ตอนที่ 4 คู่แข่ง

1793 คำ
หญิงสาวต่างวัยทั้งสองกำลังผลัดกันบรรเลงเพลงพิณให้กับชายวัยกลางคนทั้งสามฟังคลอไปกับการดื่มน้ำชาในบ้านสกุลเยี่ย หลี่ลี่อิงในวัยสิบแปดหนาวกำลังเป็นฝ่ายบรรเลงอยู่ โดยมีเจ้าบ้านสกุลเยี่ยและหานชิงเทียนชื่นชมนางให้แก่หลี่หลงถึงฝีมือของนางว่าเข้าขั้นเลยทีเดียว หลังจากนั้นก็ถึงคราวของหานหลิงหลิงในวัยยี่สิบเอ็ดหนาว นางบรรเลงเพลงได้ไพเราะเช่นกัน คราวนี้เยี่ยฟู่ตงและหลี่หลงชื่นชมนางให้หานชิงเทียนกลับ ทำให้ยิ้มแก้มปริไม่ต่างกัน “ท่านเยี่ยเอ็นดูหลิงเอ๋อร์หรือลี่อิงมากกว่ากันเล่า เราจะได้พูดคุยเรื่องการหมั้นหมายกันได้เสียที” หานชิงเทียนพูดเชิงสัพยอกแต่มองหน้าเยี่ยฟู่ตงอย่างมีความหวัง “ข้าอยากให้หยวนซีเป็นผู้ตัดสินใจมากกว่า เรื่องแบบนี้มันบังคับใจกันได้เสียที่ไหนเล่า ไม่แน่ว่าหยวนซีเดินทางไปค้าขายต่างเมืองอาจจะพาลูกสะใภ้กลับมาด้วยก็เป็นได้” เยี่ยฟู่ตงพูดเชิงสัพยอกกลับเช่นกัน หลี่ลี่อิงและหานหลิงหลิงถึงกับมองหน้ากันแล้วเม้มปากเล็กน้อยเกรงว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นจริง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมาด้วยเกรงว่าจะดูไม่งาม “ไม่หรอก ข้ารู้ว่าหลานเยี่ยนั้นมีปณิธานที่แน่วแน่ชัดเจน เขาต้องการกำจัดเหอหลางให้ได้เพื่อแก้แค้นให้ท่านผู้อาวุโสเยี่ย หากยังไม่ได้แก้แค้นเขาจะไม่มีวันเปิดใจให้หญิงใดเข้ามาในชีวิตแน่” หลี่หลงพูดอย่างที่เขารู้ เพราะเยี่ยหยวนซีก็เป็นลูกศิษย์ของตน ย่อมรู้จักความคิดอ่านของเขา “พูดถึงเรื่องนี้ท่านเยี่ยยอมให้หยวนซีทำเรื่องนั้นได้เช่นไร แล้วไม่กลัวหรือว่าลูกชายคนเดียวจะเกิดอันตราย” หานชิงเทียนถามด้วยความกังขา “ข้าหาได้กลัวไม่ มีสำนักคุ้มกันของท่านหลี่คอยคุ้มกันทั้งสินค้าและลูกชายของข้าอยู่อย่างไรก็ปลอดภัยแน่นอน” เจ้าบ้านเยี่ยพูดอย่างวางใจ ลึกๆ แม้จะกังวลไม่น้อยแต่จะทำอย่างไรได้บิดาของเขาเป็นผู้ที่เลี้ยงดูบุตรชายมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเมื่อเขาถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดมีหรือว่าหยวนซีจะยอมอยู่นิ่งเฉย “แล้วครั้งนี้ไปค้าขายที่ใดเล่า” “ครั้งนี้ข้าส่งไปยังเมืองตงหนาน ตั้งแต่เกิดเรื่องเมืองจี้เฉินก็ยังไม่ได้ติดต่อซื้อขายด้วยกันอีกเลย ตอนนี้หยวนซีจึงได้แต่ดูแลขบวนสินค้าระหว่างทางก็ปราบพวกโจรป่าส่งทางการไปด้วย เป็นการฝึกฝีมือไปในตัว” “ข้าก็พอได้ยินมาบ้างเรื่องที่หลานเยี่ยปราบโจรป่าได้หลายก๊ก แต่นั่นมันก็เป็นแค่ก๊กเล็กๆ เท่านั้น หากได้มีโอกาสไปค้าขายที่จี้เฉินแล้วเจอกับก๊กใหญ่ของเหอหลางเข้าเล่า จะสามารถปราบได้หรือ” หานชิงเทียนถามอย่างเป็นกังวล “ข้าก็ยังหวั่นใจอยู่ แม้จะมีหัวหน้าเฉินเป็นผู้นำขบวนคุ้มกันก็ตาม แต่เหอหลางเป็นผู้นำกองโจรกลุ่มใหญ่ที่น่ากลัวไม่น้อย ด้วยเหตุนี้จึงประวิงเวลาให้หยวนซีไปยังเมืองอื่นแทน” ดรุณีทั้งสองเงียบฟังอย่างตั้งใจแล้วกระซิบกระซาบกันอยู่สองคน ต่างคนต่างเป็นห่วงหยวนซีไม่ต่างกัน “ข้าเป็นห่วงพี่หยวนซีนัก” “เจี่ยเจีย ท่านว่าหากต้าเกอประมือกับเหอหลางผลจะออกมาเป็นเช่นไร ข้าเป็นห่วงยิ่งนัก” “เราต้องเชื่อมั่นว่าเขาจะต้องปลอดภัย เจ้าวางใจเถิดลี่อิง” หานหลิงหลิงบอกแก่นางแล้วยิ้มให้ ก่อนที่จะนึกได้ว่ามีเรื่องที่ต้องโอ้อวดนาง “จริงสิ เดือนก่อนที่พี่หยวนซีกลับมา เขาซื้อกำไลหยกมาฝากข้า เขาจะไปเมืองใดก็ไม่เคยลืมของฝากเลยสักครา” หญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดหนาวยกกำไลหยกที่สวมใส่ให้แก่อีกฝ่ายดู “ต้าเกอนำกำไลหยกมาให้ข้าเลือกสองอัน ข้าเลือกอันนี้ที่มีฉลุทองลายเถาตำลึง ส่วนอันที่ไม่ได้ฉลุทองนั้นข้าไม่ได้เลือกเขาจึงนำมาให้ท่านสินะ” หลี่ลี่อิงพูดและยกกำไลหยกที่สวมใส่ขึ้นมา พูดเป็นนัยว่ากำไลที่นางได้รับนั้นเป็นของที่ตนเองไม่ได้เลือก ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วตนก็เพิ่งเคยเห็นกำไลหยกของอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก ‘พี่หยวนซีนะพี่หยวนซี ทำไมต้องซื้อของฝากให้เราสองคนเหมือนกันด้วย’ ดรุณีน้อยตัดพ้อบุรุษหนุ่มรูปงามในใจ หากแต่ยิ้มให้กับอีกฝ่ายเพื่อแสดงว่าตนเองนั้นเป็นต่ออยู่ หานหลิงหลิงสะกดความไม่พอใจเอาไว้ แล้วหาเรื่องอื่นมาพูดให้ตนเองไม่เสียหน้าแก่อีกฝ่าย “ครั้งก่อนพี่หยวนซีบอกแก่ข้าว่า กลับมาคราวนี้จะนำผ้าแพรจากเมืองตงหนานมาฝากข้า เขาได้บอกเจ้าหรือไม่ว่าจะนำสิ่งใดมาฝาก” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแล้วยิ้มหวานให้แก่หญิงสาวที่อ่อนวัยกว่า “พี่หยวนซีมิได้บอกแก่ข้าว่าจะนำสิ่งใดมาฝาก เพราะข้าบอกเขาว่ากลับมาครั้งนี้ข้าไม่ต้องการของฝาก แต่ได้นัดเจอกันเอาไว้อย่างมั่นเหมาะว่าจะมาดื่มน้ำชากับข้าที่บ้าน” หลี่ลี่อิงพูดแล้วยิ้มอย่างเอียงอาย นางไม่ได้โกหกให้อีกฝ่ายนั้นรู้สึกริษยา หากแต่เป็นเรื่องจริงที่เยี่ยหยวนซีนัดหมายบิดาของตนเอาไว้ว่าจะมาดื่มน้ำชาด้วยที่บ้าน เพียงแต่นางพูดไม่หมดก็เท่านั้น หานหลิงหลิงรู้ว่าอีกฝ่ายก็กำลังพูดโอ้อวดตนอยู่เช่นกัน แต่ก็ไม่รู้จะหาเรื่องใดมาตอบโต้อีกจึงได้แต่ยิ้มแล้วก็ยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบเพื่อดับอารมณ์รุ่มร้อนในอก เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปหลี่ลี่อิงก็ยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจที่นางคงหาเรื่องมาพูดข่มไม่ได้แล้ว แต่ด้วยความที่เป็นผู้น้อยและบิดาของทั้งคู่ก็เป็นสหายกัน หากจะแข่งขันเป็นสะใภ้ตระกูลเยี่ยก็ไม่จำเป็นต้องผิดใจกันทุกเรื่อง จึงหาเรื่องชวนคุยเพื่อผูกมิตรไปในตัว “ข้าได้ยินมาว่าเจี่ยเจียปักผ้าได้งดงามยิ่งนัก ส่วนข้าฝีมือปักผ้านั้นไม่ได้เรื่องเลยทีเดียว อยากจะขอให้ท่านช่วยชี้แนะให้บ้างจะได้หรือไม่” หลี่ลี่อิงพูดพลางนำผ้าเช็ดหน้าที่ตนปักออกมาให้แก่อีกฝ่ายได้ชื่นชม หานหลิงหลิงดูผ้าเช็ดหน้าของนางที่ปักลายเถาล้อมกรอบผ้าเช็ดหน้าทั้งสี่ด้านแล้วมีใบไม้และดอกไม้เล็กๆ ร้อยเรียงที่เถานั้น ดูสวยงามแต่ว่าไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก “จริงของเจ้า ฝีมือเจ้ายังอ่อนด้อยนัก ดูของข้าสิ” หญิงสาวหยิบผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในแขนเสื้อของตนเองออกมาให้แก่หลี่ลี่อิงได้ชื่นชมลายปักดอกโบตั๋นที่ไล่สีอย่างสวยงาม รายละเอียดในการปักนั้นงดงามจนหลี่ลี่อิงต้องทำตาโตด้วยความชื่นชมอย่างจริงจัง “เจี่ยเจียท่านมีฝีมือในการปักผ้าล้ำเลิศนัก ข้าอยากทำได้เช่นท่านแต่ก็ทำได้เพียงเท่านี้ คงต้องหาเวลามาให้ท่านชี้แนะอย่างจริงจังเสียแล้วล่ะ” หลี่ลี่อิงพูดเช่นนั้นแล้วมองผ้าปักของนางอย่างชื่นชม ทำให้หานหลิงหลิงรู้สึกผยองในฝีมือของตนขึ้นมา “ครั้งก่อนข้าไปที่บ้านของเจ้า จำได้ว่าท่านแม่ของเจ้าเองก็ปักผ้าเป็นเลิศ เจ้าไม่ได้ฝีมือของท่านมาเลยหรืออย่างไร” “หัวข้าไม่ค่อยไปในทางนี้เลยเจ้าค่ะ ขนาดบรรเลงพิณยังฝึกฝนอยู่หลายปีกว่าจะมีฝีมือใกล้เคียงกับท่าน” หลี่ลี่อิงยกยอนาง หานหลิงหลิงได้ยินคำชื่นชมก็ยิ้มอย่างพอใจแต่ก็ไม่วายกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน “ข้าเอ็นดูเจ้าในบางเรื่องก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะยอมแพ้เรื่องพี่หยวนซีหรอกนะ” “ถึงข้าจะชื่นชมท่านในบางเรื่องก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะยอมแพ้เรื่องต้าเกอเช่นกัน” หลี่ลี่อิงกระซิบตอบไปก่อนที่ทั้งคู่จะยิ้มให้แก่กันแล้วยกน้ำชาจิบด้วยกิริยาน่ารัก เป็นที่น่าเอ็นดูแก่เหล่าบิดาทั้งสามตระกูล ********************** ในตอนกลางดึกที่ทุกคนหลับนอนกันหมดแล้ว หลี่ลี่อิงแต่งกายด้วยชุดของบุรุษออกมาฝึกเตะต่อยที่หน้าห้องของตนเองเหมือนอย่างเช่นเคย หลังจากฝึกวิชาหมัดมวยแล้วเสร็จ นางจึงหยิบมีดสั้นมาฝึกใช้ในการต่อสู้และจบด้วยการฝึกขว้างมีดไปยังเป้าหมายที่วันนี้ก็เข้าเป้าอีกตามเคย นางยกแขนขึ้นปาดเหงื่อแล้วรีบดึงมีดออกมาเก็บเตรียมตัวเข้านอนก่อนที่จะมีคนมาเห็น “หากข้าจะขอท่านพ่อติดตามพี่หยวนซีไปยังจี้เฉินในสักวัน ท่านพ่อจะให้ข้าไปหรือไม่นะ” ดรุณีน้อยพึมพำแล้วครุ่นคิดอย่างเป็นกังวล ลึกๆ ก็รู้คำตอบอยู่แล้วว่าบิดาคงไม่ยอมให้นางไปเสี่ยงชีวิตแน่ หลี่ลี่อิงเปลี่ยนชุดแล้วเข้านอนด้วยความอ่อนเพลีย ตลอดเวลาที่ผ่านมาตอนกลางวันนางฝึกงานของสตรี ส่วนตอนกลางคืนก็แอบฝึกวิชาการต่อสู้และป้องกันตัวอย่างนี้มาตลอดหลายปีแล้ว การทำสองอย่างพร้อมๆ กันทำให้นางเหน็ดเหนื่อยแทบทุกคืนวัน แต่ก็อดทนเพื่อที่จะเป็นสตรีที่เพียบพร้อมแก่เยี่ยหยวนซีที่บัดนี้เขาเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามเป็นที่หมายปองของหญิงสาวทั่วเมืองต้าถง แต่ด้วยที่ตระกูลหลี่และตระกูลหานเป็นตระกูลที่ใหญ่เทียบเท่ากับสกุลเยี่ยและเป็นที่รู้กันดีว่าหนึ่งในสองตระกูลนี้จะต้องเป็นสะใภ้สกุลเยี่ย จึงไม่มีผู้ใดกล้านำลูกสาวของตนเองมาเสนอให้แก่เยี่ยฟู่ตง ด้วยว่าไม่มีใครที่จะเหมาะสมไปกว่าบุตรสาวของตระกูลหานและตระกูลหลี่อีกแล้ว “ข้าจะต้องทำให้ท่านเลือกข้าให้ได้ พี่หยวนซี” นางเอ่ยถึงเขาแล้วอมยิ้มอย่างสุขใจ ก่อนจะหลับตาลงในห้วงคำนึงนั้นมีแต่เขามาตลอดสิบปี **********************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม