เมียครับ 4
วาวา
จนกระทั่งตอนนี้ ฉันยังไม่รู้เลยว่ากรุงโรมต้องการให้ฉันทำอะไร
ครั้นจะถามออกไปก็คงไร้ประโยชน์เพราะคนอย่างกรุงโรมถ้าจะบอก เขาคงบอกตั้งแต่แรกแล้ว
“สวัสดีครับคุณเจฟเฟอร์”
บรรยากาศในห้องหรูขนาดใหญ่ทำเอาฉันถึงกับยืนตัวแข็งทื่อ ภายในห้องหรูมีโซฟาตัวใหญ่ตั้งเป็นวงกลมและมีโต๊ะอาหารตรงกลาง
โดยที่บนโซฟาใหญ่เต็มไปด้วยสาวสวยนุ่งน้อยห่มน้อยกำลังเอาอกเอาใจผู้ชายต่างชาติร่างใหญ่อยู่
“อ้าว เข้ามาก่อนสิกรุงโรม ไอไม่คิดเลยว่าจะเจอยูที่นี่”
“คุณเจฟเฟอร์มาทั้งที ผมก็ต้องมาต้อนรับด้วยตัวเองสิครับ”
“ฮ่าๆ นั่งดื่มกันก่อนสิ”
กรุงโรมหันมาส่งสายตาแกมบังคับให้ฉันเดินตามเขาเข้าไป ทั้งที่ตอนนี้ฉันแทบอยากจะวิ่งหนีออกไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ยิ่งสายตาเล้าโลมที่ผู้ชายต่างชาติคนนั้นมองมา ยิ่งทำให้ฉันไม่อยากอยู่ตรงนี้เลยสักวินาทีเดียว
“คุณเจฟเฟอร์ขาดเหลืออะไร แจ้งผมได้เลยนะครับ”
กรุงโรมพูดด้วยท่าทางสบายๆ พร้อมทั้งดึงฉันให้นั่งลงข้างกันและไม่ลืมดึงฉันเข้าไปกอดไว้แนบชิดตัว
พวกเขาคุยกันไปดื่มกันไป หัวเราะดูมีความสุขต่างจากฉันที่พยายามซุกหน้าเข้าหากรุงโรมเพื่อหลบเลี่ยงสายตาโลมเลียของผู้ชายคนนั้น
“สาวสวยข้างกายคุณกรุงโรมเป็นใครเหรอครับ”
ฉันเบียดตัวเข้าหากรุงโรมมากกว่าเดิมเมื่อรู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัยแต่ลืมคิดไปเลยว่าคนที่นั่งข้างฉันนี่แหละคือสิ่งที่อันตรายที่สุด
กรุงโรมอุ้มฉันขึ้นมานั่งบนตักก่อนจะก้มลงจูบต้นคอฉันทางด้านหลังโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว
ฉันเบิกตากว้างกำลังจะดิ้นหนีแต่แล้วต้องนั่งตัวแข็งทื่อเมื่อกรุงโรมกระซิบขู่
“ถ้าดิ้น ฉันจะให้ลูกน้องไปเผาร้านพี่เธอซะ”
คำขู่จากเขาส่งผลให้ฉันจำยอมนั่งนิ่งให้เขาทำตามอำเภอใจ กรุงโรมจูบซ้ำลงบนต้นคอฉันและหันไปพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงเสมือนว่าเขากำลังพยายามอวดของเล่นชิ้นโปรดอยู่
“ของเล่นผมเองครับคุณเจฟเฟอร์”
“ว้าว น่าอิจฉาจังนะครับ มีของเล่นน่าเล่นแบบนี้”
ผู้ชายคนนั้นยื่นมือมาลูบไล้แก้มฉันอย่างถือวิสาสะ
ฉันแทบอยากจะร้องไห้ออกมาเสียเดี๋ยวนั้น พยายามไม่หันไปมองผู้ชายคนนั้นแล้วซุกหน้าเข้าหาอกแกร่งแทน ถึงกรุงโรมจะอันตรายแต่ก็รู้สึกปลอดภัยกว่าผู้ชายอีกคนอยู่ดี
กรุงโรมยิ้มเจ้าเล่ห์ ก้มลงหอมศีรษะฉันก่อนจะพูดสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดออกมา
“คุณเจฟเฟอร์อยากลองเล่นดูมั้ยครับ”
ฉันเบิกตากว้าง เงยหน้ามองกรุงโรมด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
เขายิ้มให้ฉันพร้อมทั้งก้มลงหอมแก้มและกระซิบขู่ข้างใบหูเสียงแข็ง
“ทำตามที่ฉันสั่ง”
“ไม่ ไม่เอานะคะ”
ฉันส่ายหน้าปฏิเสธรัวเร็ว กำลังจะลุกหนีแต่แล้วตัวฉันก็ถูกอุ้มขึ้นจากตักแกร่งของกรุงโรมเสียก่อน
“ว้าย!”
ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ พยายามขัดขืนแต่ทำไม่ได้
กรุงโรมหน้าตึงขึ้นกว่าเดิมเมื่อมองมาทางผู้ชายคนนั้นแต่ไม่ได้ห้ามหรือรั้งตัวฉันไว้ ปล่อยให้เขาอุ้มฉันไปอย่างง่ายดาย
“มานั่งตักไอดีกว่า เล่นกับไอสนุกนะ”
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
ฉันดิ้นสุดกำลัง พยายามผลักผู้ชายคนนั้นออกด้วยความรังเกียจแต่มันกลับหัวเราะชอบใจ
มันก้มลงสูดดมผมฉันและหัวเราะในลำคอด้วยรอยยิ้มโรคจิต
“หอมมาก”
เพียะ เพียะ
ฉันทั้งดิ้น ทั้งทุบตีแต่ผู้ชายคนนั้นกลับไม่สะทกสะท้านใดใดกลับหัวเราะชอบใจออกมา
“ฮ่าๆ ดิ้นอีกสิสาวน้อย”
ผู้ชายคนนั้นยิ้มโรคจิตแถมยังใช้มือสกปรบลูบไล้แผ่นหลังฉันผ่านเสื้อตัวบางที่ปกคลุมเรือนกายฉันอยู่
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ไอ้โรคจิต”
ฉันตวาดลั่นด้วยความรังเกียจ ปกติฉันไม่ใช่คนพูดคำหยาบแต่สำหรับผู้ชายแบบนี้ ฉันไม่จะเป็นต้องให้เกียรติเลยสักนิด
“วู้ ไม่เคยมีใครกล้าด่าฉันมาก่อน แบบนี้สงสัยต้องลงโทษ”
ขณะที่ผู้ชายคนนั้นทำท่าจะฉีกเสื้อฉันออก ฉันจึงอาศัยจังหวะหันไปคว้าขวดเหล้าบนโต๊ะมาฟาดใส่หัวเขาเต็มแรง
พลั่ก
ขวดเหล้าแตกกระจาย พร้อมทั้งเลือดสีแดงสดที่ไหลลงมาจากศีรษะของผู้ชายคนนั้น
ภาพตรงหน้าทำให้ฉันมือไม้สั่นไปหมด รีบปล่อยขวดเหล้าออกจากมือและลุกออกจากตักผู้ชายโรคจิตคนนั้นทันที
“อิชั่ว กูไม่ปล่อยมึงไว้แน่”
ผู้ชายคนนั้นลุกขึ้นและเดินย่างสามขุมเข้ามาหาฉันพร้อมทั้งง้างมือขึ้นสูง
ด้วยความตกใจ ฉันเลยได้แต่ยืนหลับตาปี๋เตรียมรับความเจ็บแต่แล้วสิ่งที่ฉันรู้สึกในวินาทีต่อมาคือความอบอุ่นที่คุ้นเคย
“ขอโทษนะครับ คนของผม ผมขอจัดการเอง”
กรุงโรมเดินเข้ามาขวางฉันไว้ มือหนาจับมือฉันไว้แน่นและดันตัวฉันไว้ด้านหลังเขา
“ไอไม่ยอม ส่งนังนั่นมาให้ไอจัดการ”
“ไม่ได้ครับ เพราะเธอคือคนของผม”
“แต่คนของยูมันทำร้ายไอ!”
ผู้ชายคนนั้นตวาดเสียงดังลั่น ฉันสะดุ้งจนต้องซุกหน้าเข้ากับแผ่นหลังแกร่งของกรุงโรมด้วยความกลัว
“คุณไม่อยากมีปัญหากับผมหรอกเจฟเฟอร์”
เสียงกรุงโรมเรียบนิ่งและเย็นยะเยือกฟังดูน่าขนลุกกว่าทุกครั้ง
บรรยากาศเงียบลงเสียจนฉันนึกโล่งใจว่าทุกอย่างจบแล้วแต่เมื่ิอลืมตาดูกลับต้องตกใจอย่างสุดขีด
เมื่อผู้ชายคนนั้นเอาปืนจ่อหน้ากรุงโรมอยู่แต่กรุงโรมก็ยังยืนนิ่งไม่มีความกลัวใดๆ
“คุณจะทำอะไร คิดดีๆ ก่อนนะครับคุณเจฟเฟอร์”
ถึงแม้ถ้อยคำจะแลดูสุภาพแต่น้ำเสียงกลับเย็นยะเยือกน่าขนลุก
“เหอะ แล้วอย่าคิดว่าไอจะมาเหยียบที่นี่อีก”
คนนั้นสบถเป็นภาษาอังกฤษยาวเหยียดก่อนจะเดินหัวเสียออกไปจากห้อง
เมื่อผู้ชายนั้นเดินออกไปกรุงโรมก็หันมาคว้าตัวฉันขึ้นอุ้มด้วยท่าเจ้าสาวพร้อมทั้งส่งสายตาดุดันมาให้
“เธอทำฉันเสียเรื่อง”
“คุณโทษว่าเป็นความผิดฉันเหรอ”
“เออ”
เพียะ!!
มือฉันเลื่อนไปตบหน้ากรุงโรมเร็วกว่าใจคิด เขาขบกรามเข้าหากันแน่นก่อนจะหันมามองฉันด้วยสีหน้าน่ากลัว
“เราคงต้องไปทบทวนสถานะกันหน่อยแล้ววาวา”
—————-////————