ตอนที่ 5
ย้ำสถานะ
Wawa Talk
ถึงตอนนี้สายตาของกรุงโรมที่มองจะน่ากลัวเพียงใดแต่ความโกรธทำให้ฉันกล้าที่จะทุบอกเขาเต็มแรงอย่างไม่กลัวเกรง
“อ๊ะ เจ็บนะโว้ย แม่ง” กรุงโรมสบถขึ้น
“สมควรแล้ว คุณมัน...” ไม่ทันจะพูดจบกรุงโรมก็ก้มลงมากัดริมฝีปาก ก่อนจะผละออกและขู่เสียงเข็ง
“ถ้ายังจะทุบ จะไม่ได้กัดแต่ปาก”
ฉันเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ยอมนอนนิ่งให้เขาอุ้มต่อไป แต่ถึงอย่างนั้นในสมองฉันก็พยายามคิดหาทางหนีอยู่ดีถึงรู้ว่าจะไม่มีทางเลยก็ตาม
กรุงโรมอุ้มฉันออกมาจากห้องรับรอง เดินตรงไปยังลิฟต์และหันไปสั่งลูกน้องที่เดินตามมา
“วันนี้กูจะนอนที่นี่ ห้ามใครเข้าไปรบกวนด้านบน”
“ครับนายน้อย” ลูกน้องกรุงโรมรับคำสั่งแล้วเดินออกไปส่วนกรุงโรมก็จัดการอุ้มฉันเข้ามาในลิฟต์ก่อนจะใช้เท้ายื่นไปกดเลขชั้น
ใช่ค่ะ คุณฟังไม่ผิดหรอกว่าเขาใช้เท้าในการกดปุ่มลิฟต์ แต่กิริยาถ่อยๆ แบบนี้ก็เหมาะสมกับคนอย่างกรุงโรมแล้วแหละ
“มองแบบนั้นอยากโดนกัดอีกรึไง”
“คุณมันเลว”
“เหอะ ฉันเลวไม่ได้ครึ่งหนึ่งของพี่ชายเธอหรอก” เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ฉันไม่เคยรู้เลยว่ากรุงโรมมีปัญหาหรือโกรธอะไรพี่วาดีลแต่เท่าที่สังเกตดู กรุงโรมคงไม่ชอบพี่วาดีลเอามากๆ
“พี่ชายฉันไม่ใช่คนเลวนะคะ”
“เหรอ เธอคิดว่าไอ้หน้าตาใสซื่อของเธอจะทำให้ฉันหลงเชื่อได้เหรอ”
กรุงโรมเลื่อนหน้าลงมาใกล้ฉันจนปลายจมูกเราสัมผัสกัน ดวงตาของเราทั้งสองสอดประสานกันนานนับนาที
“เธอมันก็เลวไม่ต่างจากพี่หรอก” เขาพูดเสียงแข็งทั้งที่เรายังจ้องตากันอยู่อย่างนั้น รู้สึกตัวอีกทีริมฝีปากร้อนก็ทาบทับลงบนริมฝีปากฉันแล้ว ความหวานนุ่มทำให้ฉันหลงเคลิบเคลิ้มก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อสัญญานลิฟต์ดังขึ้น
เหมือนเราทั้งคู่ได้สติจากความมัวเมาเมื่อครู่จึงรีบผละออกจากกันแต่กรุงโรมยังไม่วายก้มลงมาคลอเคลียแก้มฉัน
“ถอยไปห่างๆ หน่อย”
ฉันเบือนหน้าหนี และดันแผงอกเขาออกห่าง
กรุงโรมยกยิ้มมุมปาก ไม่ยอมถอยห่างแต่กลับประทับริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากฉันอีกครั้งด้วยความร้อนแรงกว่าตอนแรกมาก
เขาอุ้มฉันออกมาจากลิฟต์ทั้งที่ยังจูบฉันอยู่แบบนั้น เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องจึงค่อยๆ วางฉันลงพิงประตูบานใหญ่แต่ไม่ยอมผละริมฝีปากออก
มือหนาสอดเข้ามาภายใต้เสื้อตัวบาง ลูบไล้ไปตามผิวเนียนจนฉันหลงเคลิ้มอีกครั้งและเผลอส่งเสียงครางออกมา
“อ๊ะ กรุงโรม”
“อื้ม ทำไมหวานฉิบหายเลย”
เราทั้งคู่ต่างตกอยู่ในภวังค์บางอย่าง เสื้อคลุมฉันถูกปลดออกปล่อยให้มันล่วงหล่นไปกับพื้น มือหนาค่อยๆ เลื่อนขึ้นมากอบกุมหน้าอกอวบอิ่มและบีบคลึงแรง ความเจ็บทำให้สติฉันกลับมาอีกครั้งเป็นเหตุให้ฉันถีบกรุงโรมเต็มแรงจนเขาเสียหลักล้มไปนั่งลงกับพื้นอย่างไม่รู้ตัว
“s**t! ถีบทำไมวะ”
“กะ... ก็คุณจะทำอะไรฉัน”
ฉันรีบยกมือขึ้นปิดบังร่างกายตัวเอง พยายามดึงเสื้อตัวบางมาปิดร่างกายให้มิดชิดที่สุด
“เลิกทำเป็นใสซื่อสักทีเถอะวาวา” กรุงโรมพูดด้วยน้ำเสียงเหยียด ริมฝีปากสวยกระตุกยิ้มคล้ายสมเพชฉัน
“คุณเลิกคิดสกปรกสักที ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น”
กรุงโรมลุกขึ้นยืนและเดินเข้ามาต้อนฉันจนแผ่นหลังฉันชนกับประตูห้อง แขนแกร่งยกขึ้นค้ำยันประตูคร่อมไว้ไม่ให้ฉันหนี
“เหรอ ผู้หญิงที่กล้าต่อรองยอมเป็นของเล่นของคนอื่นง่ายๆ แบบเธอน่ะเหรอ คือผู้หญิงดีๆ “
ฉันเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น สิ่งที่เขาพูดมันก็ถูก แต่ที่ฉันตกลงเพราะต้องการรักษาทุกอย่างเอาไว้ อีกอย่างเขาเป็นคนบอกเองว่าจะไม่มีวันเอาฉันเป็นเมียเขา
“แต่คุณบอกเองนะว่าคุณไม่มีวันเอายัยเฉิ่มอย่างฉันเป็นเมีย”
ริมฝีปากสวยกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ นิ้วแกร่งไล่ไปตามลำคอฉันก่อนจะเลื่อนมาถึงเนินอก กรุงโรมโน้มหน้ามากัดติ่งหูฉันเบาๆ แล้วกระซิบด้วยน้ำเสียงที่แสดงว่าเขาเหนือกว่า
“เธอเป็นของเล่นของฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้”
“....”
“เธอมันก็แค่ผู้หญิงที่เสนอตัวให้ฉันเล่นก็เท่านั้น อย่ามาเล่นตัวนักเลย” ฉันกำหมัดตัวเองแน่น คำพูดและน้ำเสียงของเขามันทั้งดูถูกน่ารังเกียจจนฉันทนไม่ไหว ฉันจึงอาศัยจังหวะที่เขาเผลอเตะเข้าตรงกลางเป้าเขาเต็มแรงด้วยความโมโห
“โอ๊ย ยัยบ้าเธอตายแน่” กรุงโรมกุมเป้าตัวเองตัวงอด้วยความเจ็บและจุก ฉันไม่คิดจะอยู่สนใจเขาอีกต่อไป ขอให้สูญพันธุ์ไปเลยยิ่งดี
“วาวาหยุดเดี๋ยวนี้ จะไปไหน”
ฉันไม่สนใจฟังเสียงเรียกของกรุงโรม รีบวิ่งตรงไปยังลิฟต์แต่แล้วก็ต้องหน้าซีดเผือดเมื่อลิฟต์ดังกล่าวต้องใช้รหัสในการกด
“ซวยแล้ว”
“หึหึ คิดว่าจะหนีฉันได้รึไงยัยของเล่นเฉิ่ม”
“กรี๊ด ปล่อยนะ คนบ้า”
กรุงโรมอุ้มฉันพาดบ่าแกร่งและเดินกลับไปยังหน้าประตูห้องที่ฉันเพิ่งวิ่งหนีมา เขากดรหัสเข้าไปในห้องก่อนจะโยนฉันลงบนโซฟาหนาอย่างไร้ความอ่อนโยน
“โอ๊ย เจ็บนะ”
“แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำกับที่เธอทำกับฉัน!”
“ฉันทำอะไรคะ!?” ฉันถามกลับไป กรุงโรมหัวเราะก่อนจะขึ้นมานั่งคร่อมฉันไว้ พลันมือหนาบีบแก้มฉันให้หันมามองเขา
“เธอทำให้ฉันเสียงาน แล้วยังมาทำร้ายร่างกายฉันอีก” เสียงเข้มตวาดลั่นจนฉันสะดุ้ง แววตาที่มองมาน่ากลัวจนฉันน้ำตาคลอเบ้า
“เรื่องทุกอย่างมันเกิดจากคุณต่างหาก” ถึงแม้จะกลัวแต่ฉันก็ตอบกลับไปเสียงสั่นเพราะเรื่องทั้งหมดมันมีต้นเหตุมาจากกรุงโรมจริงๆ
“เผื่อเธอจะลืมนะวาวา เธออยู่สถานะของเล่นของฉัน”
“ใช่ค่ะ ฉันยอมเป็นของเล่นของคุณแต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำอะไรกับฉันก็ได้!” ฉันหลับหูหลับตาตวาดออกไปด้วยความโมโห สิ่งที่เขาทำกับฉันมันเกินไป เกินจนกว่าฉันจะทนแล้ว
“ต้องให้ฉันเตือนสติมั้ยว่าเธอยอมเป็นของเล่นฉันเพราะอะไรวาวา” กรุงโรมพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และนั่นทำให้ฉันนิ่งไปเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น
“ยกเลิกข้อต่อรองก็ได้นะ เธอไม่ต้องมาเป็นของเล่นฉันก็ได้ แต่ฉันไม่รับประกันว่าร้านที่พี่เธอรักนักหนาจะยังเหลือซากรึเปล่า”
“...”
“ส่วนลูกน้องพี่เธอ ตราบใดที่ฉันยังไม่เจอพี่เธอ ฉันก็ไม่รับรองความปลอดภัยของพวกมันนะ”
“คุณมันเลว เลวมากจริงๆ “
“หึหึ ถ้าจะโทษ โทษพี่ชายเธอเถอะที่กล้าเข้ามายุ่งกับคนของฉันก่อน”