ตอนนี้เราทั้งสองคนอยู่บนรถตู้ของทางโรงแรม และตัวรถก็กำลังมุ่งหน้าไปสู่เส้นทางซึ่งฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะต้องไปทางไหน พร้อม ๆ กับคนในรถอีกประมาณสามถึงสี่คนเท่านั้นเนื่องจากว่าช่วงที่เรามาไม่ใช่ช่วงเทศกาลไหน ๆ คนจึงไม่ได้เยอะแออัดมากและฉันตั้งใจให้มันเป็นเช่นนั้น
บุหลันนั่งสัปหงกเป็นรอบที่สามแล้วเห็นจะได้ ครั้นฉันบอกให้เธอนอนหลับไปก่อนเลยเธอก็ปฏิเสธเสียงแข็ง ทั้งยังบอกกับฉันว่าอยากจะดูวิวข้าง ๆ ทาง ซึ่งฉันก็คิดว่ามันไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษนอกเสียจากป่าเขาเท่านั้น
และฉันรู้ว่าเธอคงจะอยากอยู่เป็นเพื่อนกัน แม้ว่าเจ้าตัวจะง่วงจนเผลอหลับไปแล้วหลายต่อหลายครั้งก็ตาม นิสัยที่แคร์ผู้อื่นอยู่เสมอของเธอมันราวกับเป็นเสน่ห์ ซึ่งฉันก็ยังคงตกหลุมรักมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นล้าน ๆ ครั้งในระยะเวลากว่าสิบสามปีที่ผ่านมานี้
“นอนเถอะ...เดี๋ยวติก็จะหลับเหมือนกัน” เจ้าตัวรีบหันควับมามองฉันในทันใดที่ฉันพูดคำนั้นออกไป
เพราะถ้าฉันไม่ยอมบอกว่าจะนอนหลับแล้วล่ะก็...เจ้าเด็กดื้อคนนี้ก็คงจะไม่ยอมเลิกถ่างตาดูข้างทางเพื่ออยู่เป็นเพื่อนกันแน่ ๆ เลย
“จริงเหรอ?” ฉันพยักหน้าตอบรับซึ่งเธอก็ยกยิ้มราวกับว่าดีใจนักหนา
บุหลันหันหน้าไปพิงกับกระจกเอาไว้และหลับตาลงในทันที และเพราะความง่วงซึมที่สั่งสมบวกกับเมื่อคืนที่กว่าจะข่มตาลงนอนได้ บุหลันก็ผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย โดยที่ฉันคนนี้ก็ได้แต่มองใบหน้าของเธอเมื่อยามหลับใหลด้วยความรู้สึกมากมายหลายอย่างที่มันกำลังถาโถมเข้าใส่
เมื่อเช้าตอนที่ฉันตื่นขึ้นมาฉันกลับพบว่าเธอนอนตาใสจ้องมองกันอยู่ก่อนแล้ว แต่เจ้าตัวยังไม่ยอมคลายกอดออกจากฉันและยังเอาแต่จ้องมองใบหน้ากันอยู่อย่างนั้นจนกลับกลายเป็นฉันที่เขินอายจนต้องหลีกเลี่ยงออกมาจากเธอก่อนแม้ว่าจะแสนเสียดาย
เราทั้งสองไม่มีใครพูดถึงเรื่องเมื่อคืนที่มันเกิดขึ้น แต่มันกลับกลายเป็นบรรยากาศอบอุ่นแปลก ๆ ที่ฉันสัมผัสได้ และฉันก็แน่ใจกับมันมาก ๆ ว่าฉันไม่ได้คิดไปเองอยู่ฝ่ายเดียว
บุหลันอาจจะกำลังเปิดใจให้กับฉันเพราะฉันได้ขอโอกาสจากเธอก่อน...และที่มันง่ายดายถึงเพียงนี้อาจจะเป็นเพราะว่าเราทั้งสองคุ้นเคยกันดีอยู่ก่อนแล้วก็อาจจะเป็นไปได้
ฉันเอื้อมมือไปคว้าศีรษะของเธอเข้ามาใกล้ก่อนจะวางลงที่ไหล่ของฉัน เจ้าตัวขยับท่าทางให้เหมาะสมในขณะที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่ ก่อนจะจมลงสู่ห้วงนิทราอีกครั้งโดยมีฉันคนนี้ที่เฝ้ามองดูเธออยู่ไม่ห่าง พร้อมกับรอยยิ้มสดใสที่ประดับขึ้นมาที่มุมปากเมื่อต้นเหตุรอยยิ้มของฉันก็หาใช่ใครที่ไหน
แต่มันยังเป็นเพราะคนข้างกายของฉันอยู่เสมอ...และยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ความรู้สึกของฉันมันยังคงชัดเจนและเพิ่มพูนขึ้นมากทุกวันแม้ว่าจะผ่านไปนานเป็นสิบ ๆ ปี และฉันยังคงวาดฝันอนาคตของสองเราในยามที่ตื่นขึ้นมาพบกันเป็นคนแรกของทุก ๆ เช้า รวมไปถึงมีช่วงเวลาให้กันในวันที่สุดแสนจะพิเศษของสองเรา
และทุก ๆ วันในอนาคตของฉันล้วนมีเธออยู่ในนั้นเป็นเรื่องราวทั้งหมด...โดยที่ฉันก็เฝ้าฝันถึงว่ามันจะเกิดขึ้นเป็นความจริง หาใช่แค่เพียงในความคิดของฉันแค่เพียงฝ่ายเดียวเหมือนอย่างที่ฉันนั้นเป็นอยู่ในตอนนี้
ฉันรักเธอมากเกินกว่าที่จะถอยหลังกลับไปได้อีกแล้ว...บุหลัน
ไม่นานรถก็เคลื่อนตัวมาถึงที่หมายและจอดนิ่งสนิทอยู่ที่ไหนสักแห่งซึ่งฉันก็ยังไม่แน่ใจนัก ผู้คนค่อย ๆ ทยอยลงจากรถ แต่ฉันยังคงนั่งอยู่กับที่และเฝ้ามองใบหน้าของเธอที่กำลังหลับใหลแม้ว่าเจ้าหล่อนจะหลับไปนานกว่าสองชั่วโมงเต็ม
“บุหลัน...” ฉันเอ่ยเรียกเธอบางเบาแต่เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมลืมตาตื่น “บุหลันคะ...”
“อือ...” เธอครางรับในลำคอก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาตื่น
ฉันยกยิ้มให้กับเจ้าตัวที่กำลังขยับท่าทางให้เหมาะสม ซึ่งเธอก็ยกมือบิดขี้เกียจไปมาพร้อมกับหันซ้ายแลขวาเพื่อมองดูว่าเราอยู่ที่ไหนกันแน่
“ถึงแล้วเหรอ?”
“อื้ม ถึงแล้ว” ฉันตอบรับก่อนจะก้าวลงจากรถ
เธอมองฉันตาปริบ ๆ ซึ่งฉันก็เอื้อมมือไปที่ตรงหน้าให้เธอได้จับ บุหลันสบมองมันอย่างชั่งใจเพียงครู่เจ้าตัวก็ยื่นมือมาจับกันไว้ก่อนที่จะเดินลงมาจากรถ
สัมผัสแรกที่กระทบเข้ามาบนใบหน้าทำให้ฉันละความสนใจจากเธอและหันมองไปรอบ ๆ กาย บนนี้อากาศดีมากแถมลมยังพัดเย็นสบายตลอดเวลาแม้ว่าตอนนี้จะสายมากแล้วก็ตาม
ผู้คนเดินกันขวักไขว่แต่คนที่นี่ก็ยังอัธยาศัยดีเพราะพวกเขาต่างก็ส่งยิ้มต้อนรับ ฉันเองก็ยกยิ้มตอบกลับก่อนจะหันหน้าไปหาคนด้านหลังที่ตอนนี้กำลังบิดขี้เกียจอยู่เนื่องจากว่าเรานั่งอยู่ท่าเดิมมานานจนเกินไป
“หลันอยากเข้าห้องน้ำ” เธอเอ่ยบอกซึ่งฉันก็พยักหน้าตอบรับ
“งั้นเดี๋ยวติไปส่ง”
“ไม่เป็นไร หลันเห็นป้ายแล้ว” เธอชี้ไปข้างหน้าให้ฉันมองตาม “ติไปเช็คอินก่อนเลยก็ได้ จะได้ไม่เสียเวลา” เธอยกยิ้มซึ่งฉันก็พยักหน้าตอบรับแต่โดยดี
เราแยกกันเดินออกไปโดยที่ฉันอาสาลากกระเป๋าใบใหญ่ทั้งสองใบเข้ามาด้านในด้วยตัวของฉันแต่เพียงคนเดียว เป็นเพราะเรามัวแต่อิดออด คนที่มากับเราก่อนหน้าเป็นคู่ ๆ เขาจึงทำการเช็คอินเสร็จแล้วและเคาน์เตอร์ตอนนี้ก็ว่าง
ฉันเห็นหลังของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเจ้าตัวยังคงหันหลังและหยิบอะไรบางอย่าง ฉันเองก็ไม่รอช้ารีบมุ่งหน้าไปทางเคาน์เตอร์เพื่อที่จะเช็คอินแล้วไปเก็บข้าวเก็บของในทันที
“ขอโทษนะคะ” เจ้าหล่อนสะดุ้งเล็กน้อยที่อยู่ ๆ ฉันก็โพล่งออกไป ก่อนที่เธอจะหันหน้ามาและยกยิ้มให้กันจนหันฟันครบทั้งสามสิบสองซี่
“สวัสดีค่ะ นึกว่านักท่องเที่ยวหมดแล้วซะอีก” เธอยิ้มแหย่และฉันก็บังเอิญเห็นพอดีว่าเจ้าหล่อนกำลังทานอะไรบางอย่างอยู่หลังเคาน์เตอร์ เพราะข้างริมฝีปากของเธอมันฟ้องว่าอย่างนั้น
“เอ่อคือว่า...” ฉันไม่อยากเสียมารยาทจึงชี้ไปที่มุมปากของตัวเองเพื่อสื่อให้เจ้าหล่อนได้เข้าใจ แต่เธอกลับทำหน้าเหลอหลาและมันทำให้ฉันยิ้มขันออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ “พอดีคุกกี้ติดที่มุมปากน่ะค่ะ”
“ว้ายตายแล้ว! ขออภัยค่ะ” เจ้าหล่อนเหลอหลาและรีบยกมือเช็ดทั่วปากในทันทีด้วยสีหน้าร้อนรน ซึ่งมันทำให้ฉันได้แต่ยกยิ้มขันโดยไม่ได้ตั้งใจ “ไม่ทราบว่าลูกค้าชื่ออะไรคะ?” และเจ้าหล่อนก็รีบเปลี่ยนเรื่องในทันทีให้ฉันได้แต่สบมองทั้งรอยยิ้ม
“ฉันจองไว้ชื่อรัตติกาลค่ะ”
“อ่าสักครู่นะคะ” เธอหันไปหยิบสมุดขึ้นมาก่อนจะไล่ดูรายชื่อของแขก “ที่จองไว้เดือนหนึ่งเต็ม ๆ เลยใช่ไหมคะ?”
“ใช่ค่ะ” ฉันตอบรับซึ่งเจ้าหล่อนก็ยกยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร
“เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่คุณเลือกจะใช้บริการที่พักของเราเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคุณนะคะ” และเธอก็ยื่นส่งกุญแจห้องมาให้พร้อม ๆ กับใบโบวชัวร์ “นี่เป็นตารางกิจกรรมของทางรีสอร์ตเราค่ะ ในช่วงเวลาสิบโมงที่จะถึงนี้เราจะมีการพานักท่องเที่ยวทัวร์รีสอร์ตของเรา ถ้าคุณสนใจ ทางเราเรียนเชิญนะคะ” ฉันยอมรับมันมาและมองดูในใบนั้นอย่างสนใจ
ซึ่งตารางเวลากิจกรรมกับเวลารับประทานอาหารมันมีหลาย ๆ อย่างที่ฉันนึกสนใจและคิดว่ามันจะต้องสนุกมากแน่ ๆ เพราะถ้าไม่มีเจ้าพวกนี้แล้วล่ะก็...ฉันคงต้องอยู่แต่ในห้องทั้งวันแน่ ๆ เพราะไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน
“บนนี้สัญญาณโทรศัพท์จะไม่ค่อยดีเท่าไรนะคะ แต่ตรงเสานั้นจะเป็นที่ ๆ มีสัญญาณมากที่สุด” เธอชี้ออกไปข้างนอกให้ฉันต้องมองตาม “เนื่องจากที่พักของคุณต้องขึ้นไปอีกประมาณหนึ่ง ทางเรามีบริการรถขึ้นไปส่งค่ะ ไม่ทราบว่าคุณต้องการจะไปเลยไหมคะ เดี๋ยวฉันจะพาไป” ฉันพยักหน้าตอบรับซึ่งเธอก็เดินออกไปเพื่อเรียกใครบางคนเข้ามา
“เดี๋ยวผมช่วยขนของไปขึ้นรถนะครับ” ชายที่น่าจะเป็นคนขับรถเดินเข้ามาลากกระเป๋าออกไปทั้งสองใบ ซึ่งเธอก็ผายมือให้กับฉัน และฉันก็ออกเดินตามเธอไปอย่างง่ายดาย
“เดี๋ยวรอสักครู่นะคะ” ฉันรีบเอ่ยบอกเพราะบุหลันยังไม่กลับมาจากห้องน้ำเลย
“มาอยู่นานก็เลยต้องขนของมาเยอะเลยสินะคะ” เจ้าหล่อนเอ่ยถามออกมาซึ่งฉันก็หันไปสบมองและก็ได้พบเห็นว่าเธอกำลังยกยิ้มให้แก่กันอยู่
“ก็ไม่เยอะมากหรอกค่ะ พอดีฉันเป็นคนไม่ค่อยมีของอะไรมาก” ฉันเอ่ยตอบและหันมองไปทิศทางที่บุหลันเดินออกไป แต่ก็ยังคงไร้วี่แววของคนที่ฉันเฝ้าคอย
“อ๋อ...” เธอลากเสียงยาวราวกับคนกำลังสงสัย เดาว่าน่าจะเห็นกระเป๋าที่มีสองใบกับฉันที่มาเพียงแค่คนเดียว “ทางเรามีบริการซักผ้าด้วยนะคะ เบอร์โทรกับโทรศัพท์ในห้องพักสามารถใช้งานได้ตามปกติ หากต้องการบริการไหนสามารถกดเลขที่โทรศัพท์ได้เลยนะคะ” ฉันพยักหน้าตอบรับเป็นอันว่าเข้าใจทุกอย่างที่เจ้าหล่อนได้เอ่ยบอกกันแล้ว
“ขอบคุณมากเลยนะคะ คุณพูดจาคล่องแคล้วมากเลย” ฉันเอ่ยชมออกไปเพราะเมื่อครู่ชายคนนั้นเหมือนจะพูดภาษาไทยไม่ค่อยชัดผิดกับเธอคนนี้โดยสิ้นเชิง
“อ๋อ พอดีฉันไม่ได้เป็นคนที่นี่หรอกค่ะ แค่มาทำงานชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นเอง”
“อ๋อ...เป็นว่าแบบนี้เองสินะคะ” ฉันยิ้มตอบรับเธอไป ซึ่งเธอก็ยกยิ้มตอบกลับมาอย่างเป็นมิตร
“ฉันชื่อดานิกานะคะ เรียกว่าดาวเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ”
“ได้เลยค่ะคุณดาวเฉย ๆ” ฉันเย้าแหย่ซึ่งเจ้าตัวก็ยกยิ้มให้กับฉันที่ดันเล่นมุขขึ้นมาเสียได้ “ฉันรัตติกาลนะคะ จะเรียกรัตหรือกาลก็แล้วแต่คุณเลยค่ะ” และจึงแนะนำตัวกลับบ้าง ซึ่งเจ้าหล่อนก็พยักหน้าตอบรับเป็นอันเข้าใจ
“แล้วเรียกติได้ไหมคะ จะได้ไม่ซ้ำกับใคร” เธอยกยิ้มและสบมองใบหน้าของฉันอย่างตั้งคำถาม ส่วนฉันก็ได้แต่ยิ้มแห้งเพราะมันมีอยู่แล้วน่ะสิคนที่เรียกฉันว่าติน่ะ
“ติ...” ฉันหันไปตามเสียงก่อนจะพบเห็นว่าคนที่ฉันเฝ้าคอยกำลังเดินกลับมาจากที่ไกล ๆ “ห้องน้ำไกลมากเลย นี่เราเดินขาแทบลาก” บุหลันบ่นอุบ ก่อนจะมองเลยไปยังคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กับฉัน
“นี่คุณดาวค่ะ เป็นพนักงานอยู่ที่นี่” ฉันแนะนำตัวให้กับบุหลันที่มองเราทั้งสองอย่างคนสงสัย
“สวัสดีค่ะคุณดาว ฉันชื่อบุหลันนะคะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” และทั้งสองก็สบมองใบหน้าของกันและกัน และต่างฝ่ายต่างก็ยกยิ้มแต่ทำไมฉันกลับรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลก ๆ อย่างไรชอบกล
“งั้นเราไปกันดีกว่าค่ะ”
“ค่ะ” ฉันขยับตัวให้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังได้เดินไปก่อน ก่อนที่บุหลันจะขึ้นไปนั่งอยู่บนรถกอล์ฟและฉันก็กำลังจะก้าวเดินตามเธอขึ้นไป
“เสียดายจังค่ะที่มีคนเรียกคุณว่าติอยู่ก่อนแล้ว” แต่ดาวิกาก็ดันพูดขึ้นมาเสียก่อนให้ฉันต้องหันกลับไปสบมอง “แต่ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ...คุณรัตติกาล”