ตอนนี้ฉันกำลังนอนไม่หลับและกระสับกระส่ายไปมา กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ออกมาจากคนข้างกายทำให้ฉันที่พยายามข่มตาลงนอนมากว่าชั่วโมงแล้วยังได้แต่นอนตัวแข็งทื่อ และกำลังหวาดกลัวว่าหากฉันยังดิ้นไปดิ้นมาอยู่อย่างนี้มีหวังเจ้าตัวคงได้รำคาญฉันแล้วแน่ ๆ
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณสองชั่วโมงก่อน...
ฉันกำลังหยิบข้าวของของตัวเองรวมไปถึงหมอนหนุนที่อยู่บนเตียงนอนขนาดควีนไซส์มาไว้กับตัว และกำลังจะเดินออกไปทางห้องรับแขกในขณะที่บุหลันกำลังอาบน้ำชำระร่างกาย
ต่อให้เราจะนอนห้องเดียวกันมันก็จริงอยู่ แต่ฉันก็ควรที่จะให้เกียรติเธอด้วยการที่ฉันอาสาจะออกไปนอนข้างนอกห้องแทน แม้ว่าเราทั้งสองจะเคยนอนด้วยกันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่สถานะของฉันในตอนนี้มันเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเก่า
อีกอย่างฉันกลัวตัวเองด้วย...ที่อาจจะเผลอตัวเผลอใจขยับเข้าไปโอบกอดเธอ เพราะตอนนี้ฉันยอมรับเลยว่าการได้มานอนห้องเดียวกับเธอมันทำให้ฉันใจสั่นตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้องนี้แล้ว
ฉันกลัวตัวเองจะห้ามใจไม่ไหว...ดังนั้นเลือกจะหลีกเลี่ยงไปมันคงจะดีเสียกว่า หากฉันเผลอตัวเผลอใจขึ้นมาฉันกลัวว่าบุหลันจะมองว่าฉันเป็นคนขี้ฉวยโอกาส
“จะไปไหน?” แต่แล้วเสียงก็ดังมาจากทางห้องน้ำให้ฉันที่กำลังจะก้าวเดินออกไปจากห้องถึงกับต้องหันกลับมาสบมอง
บุหลันอยู่ในชุดนอนเข้ากันทั้งเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว เจ้าหล่อนกำลังเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำให้ฉันได้แต่เผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า...แม้ว่าเจ้าตัวจะแต่งตัวมิดชิดและไม่มีส่วนใดโผล่พ้นออกมาให้ฉันประหม่าเลยก็ตาม
อย่างว่าแหละนะ...คนที่เรารักทำอะไร มันก็ดูน่ามองและพาลให้เราใจสั่นได้เสมอแหละ
“เราจะออกไปนอนข้างนอกนะ คุณก็นอนในห้องไปแล้วกัน” ฉันตอบแต่เพียงเท่านั้นและกำลังจะก้าวเดินออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงเธออีกครั้ง
“นอนด้วยกันสิ จะออกไปนอนข้างนอกทำไม” บุหลันเอ่ยท้วงให้ขาของฉันหยุดชะงัก “เมื่อก่อนเราก็นอนด้วยกันออกจะบ่อย นอนด้วยกันเถอะนะ” และรอยยิ้มพิมพ์ใจของเธอก็ถูกส่งมอบมาให้กับฉัน
และมันทำให้หัวใจของฉันดวงนี้สั่นไหวอีกครั้ง...และยอมแพ้เธอแล้วแต่โดยดี
สุดท้ายฉันก็กลับกลายเป็นมานั่งอิงอยู่บนหัวเตียงและกำลังนอนอ่านหนังสือทั้ง ๆ ที่จิตใจของฉันมันไม่ได้อยู่กับหนังสือเลย บุหลันกำลังนั่งเป่าผมอยู่ที่หน้ากระจก...และฉันกำลังสนใจเธอมากกว่าหนังสือในมือของตัวเองเสียอีก
“อ๊ะ!” บุหลันร้องอุทานขึ้นมาเมื่อเจ้าตัวถูกยื้อแย่งไดร์เป่าผมที่อยู่ในมือของตัวเองออกไปด้วยฝีมือของฉัน
ฉันจับมันขึ้นมาก่อนจะค่อย ๆ สางผมของเธออย่างเบามือด้วยมือข้างที่ว่างของฉันเอง ฉันค่อย ๆ เปิดไดร์และเป่าผมให้กับเธออย่างเบามือ โดยที่ฉันไม่ทันได้สังเกตเลยว่าตอนนี้คนที่นั่งอยู่กำลังสบมองกัน...ด้วยแววตาบางอย่างที่ฉันไม่ทันได้สงสัย
ในห้องมีเพียงเสียงไดร์และไร้เสียงบทสนทนาของเราทั้งสองคน ฉันยังคงเป่าผมให้เธอไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งแน่ใจว่ามันแห้งดีแล้ว สุดท้ายฉันจึงวางเครื่องเป่าผมเอาไว้ที่โต๊ะอย่างเก่า ก่อนจะโน้มตัวลงไปข้างหน้าเพื่อหยิบหวีซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ...และมันพอดีกับที่บุหลันหันหน้ามาสบมองกันพอดิบพอดี
ตึกตัก ตึกตัก
ฉันนิ่งค้างไปในทันใดเมื่อตอนนี้ใบหน้าของเราอยู่ห่างกันเพียงแค่ลมหายใจที่กั้นขวาง หัวใจของฉันกลับกลายเป็นเต้นระส่ำเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมานั้นมันไม่ทันให้ฉันได้ตั้งตัวเลย
เราสบมองใบหน้าของกันและกันอยู่หลายนาทีและไม่มีใครคิดที่จะเป็นฝ่ายผละออกจากกันไปก่อน และในเวลาหลายนาทีนั้นมันทำให้ฉันได้เผลอสำรวจใบหน้าของเธอตั้งแต่หน้าผากมนจนไล่ลงมาถึงบริเวณคางของเธอ
คิ้วหนาดกดำทรงสวยได้รูปที่ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีไม่ให้มันรกรุงรัง ไหนจะดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทั้งสองข้างที่แสนมีเสน่ห์ให้ฉันหลงใหลและในนัยน์ตาของเธอมันมีฉันอยู่ข้างในนั้น สันจมูกได้รูปที่เกิดขึ้นมาโดยธรรมชาติไม่ได้รับการศัลยกรรมหรือการตกแต่งใด ๆ สุดท้ายก็คือริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มสีชมพูสวยที่ได้รับการแต่งแต้มด้วยลิปมันวาวสีใสจนสุขภาพดี
รวม ๆ แล้วเมื่อมันอยู่บนใบหน้าของผู้หญิงคนนี้...มันกลับดูเข้ากันและสวยงามไปหมดจนฉันตกหลุมรักเธอเป็นรอบที่หนึ่งล้านหนึ่งแล้วเห็นจะได้
รัตติกาลขยับใบหน้าเข้าไปใกล้กับเธอเรื่อย ๆ ตามคำสั่งของหัวใจที่มันกำลังร่ำร้องไห้ฉันเข้าไปสัมผัสที่ริมฝีปากสวยนั้น คนตรงหน้าก็ค่อย ๆ หลับตาพริ้มราวกับคนหลงอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ
แต่สุดท้ายแล้วมันก็หยุดลงแค่ที่ตรงนั้น...
ฉันกลับเป็นฝ่ายที่ได้สติก่อนและผละใบหน้าออกมาจากเธอในทันทีพร้อมกับหัวใจที่สั่นไหว บุหลันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นจนเต็มดวงและสบมองใบหน้าของกันและกัน ทั้งดวงตาของเธอก็ยังสั่นไหวซึ่งฉันไม่รู้ว่ามันสั่นไหวเพราะเรื่องอะไรกันแน่
“คือ...เราขอโทษ” ฉันเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิดเพราะฉันคิดเอาไว้แล้วว่าตัวเองนั้นไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย
สุดท้ายแล้วฉันก็เกือบจะห้ามใจตัวเองไว้ไม่อยู่เพราะความใกล้ชิด...และก็เพราะความรักของฉันที่มีให้กับเธอนั้นมันแทบจะเอ่อล้นออกมาอยู่แล้ว
รัตติกาลรีบผละตัวออกมาจากเธอในทันทีเมื่อเธอยังไม่ยอมพูดอะไรและสบมองหน้ากันอยู่อย่างนั้นไม่ขยับไปไหน ฉันขึ้นไปอยู่บนเตียงนอนก่อนจะหันหลังคลุมโปงในทันทีจนอยากจะตีตัวเองให้ตายเหลือทนที่บังอาจคิดอะไรไม่ดีกับเธอไปเสียได้
และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดที่ทำให้ฉันนอนไม่หลับอยู่เช่นตอนนี้...
“ยังไม่หลับอีกเหรอ?” เสียงจากคนด้านหลังดึงความสนใจให้กับฉันที่กำลังกระสับกระส่าย
“อื้ม...แล้วหลันล่ะ ทำไมยังไม่หลับ” ฉันเอ่ยถามออกไปบ้างอย่างคนสงสัย “หรือว่าเป็นเพราะเราหรือเปล่า เราออกไปนอนข้างนอกดีกว่านะ” ฉันลุกขึ้นนั่งและกำลังจะเดินออกไปจากห้อง
“ติ...” แต่กลับถูกรั้งด้วยมือของเธอจนฉันต้องหันกลับไปสบมอง
ตอนนี้เธอกำลังสบมองฉันผ่านความมืดที่ฉันเริ่มชินตากับมันแล้ว เจ้าหล่อนกำลังสบมองกันด้วยแววตาสั่นไหว และมันทำให้ฉันขยับเข้าไปหาเธอในทันทีเพราะตัวเองพึ่งจะนึกขึ้นได้ว่าบุหลันเป็นคนนอนหลับยากอยู่แล้วเป็นทุนเดิม
“แปลกที่ใช่ไหม...” ฉันยกมือขึ้นไปลูบที่ศีรษะของเธอบางเบา ซึ่งเจ้าตัวก็รีบพยักหน้ารับในทันที
บุหลันเป็นคนที่นอนหลับยากมาก ๆ ยิ่งหากตรงนั้นเป็นที่ ๆ แปลกที่อีกมันจะยิ่งทำให้เธอนอนไม่หลับ และฉันรู้ว่าเธอจะต้องนอนกอดอะไรสักอย่างที่มันเป็นกลิ่นที่ทำให้เธอคุ้นเคยเจ้าตัวถึงจะหลับได้ลง
“งั้นเดี๋ยวติไปเอาผ้าห่มของคุณมาให้นะ” ฉันกำลังจะลุกขึ้นไปเพื่อไปเอามันมาให้กับเธอ แต่เธอก็ยังคงไม่คลายมือออกจากข้อมือของฉัน “ติรู้อยู่แล้วว่าหลันจะไม่ยอมหยิบติดมือมาด้วยแน่ ๆ ติเลยเก็บใส่ในกระเป๋ามาให้ด้วยแล้ว” ฉันยกยิ้มและยกมือขึ้นไปลูบหัวของเธออีกครั้ง
เวลาไปที่ไหนฉันนี่แหละจะเป็นคนหยิบข้าวของของเธอติดมือมาด้วยตลอดเพราะว่าฉันรู้ดี บุหลันชอบดื้อ...แต่ก็แปลกที่ฉันมักจะตามใจเธออยู่เสมอไม่ว่าเรื่องนั้นมันจะมากน้อยขนาดไหนก็ตาม
“แต่ว่าหลันไม่ใช่เด็กแล้วนะ...” เธออมลมใส่แก้มและมองหน้าของฉันราวกับเด็กน้อยตัวเล็ก ๆ แต่มันกลับสร้างรอยยิ้มให้กับฉันได้จนเผลอหัวเราะออกมาบางเบาอย่างนึกเอ็นดู
“แต่สุดท้ายก็นอนไม่หลับแบบนี้ไง หลันน่ะ...ชอบดื้อกับติตลอดเลย” ฉันพูดออกมาด้วยความเอ็นดูก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปหยิบสิ่งของที่ได้บอกกับเธอเอาไว้ก่อนหน้า
และเพียงไม่นานฉันก็กลับมานั่งที่เตียงดังเดิม พร้อม ๆ กับการพับผ้าห่มให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าผืนเล็ก ๆ และนำมันไปไว้ข้าง ๆ กับศีรษะของเธอเพื่อให้บุหลันได้กลิ่นและจะได้สามารถนอนหลับได้ลง
“ติ...”
“หืม...” ฉันที่กำลังจะทิ้งตัวลงนอนหันไปสบมองใบหน้าของเธออีกครั้ง
“แทนตัวเองว่าติแล้วเรียกเราว่าหลันเหมือนเมื่อกี้ได้ไหม?”
ตึกตัก ตึกตัก
“หลันชอบให้ติเรียกหลันแบบนั้น...”
ตึกตัก ตึกตัก
“มันรู้สึกเหมือนกับว่าหลัน...เป็นเด็กน้อยของติเลย”
ตึกตัก ตึกตัก
ฉันที่ทิ้งตัวลงนอนไปแล้วและกำลังนอนมองใบหน้าของเธออยู่ได้แต่รู้สึกถึงใบหน้าของตัวเองที่ค่อย ๆ เห่อร้อน พร้อม ๆ กับหัวใจของตัวเองดวงนี้ที่กำลังเต้นระส่ำ
แม้ว่ามันอาจจะเป็นประโยคที่แสนจะธรรมดาสำหรับใครคนอื่น...แต่มันราวกับประโยคที่สามารถฆ่าฉันให้ตายได้ด้วยลมปากของเธอเลย
ฉันจะบ้าตายเพราะตกหลุมรักเธออยู่แล้ว...บุหลัน
“แล้วผ้าเนี่ย...มันไม่เห็นจำเป็นตรงไหนเลย” เธอว่าและหยิบผ้าผืนนั้นที่ฉันวางเอาไว้ก่อนหน้าซึ่งมันกั้นกลางระหว่างเราทั้งสองคนออก
ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ขยับเข้ามาชิดใกล้กับฉันเรื่อย ๆ จนฉันสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่ออกมาจากกายของเธอให้หัวใจของฉันยิ่งสั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับคนเป็นโรคร้ายอย่างไรอย่างนั้น
“แค่มีติอยู่ข้าง ๆ หลันแบบนี้...หลันก็หลับสบายแล้ว” และเธอก็วาดมือมาโอบกอดรอบตัวของฉันเอาไว้ ก่อนจะขยับปรับองศาให้ศีรษะของเธอวางลงที่ไหล่ลาดของฉันพอดิบพอดีราวกับจับวาง
และฉันกลัวเหลือเกินว่าหัวใจของฉัน...มันจะดังจนเธอได้ยิน
“หัวใจของติ...เต้นแรงจัง” เสียงของเธอค่อย ๆ แผ่วลง
จนในที่สุด...บุหลันก็จมลงไปอยู่ในห้วงนิทราความฝัน ผิดกับฉันคนนี้...ที่ยังไม่สามารถปรับอัตราการเต้นของหัวใจตัวเองให้กลับมาคงเดิมและปกติได้
ราวกับเธอนั้นกลั่นแกล้งกัน...แต่ฉันกลับรู้สึกดีกับมันมาก จนอยากจะให้เธอกลั่นแกล้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีวันจบสิ้น
“แค่นี้ติก็ตกหลุมรักคุณจนจะหาทางขึ้นไม่ได้อยู่แล้ว...”
“…”
“หากรักมากกว่านี้อีกสักหน่อย ติคงต้องกลายเป็นคนบ้าที่เอาแต่คิดถึงคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ซ้ำไปซ้ำมา จนไร้ซึ่งหนทางหนีออกแน่ ๆ เลย...บุหลัน”