ตอนที่ 5 วิสัยของบุรุษ

1753 คำ
สองบุรุษต่างวัยของตระกูลเยี่ยได้มานั่งร่ำสุราเป็นการส่วนตัวกับหลี่หลงและเฉินอี้เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องการเดินทางไปยังจี้เฉินในอีกสองเดือนข้างหน้าโดยมีหลี่ลี่อิงแอบฟังอยู่ใกล้ๆ “เจ้าพร้อมจริงหรือหยวนซี การไปจี้เฉินคราวนี้เจ้าอาจจะเป็นอันตรายได้” “ข้าพร้อมแล้วท่านพ่อ ข้ามั่นใจว่าข้าเองก็มีฝีมืออยู่พอตัว อีกทั้งเหอหลางก็คงแก่ชราลงมากแล้ว ข้าคิดว่าคงจะเอาชนะเขาได้ไม่ยาก” เยี่ยหยวนซีพูดอย่างมั่นใจ ท่าทีที่ดูสง่าและน่าเกรงขามนั้นทำให้หลี่ลี่อิงที่แอบมองอยู่อมยิ้มด้วยความชื่นชม “หัวหน้าเฉินท่านเห็นว่าเป็นเช่นไร” เยี่ยฟู่ตงหันไปถามความเห็น “คุณชายเยี่ยฝีมือล้ำเลิศนัก ที่ผ่านมาปราบเหล่าโจรป่าได้อย่างสบาย เพียงแต่ที่ข้าห่วงคือกลุ่มโจรที่ปกครองโดยเหอหลางนั้นมีความเจ้าเล่ห์เพทุบายยิ่งนัก ข้าเกรงว่าอาจเพลี่ยงพล้ำแก่แผนการเจ้าเล่ห์นั้นเสียมากกว่า” “ที่ปู่ของเจ้าเพลี่ยงพล้ำก็เป็นเพราะเหอหลางออกอุบายให้ปู่เจ้าหลงกลเช่นกัน ข้าเองก็อดห่วงไม่ได้” เขาหันไปพูดกับบุตรชายด้วยท่าทางที่ดูเป็นกังวล “เอาเถอะท่านเยี่ย มาถึงขนาดนี้แล้วห้ามไปก็เท่านั้นหลานเยี่ยเองก็มีความสามารถรอบด้าน ฝีมือการต่อสู้ก็เยี่ยมยุทธ ด้านการวางแผนก็ล้ำเลิศ ข้าเชื่อว่าหลานเยี่ยต้องปราบเหอหลางได้แน่” หลี่หลงกล่าวอย่างชื่นชม ทำให้เยี่ยหยวนซีนั้นก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณที่เขาช่วยพูดกับบิดาให้ ‘งั้นเรื่องฝีมือต่อสู้ข้าก็คงไม่ต้องกังวล แต่เรื่องที่ต้องรับมือคืออุบายของเหอหลางสินะ’ หลี่ลี่อิงแอบคิดในใจแล้วค่อยๆ ย่องออกไปจากตรงนั้น “ถ้าเช่นนั้นสองเดือนนี้เจ้าไม่ต้องเดินทางไปค้าขายที่ต่างเมืองอีกแล้ว ข้าจะส่งคนอื่นไปแทน ส่วนเจ้าก็ฝึกปรือฝีมืออยู่ที่นี่ วางแผนปราบก๊กโจรป่าของเหอหลางก็แล้วกัน” เยี่ยฟู่ตงตัดสินใจเช่นนั้นเมื่อเห็นว่าทัดทานไม่ได้ “ข้าจะไม่ทำให้ท่านพ่อผิดหวัง” เยี่ยหยวนซีพูดขึ้นด้วยความยินดี อีกเพียงสองเดือนตนจะได้ล้างแค้นแล้ว ขณะที่กำลังสนทนาในเรื่องการเดินทางไปจี้เฉินอยู่ หลี่ลี่อิงได้เดินนำบ่าวรับใช้ตรงมายังวงสนทนา ทุกคนจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วหันไปสนใจการมาของนางแทน “คารวะท่านลุงเยี่ย พี่หยวนซี” หลี่ลี่อิงย่อตัวคารวะเยี่ยฟู่ตงและทักทายเยี่ยหยวนซีด้วยท่าทางที่อ่อนหวาน “ข้านำสำรับมาให้เจ้าค่ะ เห็นว่าร่ำสุรากันเช่นนี้ ข้าจึงทำไก่ผัดถั่วและกะหล่ำผัดน้ำมันงามาให้” “ขอบใจเจ้ามาก” เยี่ยฟู่ตงบอกแก่นางแล้วหันไปมองยังบุตรชายที่ตอนนี้ส่งยิ้มให้แก่นางอยู่ “สองเดือนนี้หยวนซีอาจจะมาที่นี่บ่อย เจ้าทั้งสองน่าจะเจอกันบ่อยยิ่งขึ้น” “ทำไมหรือเจ้าคะท่านลุง” นางถามเยี่ยฟู่ตงด้วยความใคร่รู้ทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว “ข้าจะมาฝึกเพลงดาบเพิ่มเติม ไม่มีอะไรหรอก” เยี่ยหยวนซีกล่าวแล้วยิ้มให้กับท่าทางอ่อนหวานของนาง ทั้งหลี่ลี่อิงและหานหลิงหลิงถูกใจเขาทั้งคู่ หากแต่เขายังไม่อยากเลือกผู้ใด แต่ในใจก็เอนเอียงไปทางหานหลิงหลิงเล็กน้อยเพราะฝ่ายนั้นอยู่ในวัยใกล้เคียงกับตนและมีความคิดเป็นผู้ใหญ่กว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะตัดดรุณีตรงหน้านี้ออกไปจากห้วงคำนึงได้ “จริงสิลี่อิง เจ้าจัดสวนดอกไม้ใหม่มิใช่หรือ พาหยวนซีไปเดินเล่นชมสวนดอกไม้ของเจ้าสิ” หลี่หลงบอกบุตรสาวอย่างรู้ทันว่านางเองคงอยากพูดคุยกับเยี่ยหยวนซี “เจ้าค่ะท่านพ่อ” นางอมยิ้มเล็กน้อยแล้วหันไปมองต้าเกอของตนแล้วเชิญให้เขาไปกับตน “เชิญพี่หยวนซีทางด้านนี้เจ้าค่ะ” ดรุณีน้อยพูดอย่างนุ่มนวลและเดินเคียงคู่ไปกับเขา โดยมีบ่าวรับใช้เดินตามอยู่ห่างๆ “เจ้าสบายดีหรือไม่ลี่อิง” เยี่ยหยวนซีถามนางด้วยเสียงที่นุ่มนวล “เจ้าค่ะ” หลี่ลี่อิงตอบคำถามด้วยความเอียงอายแล้วอมยิ้มเล็กน้อย “กลับมาคราวนี้ท่านจะอยู่ที่นี่นานถึงสองเดือน ข้าดีใจยิ่งนัก” หญิงสาวกล่าวเสียงเบาทำให้เยี่ยหยวนซีอมยิ้มแล้วแกล้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินสิ่งที่นางเอ่ย “เจ้ากล่าวว่าอะไร ข้าได้ยินไม่ถนัด” เขาแสร้งถามให้นางกล่าวอีกครั้งเพื่อให้นางเขินอาย “ข้าบอกว่า ท่านกลับมาคราวนี้อยู่นาน ท่านป้าคงดีใจ” นางอ้างถึงมารดาของเขาแล้วหน้าแดงเรื่อ รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจให้นางพูดอีกหน เยี่ยหยวนซีอมยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินไปยังแปลงดอกไม้ที่นางปลูกเอาไว้ เป็นชนิดเดียวกันกับที่นางอยากได้ตอนวัยเยาว์ “เหมยกุยฮวา(ดอกกุหลาบ)ที่เจ้าอยากได้ในตอนนั้นสินะ” “เจ้าค่ะ ข้าชื่นชอบเหมยกุยฮวา งดงามแต่มีหนามแหลมคม เป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความงดงามที่แข็งแกร่งได้เป็นอย่างดี” นางกล่าวถึงเหมยกุยฮวาหลากสีที่ตนปลูกเอาไว้ “ครั้งยังเยาว์เจ้าอยากได้นัก หลิงหลิงจะเด็ดให้จนถูกหนามตำนิ้ว ข้ายังจำได้ดี” เยี่ยหยวนซีกล่าวถึงหานหลิงหลิงทำให้นางลดยิ้มลงไปเล็กน้อยแล้วชวนให้เขาเดินไปนั่งที่ศาลาริมสระบัว “ข้าชอบเหมยกุยฮวา พี่หลิงหลิงชอบเหลียนฮวา(ดอกบัว) สตรีทุกนางย่อมมีดอกไม้ที่ตนเองชอบ แล้วพี่หยวนซีมีดอกไม้ที่ชื่นชอบหรือไม่เจ้าคะ” “ข้าก็ชื่นชอบเหลียนฮวาเช่นกัน ความหมายของมันคือความเป็นนิรันดร์ ท่านปู่เคยบอกกับข้าว่าท่านชอบความหมายของมัน ทำให้ข้าเองก็พลอยชอบมันไปด้วย” สิ่งที่หยวนซีต้าเกอพูดทำให้ดรุณีน้อยรู้สึกน้อยใจที่เขามีดอกไม้ประจำใจเช่นเดียวกับหานหลิงหลิง หากแต่ตนเองก็ไม่อยากยอมแพ้ เพราะตราบใดที่เขายังไม่เลือกใคร ตัวนางเองก็มีสิทธิ์ที่จะเอาชนะใจของเขาในตอนนี้ “ไปครั้งนี้ท่านเจออุปสรรคหรือไม่เจ้าคะ” “ไม่เลย เจอแค่พวกโจรกระจอก แต่พอรู้ว่าขบวนค้าขายของข้ามีหัวหน้าเฉินของสำนักคุ้มกันสกุลหลี่เป็นผู้นำ ก็ไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้” “มิใช่ว่าได้ยินชื่อเสียงของท่านหรอกหรือเจ้าคะ ท่านลุงเล่าว่าท่านจับโจรส่งทางการได้หลายครา ข้าก็คิดว่าครั้งนี้ท่านจะปราบโจรป่าได้อีกก๊กเสียอีก” นางพูดยกยอเอาใจเขาทำให้เยี่ยหยวนซียิ้มพอใจกับความช่างฉอเลาะเอาใจของนาง “ไปค้าขายสามคราจะให้ปราบโจรทั้งสามคราเลยหรือ ข้าไม่ใช่ทหารจากทางการเสียหน่อย” “แต่ถึงอย่างนั้น ชื่อเสียงของท่านก็เลื่องลืออยู่ไม่น้อยนะเจ้าคะ ข้าคิดว่าหากรู้ถึงหูเหอหลางเข้า ทางนั้นอาจเตรียมแผนรับมือท่านเอาไว้ แบบนี้ท่านต้องระวังตัวนะเจ้าคะ” หลี่ลี่อิงหลุดปากพูดออกไปด้วยความเป็นห่วงทำให้เยี่ยหยวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่เจ้าพูดเหมือนรู้ว่าข้ากำลังจะไปที่จี้เฉิน” “ท่านจะได้ไปจี้เฉินแล้วหรือเจ้าคะ ข้าเพียงแค่พูดไปตามที่คิดเท่านั้น” นางแสร้งทำเป็นว่าตกใจกับเรื่องที่เขาบอก “ไม่รู้ดีแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องของบุรุษ เจ้าเป็นสตรีสนใจแค่เรื่องการบ้านการเรือนเถิด” เขากล่าวเชิงตำหนิเล็กน้อย เพราะการใหญ่จะเสียการหากมีสตรีมาเกี่ยวข้อง “ขออภัยเจ้าค่ะ พี่หยวนซีอย่าถือโทษข้าเลยนะเจ้าคะ” นางพูดเสียงสั่นเครือที่ปลายเสียง ราวกับว่ารู้สึกผิดแทบจะร้องไห้จนเยี่ยหยวนซีต้องรีบลดท่าทีลง “ไม่หรอก ข้าแค่หวังดีอยากให้เจ้าสนใจแต่งานของสตรีเท่านั้น อย่าลืมสิว่าอายุเจ้านั้นสามารถออกเรือนได้แล้ว ไม่มีกุลสตรีที่ไหนสนใจเรื่องการต่อสู้เช่นเจ้าแน่” “ท่านไม่พึงใจสตรีที่กล้าหาญช่วยงานของท่านได้หรือเจ้าคะ” นางถามเขาเสียงอ่อน “ข้าชอบหญิงสาวที่อ่อนหวานมากกว่า บุรุษส่วนใหญ่อยากได้กุลสตรีที่เพียบพร้อมทั้งนั้น ข้าก็เช่นกัน” เยี่ยหยวนซีบอกเช่นนั้น ทำให้หลี่ลี่อิงหวั่นใจ เพราะนั่นหมายถึงหานหลิงหลิงได้นำหน้านางไปหลายก้าวเลยทีเดียว “ถ้าเช่นนั้นบุรุษส่วนใหญ่คงพึงใจพี่หลิงหลิงเป็นแน่ นางอ่อนหวานและเพียบพร้อมขนาดนั้น ข้าหรือจะสู้นางได้” หลี่ลี่อิงพูดเสียงเบา เป็นนัยว่าตนเองนั้นคงพ่ายแพ้แน่แล้ว “ทั้งเจ้าและหลิงหลิง ต่างก็งดงาม เพียบพร้อมไม่ต่างกัน เหตุใดจึงพูดเช่นนั้นเล่า หากเป็นข้า ข้าก็มิอาจสามารถตัดสินใจเลือกผู้ใดได้” เยี่ยหยวนซีพูดเป็นนัยว่าให้ความหวังแก่หลี่ลี่อิง ทำให้นางบิดตัวเล็กน้อยด้วยความเขินอายและยกผ้าเช็ดหน้าของตนขึ้นมาปิดบังแก้มที่แดงเรื่อเอาไว้ เพราะเขินอายกับคำพูดที่ทำให้หัวใจเต้นแรงเช่นนั้น เขาเองก็เป็นบุรุษผู้หนึ่ง มีหญิงงามทั้งสองมาให้เลือกในตอนนี้ก็ยังไม่อยากเสียผู้ใดไป อีกนางก็อ่อนหวานน่าทะนุถนอม อีกนางก็อ่อนหวานและร่าเริงสดใส อยู่ใกล้แล้วก็มีความสุขที่ต่างกันออกไป “เราเดินชมสวนนานแล้ว ข้าเดินไปส่งเจ้าที่เรือนจะดีกว่า” เขาเอ่ยกับนางด้วยเสียงที่นุ่มทุ้มและรอยยิ้มที่ทำให้ดรุณีน้อยอย่างนางเขินอายยิ่งนัก “เจ้าค่ะ” นางรับคำเสียงหวาน ลุกเดินตามหยวนซีต้าเกอไป มองแผ่นหลังกว้างของเขาด้วยความรู้สึกที่เสน่หายิ่งนัก **********************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม