ตอนที่ 6
ของฉันคนเดียว
เมื่อเห็นว่าร่างบางสิ้นฤทธิ์แล้ว กรุงโรมเลยปล่อยเธอให้เป็นอิสระ ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมทั้งปัดเสื้อตัวเองแสร้งทำสีหน้าไม่พอใจที่ต้องโดนตัวอีกคน
“ไปอาบน้ำซะ”
“อาบทำไมคะ?” วาวาเอียงคอถาม กรุงโรมหันไปมองด้วยใบหน้าดุตอบกลับด้วยน้ำเสียงรำคาญ
“จะอยู่สภาพนี้รึไง หรือชอบที่โดนผู้ชายจับตัว” ถ้อยคำดูถูกจากอีกคนทำให้วาวากำหมัดแน่นก่อนจะลุกเดินเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่พูดอะไรออกมา เพราะเธอคิดว่าเธอไม่ควรมายืนเถียงหรือยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเองกับกรุงโรมอีก เพราะอย่างไรเสียเขาก็ไม่เคยมองเธอในแง่ดีอยู่แล้ว
“เหอะ อย่าคิดว่าฉันจะหลงเชื่อหน้าใสซื่อของเธอ ยัยของเล่นเฉิ่ม”
กรุงโรมมองตามแผ่นหลังบางเดินเข้าห้องน้ำไปจนลับตาก่อนจะก้มลงหยิบเสื้อคลุมของเธอที่เขาเป็นคนถอดออกขึ้นมา
“อาจจะใช้ได้อยู่บ้าง” เขาพึมพำกับตัวเองพร้อมทั้งหยิบโทรศัพท์กดหาลูกน้องให้ขึ้นมาหา
เพียงครู่เดียวเชฟก็ขึ้นมาพร้อมลูกน้องอีกสองคน
“นายน้อยมีอะไรรึเปล่าครับ”
“เอาผ้านี่ไปเช็กว่าได้ลายมือเจฟเฟอร์มารึเปล่า”
“ครับนายน้อย” เจฟเฟอร์รับคำสั่งพร้อมทั้งแอบสอดส่องสายตาเข้าไปในห้อง ปกติเขาไม่ใช่คนชอบสอดรู้สอดเห็น แต่สำหรับกรณีเขารู้สึกเป็นห่วงหญิงสาวในห้องมากกว่า อีกอย่างกลัวเจ้านายตัวเองจะมาเสียใจทีหลังด้วยหากทำอะไรรุนแรงลงไป
“มองอะไร?” เสียงดุถามขึ้น กรุงโรมหันไปปิดประตูห้องให้เรียบสนิทและกอดอกมองหน้าลูกน้องคนสนิทนิ่ง
“คุณวาวาเป็นยังไงบ้างครับ”
คิ้วเข้มกระตุก อันที่จริงการที่ลูกน้องเขาถามถึงอีกคนไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรแต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย
“ถามทำไม!?”
“นายน้อยครับ ผมยืนยันกับนายน้อยได้เลยว่าจากที่ผมสืบประวัติคุณวาวาอย่างละเอียด เธอเป็นคนดีจริงๆ นะครับ”
“แล้วยังไง?”
“ผมรู้ว่านายน้อยกำลังโกรธพี่ชายของเธอ แต่ผมอยากให้นายน้อยแยกแยะนะครับว่าทั้งคู่เป็นคนละคนกัน” เชฟหยุดพูดเพื่อสังเกตอาการเจ้านายเมื่อเห็นว่ากรุงโรมยังคงปกติจึงพูดต่อ
“อีกอย่างเรายังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดเลยว่าพี่ชายของคุณวาวาเป็นคนทำให้...”
“พอ เลิกพูดแล้วออกไป”
“ครับนายน้อย”
“แล้วอย่าให้ใครขึ้นมารบกวนเด็ดขาด”
“ครับนายน้อย”
เชฟก้มหน้ารับคำสั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาหันหลังเดินกลับไปและได้แต่หวังให้เจ้านายของตัวเองคิดในสิ่งที่เขาพูดได้
กรุงโรมเดินกลับเข้ามาในห้อง ในหัวก็คิดถึงเรื่องที่ลูกน้องคนสนิทพูดไปด้วย
“เหอะ เธอใช้ความใสซื่อหลอกลูกน้องฉันสินะ อย่าคิดว่าจะหลอกฉันได้อีกคน” กรุงโรมยังไม่ยอมรับว่าวาวาใสซื่ออย่างที่ลูกน้องเขาบอก ร่างสูงกำลังจะเดินไปยังบาร์เครื่องดื่มแต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ดังมาจากทางห้องน้ำ
เร็วกว่าใจคิด เขาก็พาตัวเองมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องน้ำเป็นที่เรียบร้อย
“ร้องไห้อย่างนั้นเหรอ”
ในตอนแรกประตูห้องน้ำล็อกอยู่ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะกลอนแค่นี้ กรุงโรมสามารถสะเดาะเข้าไปได้อย่างง่ายดาย เขาแง้มประตูออกอย่างแผ่วเบาเผื่อไม่ให้หญิงสาวได้ยินเสียง กรุงโรมหลบมองแผ่นหลังบางที่กำลังสั่นเทาด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบกลางหัวใจ
“เราเป็นอะไรวะ” มือหนายกขึ้นกุมหน้าอกด้านซ้าย เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน หรือต้นเหตุของความรู้สึกนี้จะมาจากร่างบางในห้องน้ำ
เสียงสะอื้นเล็กๆ ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง หญิงสาวถูเนื้อตัวของตัวเองแรงจนกรุงโรมหงุดหงิด เขาเลยเดินเข้าไปห้ามทั้งที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“ถูแรงแบบนั้น เดี๋ยวก็ถลอกหมด”
มือเล็กชะงักก่อนจะหันไปมองทางด้านหลังแล้วต้องเบิกตาโต
“คุณเข้ามาได้ยังไงคะ!?”
“ถามโง่ๆ ก็เดินเข้ามาสิ”
ด้วยความตกใจ วาวาเลยไม่ได้ทันหาอะไรมาปกปิดเรือนกายเกือบเปลือยของเธอ คนเจ้าเล่ห์เลยถือโอกาสมองสำรวจของเล่นของเขาอย่างพึงพอใจ
“ด้านในไม่เฉิ่มเลยนะ”
“ว้าย ออกไปนะคะ คนบ้า คนโรคจิต” กรุงโรมหัวเราะเล็กน้อย เขาไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับคำด่าแสนอ่อนหวานนั่นสนิท
นอกจากจะไม่ออกไปแล้วเขายังเข้าไปรวบกอดเธอจากด้านหลังและจับมือเล็กขึ้นมาจูบ
“เป็นบ้ารึไงถึงได้ถูจนมือแดงขนาดนี้”
“แล้วคุณยุ่งอะไรด้วยคะ คุณต้องการเห็นฉันเจ็บอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” วาวาพูดประชดประชันด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ใช่แต่เธอเป็นของเล่นของฉัน ฉะนั้นคนที่มีสิทธิ์ทำเธอเจ็บคือฉันคนเดียวเท่าเดียวเท่านั้น”
“คุณมันคนใจร้าย” อยู่ ๆ หญิงสาวก็ปล่อยโฮออกมาเล่นเอาคนตัวโตที่โอบกอดเธออยู่ทำตัวไม่ถูกนอกจากกอดรัดเธอแน่นขึ้น
“อย่าร้อง”
“ฮึก คุณเห็นฉันเป็นอะไร ถึงได้ทำกับฉันแบบนี้”
กรุงโรมไม่ตอบแต่ยืนนิ่ง ยอมให้กำปั้นเล็กๆ ทุบลงบนแขนเขาอย่างไม่บ่นสักคำ
“คุณปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นลวนลามฉัน ฮึก” หญิงสาวร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ กรุงโรมเองก็กอดรัดเธอแน่นขึ้น เขารับรู้ได้ถึงความเจ็บของหญิงสาว ถึงสมองจะแย้งว่าเธออาจจะกำลังเล่นละคร แต่ใจเขารู้ดีว่าเธอกำลังเจ็บปวดและบอบช้ำเพราะการกระทำของเขาจริงๆ
“อย่าร้อง” เสียงทุ้มนุ่มละมุนกว่าตอนแรก มือหนาลูบศีรษะคนในอ้อมกอดแผ่วเบา
“ฮึก ฉันไม่นึกเลยว่าคุณจะใจร้ายถึงขึ้นจะขายฉันให้ผู้ชายคนอื่น คุณมันเลว”
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน รู้สึกไม่พอใจกับคำกล่าวหาจากของเล่นของเขา มือหนาเชยคางเรียวขึ้นก่อนจะประกบริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากอวบอิ่ม เมื่อได้สัมผัสริมฝีปากนุ่มความไม่พอใจในตอนแรกก็เปลี่ยนเป็นความหวานละมุน กรุงโรมมอบจูบแสนหวานให้เธอก่อนจะผละออกและจูบซับน้ำตาให้หญิงสาวเบาๆ
“ฉันไม่เคยคิดจะขายเธอให้ใครทั้งนั้น”
“...”
“เธอเป็นของเล่นของฉัน ของฉันคนเดียวเท่านั้นวาวา”
ริมฝีปากร้อนประทับลงบนริมฝีปากนุ่มอีกครั้ง ในตอนแรกวาวาพยายามจะปฏิเสธแต่สุดท้ายเธอก็แพ้ต่อสัมผัสอ่อนโยนที่เขามอบให้
น่าแปลกที่เธอกลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยจากตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอเสียใจ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและเขาตอนนี้มันคืออะไรกันแน่ ทั้งที่เธอควรรังเกียจแต่กลับยอมรับสัมผัสจากเขาอย่างเต็มใจ