ตอนที่ 6

2530 คำ
ผ่านไป 3 วัน…. “แกว่าไงนะเสี่ยไม่ติดต่อมาเลย!!” นิรินพูดเสียงดังด้วยความตกใจ “อืม คงได้เลิกกันจริงๆมั้ง” ก็คืนนั้นเธอบอกเลิกเขาไปแล้วเสี่ยอิฐก็โมโหมาก “จะเอาไงละที่นี้ แกไปถามลูกน้องเสี่ยดีไหม?” นิรินเสนอขึ้นเธอเป็นห่วงเพื่อนเสมอและอยากให้เพื่อนได้กันกับเสี่ยอิฐเร็วๆผู้ชายโปรไฟล์ดีขนาดนั้นปล่อยไปก็แย่สิ “เสียฟอร์มหมดสิ ฉันเป็นคนบอกเลิกนะ!” หญิงสาวก็คิดในทีแรกแต่พอคิดใหม่เธอต้องไม่วิ่งตามเสี่ยอิฐสิ แต่จะทำยังไงถึงจะรู้ล่ะว่าอีเสี่ยบ้าไปมุดหัวอยู่ไหน? “นิรินแฟนเป็นหมอใช่ไหม?” “อืม ทำไมเหรอ?” “ฉันจะแกล้งป่วยนะสิ” ลูกปลายิ้มร้ายออกมาก่อนจะหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตถึงอาการที่จะแสดงออกไป จะหลอกหมอทั้งทีต้องให้เป๊ะหน่อย นิรินรีบพาเพื่อนสาวมากโรงพยาบาลเริ่มต้นแผนแกล้งป่วยเรียกร้องความสนใจทันที ลูกปลานั่งบนรถเข็นด้วยไปใบหน้าซีดเพราะไม่ได้แต่งหน้าแล้วแกล้งทำเป็นหมดแรงเหนื่อยหอบจนน่าสงสาร “เวียนหัวมากเลยค่ะ ตอนเช้าก็วูบหลายรอบไม่รู้เป็นอะไร นี่เป็นมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว ลูกปลาเป็นอะไรร้ายไหมแรงไหมคะพี่หมอ” ลูกปลาแสดงต่ออีกนิดก่อนจะยกยาดมขึ้นมาสูดเหมือนจะขาดใจถ้าไม่ได้ดม "พี่ให้แอดมิทดูอาการก่อนนะ" ลูกปลาอมยิ้มนิดๆเมื่อหมอให้แอดมิทดูอาการ เธอหันไปหาเพื่อนรักที่ทำท่าทางดีใจจนน่าสงสัย “แกเนี้ยแอคติ้งดีกว่าดาราบางคนอีกนะ” นิรินชมเพื่อน นี่คือคำชมใช่ไหม? ในขณะเดียวกันเสี่ยอิฐพึ่งลงจากเครื่องหลังไปเคลียร์ปัญหาที่ภูเก็ต เขาอยากไปหาลูกปลานะแต่ก็เหนื่อยจนลืมตาแทบไม่ขึ้นแล้ว “เสี่ยครับคุณลูกปลาเข้าโรงพยาบาล!!” มาวินรีบบอกหลังจากเลขาของคู่หมั้นเจ้านายโทรบอก “ห๊ะ!!” ชายหนุ่มเร่งรีบมาโรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วงคู่หมั้นที่สุดเขาตรงไปยังห้องผู้ป่วยเปิดประตูไปเห็นเธอกำลังนั่งทำงานไม่เจียมตัวเลยนะ “ลูกปลาเป็นอะไรมากไหม แล้วไหนใครเฝ้า หมอมาตรวจยังเสี่ยถามก็ตอบสิ!” “โห้!! รัวมาขนาดนี้คงตอบทันหรอก ใครคาบข่าวไปบอกละคะ?” บอกตามตรงว่าดีใจแต่ก็อดโมโหตรงอีเสี่ยมาขึ้นเสียงใส่นี่แหละ คนบ้าอะไรแทนที่จะเป็นห่วงกัน “เออ แล้วเป็นไรตอบได้ยัง?” “หน้ามืดเวียนหัว หมอบอกว่าพักผ่อนน้อย” ก็เธอแอคติ้งไปขนาดนั้นหมอเลยเชื่อแล้วผลตรวจร่างกายก็เป็นใจอีก จากที่แกล้งป่วยเลยป่วยจริง เสี่ยอิฐมองคู่หมั้นตัวร้ายที่ป่วยเพราะพักผ่อนไม่พอแต่ก็ยังจะซ่าเอางานมาทำอีก มันน่าจับมาตบก้นแรงๆสักทีจริง ลูกปลาขยันทำงานเขาก็ดีใจแต่ทำจนไม่ห่วงตัวเองมันน่าโดนด่าจริง “เอามานี่แล้วนอนไป!” เขาจัดการดึงแล๊ปท๊อปเธอมาเก็บไว้เองไม่อย่างนั้นดื้อทำงานต่อแน่ “เสี่ยทำบ้าอะไรเนี่ย ลูกปลาจะทำงานเข้าใจไหม?” อีเสี่ยอิฐเอาแต่ใจอีกแล้ว เธอพึ่งเริ่มทำงานยังต้องศึกษาอะไรอีกเยอะ “นอน แล้วไม่ใส่น้ำเกลือเหรอ?” ปรกติเขาเห็นคนป่วยต้องใส่น้ำเกลือเกือบทุกคนแล้วเธอเป็นขนาดนี้ไม่ต้องเหรอ หรือว่าอะไรทำไมถึงทำหน้าเหย่เกแบบนี้ “ยังไม่พร้อมเลยกลัวเจ็บ” “วินไปบอกพยาบาลว่าลูกปลาพร้อมใส่น้ำเกลือแล้ว” เขาจูบเข้าที่หน้าผากเธอด้วยความคิดถึง นึกขำที่โตขนาดนี้ยังกลัวเข็มอีกแล้วถ้าเธอเข็มใหญ่จะเป็นยังไง ลูกปลากำลังจะเถียงเขาเลยฉวยโอกาศจูบให้หายคิดถึงซะเลย “พอแล้วอายเขา!!” เธอผลักเสี่ยอิฐออกเพราะได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา รถลากที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์และหนึ่งในนั้นคือน้ำเกลือที่เธอต้องได้รับ เธอมองเข็มหลายไซส์ด้วยความกลัวอยากจะร้องไห้ขึ้นมา “โอ๋...เด็กน้อยมองเสี่ยนี่” แค่เห็นสีหน้าก็รู้แล้วว่าลูกปลากลัวเข็มมากขนาดไหน ก็สงสารแหละถ้าเจาะเขาแทนแล้วเธอหายก็ยอมแต่มันทำไม่ได้ไงเลยได้แค่ปลอบใจแบบนี้ “เสี่ยอิฐลูกปลา…” เธอเบือนหน้าหนีไม่สามารถทนมองภาพน่ากลัวได้เลย “ไม่กลัวนะคนดี เสี่ยอยู่ตรงนี้แล้ว” เขาดึงเธอเข้าไปซบอกลูบหัวปลอบใจก่อนจะพยักหน้าให้พยาบาลจัดการเริ่มจิ้มเข็มลงไปได้ ลูกปลาสดุ้งนิดๆเขายิ่งกอดเธอแน่นขึ้นเพิ่มเติมคือจูบไปกลางกระหม่อนบางหลายครั้งให้เธอหายกลัวไปบ้าง “วินเอากระเป๋าเสื้อผ้ามานี่แล้วสั่งข้าวมาด้วย” ตอนนี้มันใกล้เที่ยงแล้วด้วยเขาหิวและคิดว่าจะกินข้าวที่นี่หลังจากนั้นคงนอนเฝ้าลูกปลาต่อเลย พยาบาลจัดการต่อสายน้ำเกลือเสร็จก็อมยิ้มเมื่อมองภาพแฟนคนไข้ที่ดูจะรักมาก ชายหนุ่มขอบคุณก่อนจะดันตัวหญิงสาวออกจากอกแล้วจูบเข้าที่กลางหน้าผาก “ร้องไห้ทำไมเจ็บนิดเดียวเอง” เขาเกลี่ยน้ำตาออกยิ้มพร้อมส่ายหน้ากับนิสัยเด็กๆแบบนี้ “เจ็บนี่” หญิงสาวพูดไปน้ำตาก็ยังไหลออกมาเรื่อยๆเธอซบที่อกเขาอย่างลืมตัว ชายหนุ่มหลุดหัวเราะเบาๆกอดแน่นขึ้นขี้อ้อนไม่เบาเหมือนกันนะเนี่ย ถ้าวันนั้นลูกปลาไม่หนีไปอยู่อังกฤษเขาคงสามารถรู้จักเธอได้มากกว่านี้ ถึงในความเป็นจริงเขาดูเจ้าชู้ขนาดไหนแต่ก็พร้อมจะหยุดเพื่อลูกปลาแต่เธอไม่เคยแสดงว่าต้องการอะไร ไม่เคยสนใจเขาด้วย เขาเลยประชดเธอแบบนั้น “ไปอยู่กับเด็กที่ไหนมาคะ?” “หึงเหรอ?” “เปล่า แค่อยากรู้เฉยๆ” เธอหันไปสบตากับเขาก่อนจะหลบตาเมื่อเขาจ้องตอบกลับมา เธอแค่อยากรู้ว่าเขาจะเป็นห่วงรึเปล่า พอได้แอดมิทไม่ถึง 3 ชั่วโมงโผล่มาได้ไงไม่รู้ “โรงแรมภูเก็ตมีปัญญาหา นี่เสี่ยพึ่งลงจากเครื่อง” เขาไม่มีอะไรต้องปิดบังเธออยู่แล้ว ลูกปลายิ้มออกมานิดๆก่อนจะหยิบโน๊ตบุคมาทำงานต่อ ดื้อจริงเลยคู่หมั้นเขา! “รู้ไหมเราเสียเวลาตั้ง 2 ปีเพราะลูกปลาคิดอะไรเอง ใจร้อนไม่ฟังเสี่ย” ในตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองใจร้อนมากแต่พอมาเจอลูกปลาถึงได้รู้ว่าไม่เท่าเธอเลย “จะให้ดีใจไหมละที่เห็นเสี่ยนอนกับใครคนอื่น” เธอยังโกรธเรื่องนี้ไม่หาย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรเสี่ยอิฐก็ยังเหมือนเดิม วันนั้นเธอไปหาเขาเพื่อคุยเรื่องของเราแต่สภาพที่เห็นคือนอนตัวเปล่าบนเตียงกับผู้หญิง เธอจำได้เลยว่าโวยวายอาละวาดตบเด็กคนนั้นไปหลายทีรวมถึงตบเสี่ยอิฐด้วย เธอรับไม่ได้จนต้องหนีไปอังกฤษด่วนที่สุดและไม่ได้ร่ำลากันด้วย ถ้าพ่อไม่โทรไปตามให้มาช่วยดูแลงานที่นี่ แล้วก็ถามเรื่องแต่งงานเธอคงไม่ต้องกลับมาเจอคนเลวแบบเขา ความจริงน่าจะถอนหมั้นให้จบไปตั้งแต่วันนั้นแทน “เสี่ยเมา!” ยอมรับแมนๆเลยว่าเมามากจนเอาใครไม่รู้เห็นเป็นลูกปลาแต่พอตื่นมาดันไม่ใช่ซะงั้น เขายอมให้ลูกปลามีอิสระตั้ง 2 ปีโดยที่มีสายคอยรายงานตลอด “ข้ออ้าง!” “แค่ 2 ปียังไม่พออีกเหรอ?” ถ้าไม่คิดจะคุยกันจะปรับความเข้าใจกันมีเหรอจะใช้ชีวิตคู่ได้ เขายอมลงโทษตัวเอง ไม่ตามไปกวนใจเธอที่อังกฤษแล้วรออย่างใจเย็นตั้ง 2 ปี มันทรมานนะที่คิดถึงมากขนาดไหนก็ไม่ได้คุย ไม่ได้พบเจอกันเลย ถ้า 2 ปีนั้นลูกปลายังอยู่ใกล้เขารับรองได้เลยว่าจะทำให้เธอมีความสุขที่สุด ตอนนี้เขาก็กำลังจัดการเลิกผู้หญิงไปทีละคนแล้ว เพื่อผู้หญิงที่ไม่เคยรักเขาเลยสักนิดเดียว “งานแต่งตั้งปีหน้าเสี่ยอิฐมีเวลาสนุกอีกเยอะ” เธออดจะประชดเขาไม่ได้ งานแต่งที่ไม่มีใครอยากแต่งสักคนโดยเฉพาะเธอ “จะปีนี้ ปีหน้าหรือปีไหนลูกปลาก็หนีเสี่ยไม่พ้นหรอก!” คุยกับลูกปลาทีไรมันแบบนี้ตลอด เขาเลือกจะเดินไปอาบน้ำแทนระหว่างรออาหารเที่ยงที่ลูกน้องสั่งมาให้ “คุณลูกปลาไม่รักเสี่ยบ้างเหรอครับ?” มาวินอดจะถามไม่ได้เพราะรู้สึกสงสารเจ้านายอย่างบอกไม่ถูก “แล้วเสี่ยอิฐเขารักฉันไหมละ ก็ไม่!” เธอพูดจบก็นั่งทำงานต่อไปไม่สนว่าเสี่ยอิฐจะออกมาแล้ว เธอรู้จักเสี่ยอิฐแค่นิดเดียวเองคงเพราะไม่อยู่ให้ได้ศึกษาดูใจกันมั้ง เธอพึ่งจะเห็นรอยสักรูปปลาที่กลางหลังเสี่ยอิฐ หมายถึงเธอรึเปล่านะ “แอบมองเสี่ยเหรอ?” เขาหยิบเสื้อยืดมาใส่ก่อนจะเดินไปนั่งข้างเธอบนเตียง “พอก่อนไหมแล้วมาทานอาหารกัน” “งานยังไม่เสร็จ” “หรือจะให้เสี่ยกินลูกปลาแทนครับ” “เสี่ยพูดบ้าอะไรเนี่ย ถอยไปเลย” เธอรีบปิดแล๊ปท๊อปเพราะไม่ไว้ใจคำพูดเสี่ยอิฐเลย “กินข้าวเร็วเสี่ยหิวมากแล้ว” ตั้งแต่ลงเครื่องมายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย “กินแล้วก็ไปเลยนะ เดี๋ยวเพื่อนมาเฝ้า” เพื่อนไม่มาหรอกป่านนี้ไปสวีทกับผัวแล้ว เธอก็งงตัวเองเหมือนกันที่เสี่ยอิฐหายไปก็ร้อนรนแต่พอเขามาหาก็เบื่อขี้หน้าอยากไล่ไปไกลๆเพียงแค่ต้องอยู่ในสายตาเธอนะ “ทำไม อยู่กับเสี่ยมันจะตายรึไง หรือว่ามีไอ้เหี้ยนั่นมาเฝ้า” เขาพูดเสียงดังไม่พอใจมากที่เธอไล่เขา นี่เขาเป็นคู่หมั้นกำลังจะเป็นผัวแล้วด้วย เอาสิ! ถ้าลูกปลาจะไม่สนใจเขาก็จะทำแบบนี้แหละ เขาจะตามเธอยิ่งกว่าเจ้ากรรมนายเวรอีกคอยดู “มันไม่ตาย แต่เสี่ยอาจจะมีคนที่อยากดูแลมากกว่า” “โธ่เว้ยลูกปลา! นี่จะยั่วเสี่ยให้โกรธใช่มั้ย?” ทำไมเขาจะไม่รู้ทันเธอ ลูกปลาร้ายกับใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่เขา “เปล่า” อีเสี่ยอิฐฉลาดอีกตามเคย “ลูกปลาเสี่ยเป็นคู่หมั้นต้องมาทำตามหน้าที่” เขาต้องใช้ไพ่นี้ใช่ไหมเธอถึงจะยอม “อ๋อ แค่หน้าที่ใช่ไหมลูกปลาซึ้งใจมากค่ะ” ทำไมเธอถึงรู้สึกเจ็บแบบนี้ละ เธอปรับสีหน้าให้ปรกติเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไร แต่ไม่ทันเพราะสายตาคมของชายหนุ่มอ่านออกหมดแล้ว “กินข้าวเถอะ” “ลูกปลาอยากถอนหมั้น อยากกลับอังกฤษ อยาก...” เขาจูบปิดปากเธออย่างเร้าร้อนปนอ่อนหวาน ลิ้มร้ายกวักไกวตักตวงความหวานอย่างหิวโหย เพียงเสี้ยวนาทีชุดผู้ป่วยก็หลุดออกจากตัวเหลือเพียงชั้นในสีหวาน “พอเถอะค่ะ” เธอรีบดันเขาออกก่อนทุกอย่างจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ “อย่าพูดว่าจะไปจากเสี่ยอีก แค่ 2 ปีมันนานเกินไปแล้ว” เขาสูดหายใจเข้าออกลึกๆต้านอารมณ์ดิบที่คุกรุ่นขึ้นมา “ลืมไปว่าเรื่องของเรามันธุรกิจเกี่ยวข้องเป็นหลัก ถ้าลูกปลาไปเสี่ยคงไม่ยอม” เธอพูดออกไปมันก็เจ็บเพราะเหมือนตอกย้ำตัวเองให้รู้ว่ามีค่าแค่ไหน ไม่ใช่คนที่รักเลยสักนิด แต่เธอเห็นแววตาหม่นวูบของเสี่ยอิฐก็ยิ้มสะใจขึ้นมาเมื่อรู้ว่าเขาก็รู้สึกเจ็บ หึ! เธอยอมเจ็บมากกว่านี้เพื่อให้เขารู้สึกบ้าง “ใช่! อย่าลืมสิครอบครัวของเราต้องดองกัน เงินต่อเงินความรักมันไร้สาระ” เขาพูดตอกกลับเธอคืน ปากหยักยิ้มอย่างยียวนขึ้นเมื่อเธอเปลี่ยนสีหน้าเป็นตกใจ “ลูกปลาเป็นของเสี่ยตั้งแต่วันนั้นแล้วจำไว้” เขาพูดย้ำอีก ชายหนุ่มทานอาหารกลางวันเงียบๆ เขาคิดถูกจริงๆที่ไม่บอกรักลูกปลาไป ขนาดเธอไม่รู้อะไรยังทำให้เขาเจ็บสาหัสขนาดนี้ถ้ารู้ความจริงคงจะเหยียบย้ำหนักกว่าเดิมแน่ เขาต้องทำให้เธอรักให้ได้ก่อนจะถึงวันแต่งแน่ “หมอให้กลับวันไหน?” แต่เขาก็แพ้ตรงที่ยังเป็นห่วงเธอ “พรุ่งนี้มั้ง ไม่รู้สิถ้าเสี่ยอิฐขี้เกียจเฝ้าก็กลับไปเลยลูกปลาอยู่คนเดียวได้” เธอคิดว่าการอยู่คนเดียวน่าจะดีกว่า เธอรู้ว่าอีกเดี๋ยวเด็กเสี่ยอิฐต้องโทรมาหาให้เธอรู้สึกแย่อีก ถ้าเป็นแบบนั้นสู้เธอไม่รู้จะดีกว่า “ไล่อีกแล้วนะลูกปลา” “ค่ะ ลูกปลาไล่เสี่ย” เธอก็ยอมรับไปแบบไม่สนใจจะมองหน้าเขาสักนิด “ลูกปลาถ้าแต่งงานแล้วมาอยู่บ้านเสี่ยนะ เสี่ยจะทำตามที่ที่ลูกปลาชอบทุกอย่าง” “งานแต่งปีหน้า ลูกปลาขอเวลาคิดค่ะ” เธอยังจะเอาวันที่เลื่อนเหมือนเดิม “จะปีไหนลูกปลาต้องมาอยู่กับเสี่ย!” เขาตวาดเสียงดังเมื่อเธอไม่ยอมลดความดื้อลงเลย เธอไม่คิดจะตอบอะไรเขาในตอนนี้ เธอยังไม่รู้เลยว่าอยากจะแต่งงานกับเสี่ยอิฐรึเปล่า คู่ชีวิตควรมีพื้นฐานมาจากความรักสิไม่ใช่ว่ามาจากผลประโยชน์ทางธุรกิจแบบนี้ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีความหมายอะไรรึเปล่า ในตอนนี้เธออยากทำให้เขารัก ทำให้เขาเจ็บแล้วถึงจะคิดเรื่องต่อไปได้ “ลูกปลาเสี่ยจริงจังนะ” เขาพูดซ้ำเมื่อเธอไม่ยอมเอาแต่กดแล๊ปท๊อปไปมา เขากำลังจัดการตัวเองเพื่อเธออยู่ ในตอนแรกเขาคงไม่ยอมขนาดนี้แต่ลูกปลาทำให้เขารู้สึกว่าเธอต้องเป็นคนเดียวจริง งานแต่งที่เลื่อนออกไปเขาไม่ยอมแต่ก็ต้องยอมเมื่อลูกปลาไปคุยกับพ่อเขาเอง บอกไม่ถูกเลยตอนนี้เขากำลังดิ้นรนสุดแรงเพื่อไม่ให้เสียของรักรึเปล่า “เสี่ยจะมาแต่งกับคนที่ไม่รักทำไมคะ?” เธอถามเขาเสียงแผ่วเบา “เพราะเป็นลูกปลา ถ้าเป็นคนอื่นอย่าหวังว่าเสี่ยจะยอม” นี่เป็นการบอกรักทางอ้อมแต่คนทิฐิเยอะแบบลูกปลาจะเข้าใจรึเปล่า เขาต้องทำยังไงให้เธอรักกันบ้าง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม