“แล้วทำไมเอาแต่นอนอยู่ในห้อง ไม่ออกไปไหนเลยล่ะ...หืม” “ลูกอยากอยู่เงียบ ๆ ค่ะ ไม่มีอะไร” บอกไปง่าย ๆ แบบนั้นก็มีอีกเสียงแทรกเข้ามาจากทางประตูหน้าห้อง “แม่ก็นึกว่าหายไปไหนกัน นี่ห่วงลูกสาวมากกว่าแม่อีกนะเนี่ย” ปิยมาภรณ์เข้ามายืนมองสีหน้าบุตรสาวด้วยอีกคน เห็นว่าเซื่องซึม แต่แววตายังดูปกติดีอยู่ พร้อมกับคำพูดที่หลุดออกจากปากเจ้าตัวมาว่า “เรื่องแค่นี้ไม่สะเทือนผิวลูกหรอก จัดการได้อยู่แล้ว สบายมาก” “ขี้โม้จริง ๆ เลยลูกสาวใคร” “คนขี้โม้คือคนที่ดีแต่พูด แต่ลูกน่ะพูดเพราะมั่นใจว่าทำได้หรอกค่ะ ฉะนั้นลูกเลยไม่ใช่คนขี้โม้” คนเป็นพ่อเห็นแววตามั่นอกมั่นใจฉายออกจากดวงตาของบุตรสาวก็ค่อยโล่งอก “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ออกจากห้องไปกินอะไรบ้างสิ หรือให้กล้วยยกเข้ามาไหม อยากกินอะไรบอกพ่อมาเลย วันนี้เชฟรันดร์จะเข้าไปทำให้เอง” ได้ยินบิดามาง้อ มาพูดจาเอาใจแบบนี้ก็อดยิ้มไม่ได้ บอกท่านกลับไปว่า “ขอลูกนอนแบ