"อยากแต่งงานกับมิ้มเหรอคะ" อรรัมภาถามเสียงนิ่ง ก็ไหนว่าคิดกันแบบพี่น้องไง แล้วจะมาอยากแต่งทำไม
"กินข้าวได้แล้วค่ะ" บอสตันตักอาหารใส่จานหญิงสาวก่อนจะเปลี่ยนเรื่องจนคนที่นั่งมองอยู่ต้องเปลี่ยนเรื่องตามเพราะกลัวว่าว่าลูกชายคนโตจะโมโหเสียก่อน
หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแล้วมาร์ตินก็ได้นัดแนะว่าพรุ่งนี้จะเข้ามาพูดคุยกับทางครอบครัวของฝั่งอรรัมภา เขาอยากให้บอสตันกับอรรัมภาเข้ามาพูดคุยเอาไว้ก่อนเป็นการนัดแนะและไม่ดูบุ่มบ่ามจนเกินไปหากพรุ่งนี้จะเข้าไปพูดคุย ทำให้ตอนนี้อรรัมภาต้องนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนรถคันหรูของบอสตันที่กำลังเลี้ยวเข้ามายังบริเวณหน้าบ้านโรจนทิพย์
"จะเข้าไปด้วยจริง ๆ เหรอคะ" เธอหันไปถามคนที่เพิ่งจอดรถเสร็จ
"ค่ะ กลับบ้านมืดขนาดนี้ยังไงก็โดนด่า"
"รู้ด้วยเหรอคะ…" อรรัมภายิ้มแห้ง
"ก็โดนตลอดไม่ใช่เหรอคะ" บอสตันหันมาจ้องหน้าคนข้าง ๆ นิ่ง ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาวางบนศีรษะเล็กแล้วขยี้เรือนผมนุ่มเบา ๆ "คราวนี้ไม่มีใครด่าน้องมิ้มหรอกค่ะ"
อรรัมภาพยักหน้ารับช้า ๆ สติยังคงไม่เต็มร้อยนัก
แล้วก็เป็นไปตามคาด เมื่อเดินเขามาในบ้านหญิงสาวก็เจอกับครอบครัวโรจนทิพย์ที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาราวกับว่ากำลังรอต้อนรับเธออย่างไรอย่างนั้น แต่น่าเสียดายที่ความเป็นจริงแล้วคงแค่รอตำหนิเธอที่ตวาดลูกสาวคนโตของบ้านเมื่อเช้า และยังกลับบ้านดึกอีกด้วยก็แค่นั้น
"กลับมาค่ำมืดเลยนะคะ" ณิชาเอ่ยขึ้นอย่างกระแนะกระแหน
"ไปไหนมาล่ะ" จักรกฤษถามเสียงนิ่งเมื่อเห็นคนที่ตัวเองเรียกว่าลูกเดินมาพร้อมกับคู่หมั้น
"ไปหาพี่บอสมาค่ะ" อรรัมภาตอบ
"อยู่บ้านก็ดีอยู่แล้วจะไปวุ่นวายทำไมก็ไม่รู้ ขอโทษด้วยนะคะคุณบอสที่น้องของณิไปรบกวนคุณ" ณิชารีบเอ่ยตำหนิอรรัมภาทันทีก่อนจะหันไปพูดกับบอสตันด้วยน้ำเสียงที่หวานหยดเสียจนอรรัมภาอยากจะยกนิ้วขึ้นมาแคะหูให้มันจบ ๆ
"เรียกผมว่าบอสตันดีกว่า" คำพูดสั้น ๆ ที่ออกมาจากปากของบอสตันทำเอาสาวเจ้ายิ้มค้าง
"คะ ?"
"อีกอย่างน้องมิ้มเป็นคู่หมั้นผม ไม่มีคำว่ารบกวน" แขนแกร่งโอบรอบเอวอรรัมภาไว้ก่อนจะรั้งเข้ามาชิดจนเธอแอบตกใจกับการกระทำหุนหันนั้น
"ขอโทษด้วยนะคะที่กลับมาช้าแล้วไม่ได้บอก" อรรัมภาหันไปบอกจักรกฤษที่มองอยู่ก่อนจะก้มหัวนิด ๆ ให้
"อ่า ไม่เป็นไร" พอเห็นคู่หมั้นของลูกจ้องมองมา คำพูดที่คิดจะต่อว่าก็ถูกกลืนลงคอ บอสตันเลิกสนใจคนอื่นที่จ้องมองมาที่พวกเขาแล้วก้มลงพูดชิดใบหูเล็ก
"งั้นพี่กลับก่อนนะคะ"
"ค่ะ" อรรัมภาสะดุ้งตกใจกับลมหายใจที่ระใบหูตัวเองอยู่เล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบอีกคน
"พรุ่งนี้เช้าจะมารับค่ะ"
"ค่ะ"
"ขึ้นห้องแล้วรีบนอนนะคะ ถ้ามีอะไรก็โทรมา" มือหนาผละออกจากเอวคอด แล้วยกขึ้นมาลูบแก้มนุ่ม
"แหม จะไปมีอะไรได้ยังไงกันล่ะคะคุณบอสตัน ที่นี่บ้านนะคะ" บรรยากาศอบอุ่นพลันถูกสุรีย์ภรรยาของจักรกฤษเอ่ยขัดขึ้นมา ทว่าบอสตันก็ตอบกลับมาจนทำให้คนที่มีชนักติดหลังทั้งหลายเงียบไปอีกครั้ง
"ไม่รู้สิ ขนาดคู่หมั้นผมตกบันไดยังไม่มีใครคิดจะแจ้งผมเลย"
"พวกเราแค่กลัวว่าจะรบกวนคุณน่ะครับ" จักรกฤษบอก
"ปกติแล้วคุณจักรกฤษคิดแทนคนอื่นแบบนี้ตลอดเลยหรือเปล่า" บอสตันโต้กลับ ทำเอาอรรัมภาต้องรีบจับแขนเขาไว้เมื่อเห็นว่าใบหน้าหล่อเริ่มนิ่งขึ้นทีละนิด ชายหนุ่มพรูลมหายใจก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ "อ้อ ! พรุ่งนี้พวกคุณอยู่บ้านไหมครับ"
"ณิอยู่ค่ะ" ณิชารีบเอ่ยตอบขึ้นมาทันที หากแต่บอสตันไม่สนใจ ใบหน้าหล่อหันไปจ้องมองจักรกฤษนิ่ง ๆ
"คุณจักรกฤษล่ะ"
"อะ… เอ่อ ผมมีประชุมที่บริษัทครับ" จักรกฤษรีบเอ่ยตอบพลางคิดในใจว่าอีกฝ่ายถามทำไม หรือเขาไปทำอะไรเอาไว้กันนะ
"งั้นผมคงต้องไปพบคุณที่บริษัท" บอสตันสรุป ขณะที่คนแก่กว่าเริ่มร้อนใจเพราะกลัวว่าธุรกิจที่ตนลงแรงไปไม่น้อยจะมีอะไรผิดพลาด
"มีอะไรหรือเปล่าครับ หรือธุรกิจของเรามีปัญหา" จักรกฤษถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่บอสตันก็ส่ายหน้าปฏิเสธกลับมาอีกครั้งจนจักรกฤษเริ่มหงุดหงิด "แล้วคุณบอสตันมีอะไรหรือเปล่า"
"ผมจะพาแด๊ดกับมัมไปพบคุณเรื่องแต่งงาน"
"แต่งงาน !" คราวนี้เป็นคนอื่น ๆ ในบ้านที่เริ่มตื่นตัวตั้งใจฟังอย่างสนใจกับเรื่องที่ได้ยิน
"ใช่ งานแต่งของผมกับน้องมิ้ม"
"ได้ยังไงคะ !!" ณิชาลุกขึ้นตะโกนด้วยความตกใจจนบอสตันตวัดสายตามองเธอ คนเป็นแม่รีบดึงแขนลูกให้นั่งลงทันที
"ทำไมรีบร้อนแบบนี้ล่ะครับคุณบอสตัน มิ้มเพิ่งจะเรียนจบเอง" จักรกฤษนั้นเดิมทีไม่ได้อยากจะให้อรรัมภาหมั้นหมายกับบอสตันอยู่แล้ว ด้วยคนที่ตนเองหมายตาไว้ตั้งแต่แรกคือณิชาหลานสาว
"พวกเราคุยกันแล้ว" บอสตันตอบสั้น ๆ
"คุยกันแล้วเหรอครับ"
"ครับ"
"แล้วยังไงต่อล่ะคะ คุยกันแล้วแต่ไม่มาคุยกับผู้ใหญ่ก่อนแบบนี้มันได้เหรอคะคุณบอสตัน ข้ามหน้าข้ามตาพวกเราไปหรือเปล่า" สุรีย์พูดขึ้นมาอย่างไม่ยอมเช่นกัน เธอรู้สึกเสียหน้าไม่น้อยที่สุดท้ายแล้วคนที่จะได้เป็นสะใภ้ของคาร์เทียร์นั้นไม่ใช่หลานสาวของตัวเอง
"แล้วพวกคุณมีสิทธิในการตัดสินใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไร" คำถามนั้นทำเอาทุกคนนิ่งอึ้ง "ผมแต่งกับน้องมิ้ม ไม่ได้แต่งกับพวกคุณ"
คำพูดตรงไปตรงมาของบอสตันทำเอาผู้ใหญ่ในบ้านหน้าม้านไม่น้อย คงจะมีแค่ป้าทองที่ยืนฟังอยู่เท่านั้นที่รู้สึกยินดี
"แต่เราควรมาคุยกันก่อนหรือเปล่าครับ" จักรกฤษแย้ง
"เรื่องอะไรล่ะคุณจักรกฤษ สินสอดเหรอ" น้ำเสียงของร่างสูงคล้ายจะเยาะหยัน
"นั่นมันก็…" คนถูกรู้ทันเงียบเสียงลงทันทีอย่างหาข้อโต้แย้งไม่ได้
"เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกคุณก็รู้เองว่าได้เท่าไร"
"พี่บอส… กลับเถอะค่ะ" อรรัมภารีบสะกิดแขนคนตัวสูงเมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศภายในบ้านเริ่มแย่ลง ไม่ได้เป็นห่วงใครนะ ห่วงตัวเองนี่แหละ เดี๋ยวโดนลูกหลง… ก็เล่นทิ้งระเบิดไว้ซะขนาดนี้นี่นะ
"น้องมิ้มขึ้นห้องไปก่อนค่ะ"
อรรัมภามองอีกคนอย่างไม่ไว้วางใจ ไม่ใช่ว่าพอเธอขึ้นห้องปุ๊บจะอาละวาดทันทีหรอกนะ…
"ไปเถอะค่ะ" บอสตันพยักหน้าให้อีกฝ่ายสบายใจแล้วดันแผ่นหลังเล็กให้เดินขึ้นห้องไป อรรัมภายินยอมเดินขึ้นไปอย่างไม่มีอิดออดโดยมีป้าทองเดินตาม ดวงตาคมของบอสตันมองตามแผ่นหลังของเธอไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเธอเดินลับสายตาไป จากนั้นเขาจึงตวัดสายตามากวาดมองคนในบ้านที่ยังคงนั่งนิ่งกันอยู่ ก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งทว่าแววตากลับจริงจังจนหลายคนลอบกลืนน้ำลาย ไม่เว้นแม้แต่จักรกฤษ
"หวังว่าคงจะไม่มีใครไปรบกวนเวลานอนของคู่หมั้นผมนะ"
ประโยคนั้นแม้แต่หมายังฟังออกเลยว่ามันหมายความว่า ‘อย่ายุ่งกับน้องมิ้ม’