อยพูดเสียงแผ่วเบา
“ข้าอยากได้ที่ดินตรงลานกว้างที่พาซือจือไปฝึกซ้อม ..จำนวนมากหน่อย ข้าอยากเปิดโรงเตี๊ยม”
กู้เฉียวจิงยิ้มจนหน้าหยี
“ได้ ๆ ข้าจะรีบให้พ่อบ้านไปกว้านซื้อมาให้ท่าน”
“ขอบใจเจ้ามาก” พอดีกับเดินมาถึงรถม้า กู้เฉียวจิงยืนส่งจนรถม้าจนลับตา นางค่อยเดินกลับเข้าจวนด้วยสีหน้าอบอุ่นระคนยินดี
ชีวิตนี้ไม่มีสิ่งที่ติดค้างแล้ว