เมื่อกลับมาถึงหลี่ลี่อิงก็เดินเข้าไปหามารดาแล้วขยับเข้าไปกอดเอาไว้ ทำให้หลี่สู่ผิงอมยิ้มเอ็นดูที่บุตรสาวออดอ้อนนางเช่นนี้
“อยากได้อันใดเล่าลี่อิง” นางเรียกบุตรสาวด้วยความเอ็นดู
“ท่านแม่ ข้าอยากเรียนรู้การเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อม ท่านจะสอนให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ” หลี่ลี่อิงพูดด้วยความเขินอาย เนื่องจากแต่ก่อนนางปฏิเสธมาตลอด
“ข้าหูฝาดไปหรือไม่เสี่ยวชิง คุณหนูของเจ้าอยากเรียนรู้การเป็นกุลสตรีกับข้า”
“ฟังไม่ผิดเจ้าค่ะนายหญิง บ่าวเองก็ได้ยินเช่นนั้น” เสี่ยวชิงพูดแล้วอมยิ้มให้กับนายหญิง นางเองก็ไม่อยากเชื่อหูเช่นกัน
“หลายครั้งนักกับเจ้า ข้าเล่าเหนื่อยใจ ‘สามวันไม่ตี เด็กจะซนปีนหลังคาเราะกระเบื้อง’ นั้นคงจริง จะให้ข้าเชื่อได้อย่างไรเล่าว่าเจ้าอยากจะเล่าเรียนกับข้า ในเมื่อที่ผ่านมาก็บังคับจนเกือบต้องได้ลงไม้ลงมือ” หลี่ฮูหยินพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่เชื่อถือคำพูดบุตรสาวนัก
“ข้าสำนึกผิดแล้วท่านแม่ ข้ารู้แล้วว่า ‘ไม่ฟังคำผู้ใหญ่ มีทุกข์ในวันหน้า’ นั้นเป็นเช่นไร” หลี่ลี่อิงอ้อนแล้วทำหน้าตาให้น่าเอ็นดู
“เหตุใดเจ้าถึงเปลี่ยนใจอยากเรียนรู้งานบ้านงานเรือนเล่า” ผู้เป็นมารดาถามด้วยความใคร่รู้
“ข้ารู้เจ้าค่ะนายหญิง คุณหนูอยากให้คุณชายเยี่ยสนใจใช่หรือไม่เจ้าคะ” เสี่ยวชิงพูดสัพยอกเด็กหญิง ทำให้หลี่ลี่อิงเขินจนหน้าแดง
“เจ้ายังเด็กนัก ผ่านมาแค่เก้าหนาวรู้จักความรักกับเขาแล้วหรือ” หลี่ฮูหยินส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู
“ท่านแม่สอนข้าหน่อยนะเจ้าคะ ข้าจะไม่บ่น จะยอมทำตามทุกอย่างที่ท่านสอน”
“เจ้าอยากเรียนรู้อะไรบ้างเล่า” ผู้เป็นมารดาถามเด็กหญิงด้วยน้ำเสียงที่เอ็นดู
“เย็บปักผ้า ปรุงอาหาร ทำขนม แล้วก็ดีดพิณเจ้าค่ะ” หลี่ลี่อิงอยากทำทุกอย่างที่หานหลิงหลิงทำได้ และนางก็จะทำให้ได้ดี รวมถึงเรื่องการต่อสู้ที่อยากฝึกไปพร้อมๆ กันด้วย
“ได้ ข้าจะสอนงานของสตรีแก่เจ้า รวมถึงมารยาทและกิริยาที่อ่อนช้อย และหาผู้ที่ชำนาญเรื่องเครื่องพิณมาสอนแก่เจ้า พอใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะท่านแม่”
“แต่ข้ามีข้อแม้ เจ้าต้องเลิกไปฝึกวิชาต่อสู้กับคนในสำนัก เพราะมันไม่ใช่วิสัยของกุลสตรี”
เมื่อมารดากล่าวเช่นนั้นทำให้เด็กหญิงนิ่งไปชั่วครู่ นางอยากเก่งทั้งสองด้าน ทั้งงานของสตรีที่บุรุษส่วนใหญ่ปรารถนา และฝึกฝนวิชาต่อสู้ป้องกันตัว เพื่อที่จะตามเยี่ยหยวนซีไปปราบกลุ่มโจรป่าในเขตจี้เฉิน อยากร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา จึงไม่อยากละทิ้งเรื่องวิชาการต่อสู้ไป
“ว่าอย่างไรเล่าลี่อิง” ผู้เป็นมารดาถามเมื่อเห็นว่านางกำลังชั่งใจอยู่
“ข้ารับปากเจ้าค่ะท่านแม่” หลี่ลี่อิงรับปากเสียงอ่อน หากแต่ในใจนางไม่ยอมแพ้ที่จะทำเพื่อเยี่ยหยวนซีอย่างแน่นอน
**********************
สามปีผ่านไป
บัดนี้หลี่ลี่อิงอยู่ในวัยสิบสองหนาวแล้ว นางลอบฝึกวิชาการต่อสู้ในยามดึกที่คนในบ้านนอนกันหมดแล้ว ท่วงท่าการเตะต่อยนั้นแข็งแกร่งและว่องไว รวมถึงการใช้มีดสั้นเป็นอาวุธเป็นสิ่งที่นางถนัด
นางสะบัดข้อมือขว้างมีดสั้นออกไปยังเป้าหมายได้ตรงจุดแล้วยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะเห็นแสงจากตะเกียงแล้วรีบกลับเข้าไปที่ห้องของตัวเองเพื่อที่จะเข้านอน
เสี่ยวชิงเข้ามาดูความเรียบร้อยในห้องของนาง เตรียมชุดที่จะสวมใส่ในงานพรุ่งนี้เช้าไว้ให้ก่อนจะออกจากห้องไป
หลี่ลี่อิงลืมตาขึ้นมองไปยังชุดสีสันสดใสนั่นแล้วทำปากคว่ำด้วยความหงุดหงิดใจ พรุ่งนี้นางต้องไปร่วมแสดงความยินดีกับศัตรูหัวใจด้วยว่าหานหลิงหลิงจะเข้าสู่พิธีปักปิ่นในวัยสิบห้าหนาว
‘นางคงรอคอยวันนี้มานานมาก เวลาที่ตนเองจะเป็นสาวสะพรั่งและส่งสัญญาณถึงพี่หยวนซีว่าตนพร้อมจะออกเรือนแล้ว’ หลี่ลี่อิงนึกในใจด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก เพราะตนเองเกิดช้ากว่าจึงเสียเปรียบในข้อนี้
“คิดเหรอว่าข้าจะยอมแพ้เจ้า อีกสามปีข้าเองก็จะปักปิ่นเช่นกัน รอข้าก่อนนะพี่หยวนซี” หลี่ลี่อิงพึมพำแล้วข่มตาให้นอนหลับ ไม่เช่นนั้นคงไปงานในสภาพสะลึมสะลือแน่
**********************
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีปักปิ่นของหานหลิงหลิงที่บ้านสกุลหานจัดอย่างใหญ่โตแล้ว หลี่ลี่อิงที่ไม่อยากฟังคำชื่นชมของบรรดาผู้อาวุโสที่มีต่อนางจึงเดินออกมาสูดอากาศที่สวนด้านนอก
ในงานไม่พบเยี่ยหยวนซีมันก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยว ที่ผ่านมาก็มีเขาเป็นเพื่อนเล่น แต่เมื่อเขาเติบโตขึ้นก็ไม่ค่อยสนิทสนมกับนางอย่างแต่ก่อน
อีกทั้งต้องเรียนงานของกุลสตรีกับมารดาจึงไม่ได้ไปดูเขาซ้อมบ่อยนัก นานวันเข้าก็ไม่ได้เจอกันเพราะเขาฝึกฝนได้ชำนาญแล้วจึงไม่ค่อยได้มาที่สำนักบ่อยอย่างเช่นแต่ก่อน จะพบกันก็ต่อเมื่อสามตระกูลนัดดื่มชากันเดือนละหนเท่านั้น
“เรื่องหมั้นหมายของเรา ข้าต้องขอโทษด้วยที่พูดออกไปเช่นนั้น หวังว่าเจ้าคงเข้าใจ” เสียงของเยี่ยหยวนซีค่อยๆ ใกล้เข้ามา หลี่ลี่อิงจึงรีบไปแอบที่หลังต้นไม้ เพราะประโยคที่สนทนานั้นแน่ชัดว่าเขากำลังพูดคุยกับหานหลิงหลิงอยู่ โดยมีบ่าวรับใช้ของนางเดินตามอยู่ห่างๆ
“ข้ามิได้แคลงใจเจ้าค่ะ ท่านไม่ต้องกล่าวขอโทษข้า” ดรุณีวัยสิบห้าหนาวตอบเสียงหวาน ตอนนี้ทรงผมมัดมวยจุกสองข้างได้เปลี่ยนเป็นทรงผมของหญิงสาวงาม ด้านหลังปล่อยสยายลงมาถึงกลางหลังผมครึ่งศีรษะถูกมวยขึ้นปักปิ่นดูสวยงาม
“ข้ามีสิ่งที่ต้องทำ จึงยังไม่คิดเรื่องความรักหรือคู่ครอง”
“พี่หยวนซีอย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ ข้าเข้าใจ..และรอได้เสมอไม่ว่าจะนานสักเพียงใด” หานหลิงหลิงพูดด้วยน้ำเสียงที่ขัดเขินในตอนท้ายเป็นนัยว่าจะรอการกลับมาของเขา
“ตอนนี้ท่านพ่อวางใจให้ข้าออกไปทำการค้าข้าวที่ต่างเมือง ข้าอาจจะเดินทางไปนานแรมเดือนและอาจไม่ได้มาพบเจ้าได้บ่อยอย่างเช่นแต่ก่อน” เยี่ยหยวนซีพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มละมุน
หลี่ลี่อิงที่แอบฟังอยู่ก็รู้สึกชาไปทั้งตัว เมื่ออีกฝ่ายพูดราวกับว่ามาเจอกันอยู่บ่อยครั้ง หรือเป็นเพราะนางยังเด็กนักจึงทำให้หยวนซีต้าเกอเลือกที่จะพึงใจต่อหานหลิงหลิงมากกว่า แล้วที่นางฝึกฝนมาตลอดสามปีนั้นมันจะมีความหมายอะไร
ทั้งคู่เดินไปสนทนาไปด้วยถ้อยคำที่ฟังดูราวกับคู่รักกำลังพูดคุยกัน หลี่ลี่อิงออกมาจากหลังต้นไม้เดินไปนั่งที่ศาลาริมสระบัวที่อยู่ใกล้ๆ สะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ต้องอับอายคนในงาน
“ลูกพ่อมาอยู่นี่เอง งานเลี้ยงเลิกแล้ว พ่อมาตามเจ้ากลับ” หลี่หลงเดินมายืนอยู่ด้านหลังบุตรสาวแล้วมองบัวในสระพลันอมยิ้มออกมา
“ท่านลุงเยี่ยกับท่านลุงหานคุยกันเรื่องหมั้นหมายพี่หยวนซีกับคุณหนูหานหรือเจ้าคะท่านพ่อ” เด็กสาวกล่าวถึงหานหลิงหลิงอย่างห่างเหิน เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายก็ไม่ใช่พี่สาวใจดีอะไรมากนัก ที่ผ่านมาก็แค่เสแสร้งเท่านั้น
“ใช่แล้ว เป็นการพูดเชิงหยอกเย้ากันเสียมากกว่า แต่หยวนซีเกรงว่าท่านลุงหานจะเข้าใจผิดจึงรีบออกตัวไว้ก่อนว่ายังไม่ใช่เวลานี้ เพราะเขาเองยังไม่พร้อมจะหมั้นหมายหรือว่าออกเรือนกับผู้ใด เขาขอเวลาไม่เกินเจ็ดปีนับจากนี้ตามหาเหอหลางเพื่อแก้แค้น หากไม่เจอจึงจะยอมละความแค้นที่มีลงไป”
เมื่อบิดาพูดเช่นนั้นหลี่ลี่อิงจึงลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะสำรวมกิริยาแล้วหันไปทางสระบัวพลางอมยิ้มด้วยความดีใจ
“พี่หยวนซีขอเวลาเจ็ดปีหรือเจ้าคะ” หลี่ลี่อิงถามย้ำบิดาอีกครั้ง หากเป็นเช่นนั้นจริง ตอนนั้นนางเองก็พร้อมออกเรือนแล้วเช่นกัน
“ใช่แล้ว ท่านลุงเยี่ยจึงเอ่ยปากว่าเป็นเช่นนั้นก็ดี เพราะถึงตอนนั้นเจ้าก็คงโตพอจนออกเรือนได้ แล้วค่อยให้หยวนซีตัดสินใจว่าอยากเกี่ยวดองกับสกุลใดมากกว่า” หลี่หลงพูดแล้วยิ้มกริ่ม ทำไมเขาจะเดาใจบุตรสาวไม่ออกว่านางมีใจแก่ต้าเกอข้างบ้าน
“ช่วงเวลานี้เจ้าเองก็ฝึกฝนกับมารดาของเจ้าต่อไป พ่อเองก็หวังอยากเกี่ยวดองกับสกุลเยี่ยอยู่เช่นกัน”
“ข้าจะไม่ทำให้ท่านพ่อผิดหวังเจ้าค่ะ” หลี่ลี่อิงรับปากบิดา
นางจะใช้ช่วงที่เยี่ยหยวนซีออกตามหาโจรป่านามเหอหลาง เปลี่ยนแปลงตนเองเป็นคุณหนูที่งดงามอ่อนหวานรอคอยเวลาที่เขาจะเลือกคู่ครอง
**********************