แต่เขาคงจะบอกได้คำเดียวว่าผู้หญิงคนนั้นไม่น่าจะเป็นยัยถั่วงอก ผู้กำลังวุ่นอยู่กับการจัดการอะไรต่อมิอะไรกับคนในบ้านอย่างแน่นอน และไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนมีเรี่ยวแรงมาจากไหนนักหนา
เห็นวุ่นอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เช้าแล้ว จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นนั่งนิ่งๆ เหมือนคนอื่นเลย เอาแต่จดนั่นจดนี่ บอกคนนั้นบอกคนนี้ไม่หยุดหย่อน เจ้านนนทีนั่นเขาก็ไม่เข้าใจว่าจะตามเจ้าหล่อนไปแทบจะทุกฝีก้าวทำไมกันนักหนา
“เอารถเข้ามาได้ค่ะ แต่อย่าเปิดไฟนะคะ พอได้เวลาตะวันจะโทรบอกให้ขับมาจอดหน้าซุ้มเลยค่ะ”
และคนที่กำลังถูกใครบางคนนินทาอยู่ในใจนั้นก็กำลังยุ่งกับการเตรียมเซอร์ไพรส์ด้วยรถคันโตให้เจ้าของงาน ตามคำสั่งของเจ้านายอยู่ ทั้งที่ใจนั้นอยากจะให้งานรีบๆ จบสิ้นลงโดยเร็ว
เพราะเหนื่อยล้าอ่อนแรงเต็มที ส้นสูงที่ใส่มาเมื่อชั่วโมงแรกก็ถูกสลัดทิ้งมาเป็นโมโนโบ้คิมเบอร์รีเรียบร้อยแล้ว ผ่อนกับเด็กในบ้านไม่เว้นแม้แต่เด็กเสิร์ฟมูลนิธิ ‘เลิศวิริยะ’ ที่ถือเป็นศูนย์กลางแรงงาน
เวลาจัดเลี้ยงของคนในมูลนิธิจะต้องเรียกใช้ประจำ เป็นการช่วยสร้างงานอีกทางหนึ่งก็ต่างเหนื่อยไม่แพ้กัน เพราะแขกในงานเกือบสามร้อยคนเลยทีเดียว เพราะต่างก็วิ่งวุ่นมาแต่ตอนบ่าย
กระทั่งเที่ยงคืนบรรดาเพื่อนสนิทของหนุ่มเจ้าของงานและเป็นแขกโต๊ะสุดท้ายถึงได้แยกย้ายกันกลับ ทว่าอาทิตยาก็ไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนั้นถ้าทุกอย่างไม่เรียบร้อย
แม้บรรดาลูกท่านหลานเธอจะได้ไปหลับปุ๋ยแล้ว แต่ตัวเองยังต้องคอยช่วยดูทุกซอกทุกมุมก่อน ตีสองจึงเป็นเวลาเคลียร์ทุกอย่างจนเกลี้ยงสนาม
“ขอบคุณนะจ๊ะหนุ่มๆ สาวๆ อุตส่าห์อยู่ช่วยพี่เคลียร์จนหมดทุกอย่าง ไว้เจอกันงานหน้านะจ๊ะ”
“ครับ/ค่ะ พี่ตะวัน”
เด็กๆ ในรถตู้ร่างรับคำพร้อมกัน แม้จะเหนื่อยแต่ก็ยังยิ้มให้เลขาสาวที่พวกเขาคุ้นเคย หลังได้รับค่าจ้างอย่างคุ้มค่าเหนื่อยแถมด้วยอาหารเหลือจากงานเอาไปฝากคนที่บ้านอีกต่างหาก
“พี่เล็กคะ ตะวันฝากส่งสาวๆ ให้ถึงประตูบ้านและรอจนกว่าจะเข้าข้างในทุกคนนะคะ ดึกแล้วคุณผู้หญิงเป็นห่วง”
แล้วไม่วายเดินอ้อมไปกำชับคนขับอย่างรอบคอบเหมือนทุกครั้งที่ทำมา แถมยังยืนรอกระทั่งรถแล่นออกไปถึงประตูรั้ว ร่างอ่อนแรงถึงได้เดินไปนั่งพักเอาหลังพิงเสาโรมันตรงบันไดหน้าบ้านอย่างหมดสภาพ เพื่อเรียกแรกเฮือกสุดท้ายพาตัวเองเดินไปหารถแล้วขับกลับบ้าน
“อึมห์!!! เอามาให้ กลัวจะเป็นลมไปก่อนขี้เกียจแบกไปส่งบ้าน”
รังนกแช่เย็นหลายขวดนอนกลิ้งอยู่ในชามกระเบื้องเคลือบเนื้อดีเมื่อเจ้าของงานหนุ่มหล่อมีน้ำใจถือมายื่นให้ตรงหน้าเลขาแม่ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งใกล้ๆ อย่างไม่เกี่ยงงอนว่าพื้นจะสะอาดหรือสกปรก
เพราะเขาก็เหนื่อยไม่แพ้กัน สายตาคมมองไปยังเจ้าของร่างไร้เรี่ยวแรงอย่างเข้าอดเข้าใจ ชุดสวยตอนใส่ในงานก็กลายเป็นกางเกงยีนเสื้อยืดที่เขาคุ้นตามาตั้งแต่แขกทยอยแล้ว
“อะ! เปิดให้ด้วยก็ได้ สงสัยจะแบตหมดจริงๆ ด้วย ถึงได้หมดสภาพขนาดนี้”
เจ้าของร่างสูงในชุดกางเกงสแลคสีดำเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวพับแขนไปถึงข้อศอกนั่งขัดสมาธิอยู่ลงทุนเอาใจอย่างไม่เคยทำมาก่อนเพราะความสงสาร และแม้อยากจะปฏิเสธสักแค่ไหน
แต่มือขาวก็คว้ารับขวดมาเปิดยกดื่มอย่างเหนื่อยอ่อน คนเอามาให้เองก็เปิดดื่มด้วยความเหนื่อยไม่แพ้กัน แถมยังต้องเปิดส่งให้เจ้าหล่อนถึงสามขวดด้วย
“เฮ้อ!!! ค่อยดีขึ้นหน่อย ขอบคุณนะคะ”
บำรุงร่างกายแล้วถึงยิ้มออกมาได้หน่อย แต่ยังคงนั่งหลังพิงเสาในท่าเดิมนั่นเอง ทำเอาคนตรงหน้ายิ้มน้อยๆ ออกมา ก่อนจะส่งประโยคยียวนกวนประสาทไปหาตามสไตล์ของคุณชายจอมเนี้ยบ
“กลัวถูกทวงบุญคุณทีหลัง ว่าจัดงานให้ผมจนทำให้คุณเหนื่อยแทบแย่น่ะ งั้นเราหายกันแล้วนะ”
เลขาสาวหันมาปรายตาใส่ด้วยท่าทีเคืองน้อยๆ ที่ถูกดักทางเอาไว้ก่อน เลยส่งประโยคยียวนสวนกลับบ้าง
“เตรียมงานเป็นอาทิตย์ จะให้หายกันกับอีแค่รังนกสามขวดที่ฉันเป็นคนซื้อมาเองนี่น่ะนะ ลงทุนน่าดูเลย”
“แหม! ถึงจะเหนื่อยแต่ก็มียาชูกำลังเป็นหนุ่มนักเรียนนอกมาคอยตามต้อยๆ ๆ ตั้งแต่บ่ายๆ ก็นับว่าคุ้มหรอกน่า ว่าแต่คุณชอบแบบนั้นเหรอ อย่างคุณผมคิดว่าจะอยากได้แฟนอายุมากกว่านั้นหน่อย ประสบการณ์เยอะกว่านั้นหน่อยมากกว่านะ พวกผู้หญิงที่ชอบมีแฟนรุ่นราวคราวเดียวกันหรือว่ารุ่นน้องกว่าน่ะ มักจะไปไม่รอดหรอกนะผมเห็นมาแยะละ”
เขาอดแหย่ไม่ได้จริงๆ เมื่อภาพเจ้าหนุ่มนั่นเดินต้อนหญิงสาวไปมารอบงาน
“ขอบคุณที่หวังดี”
ความหมั่นไส้บวกกับความเหนื่อยอ่อนก็เรียกร้องให้อาทิตยาอยากจะกลับมากกว่านั่งต่อปากต่อคำกับเขา จึงลุกขึ้นลากกระเป๋าสะพายที่นอนแอ้งแม้งอยู่พื้นไปคาดไว้บนบ่า ทำเอาคนนั่งอยู่มองอย่างสงสัย
“แล้วคุณจะไปไหนล่ะนั่น”
“อ้าว! ฉันก็จะกลับไปพักบ้างสิคะ หรือคิดว่ารังนกสามขวดนี่จะทำให้ฉันมีพลังเพิ่มขึ้นมาทำงานอีก จนไม่ต้องหลับต้องนอนเลย”
ร่างผอมบางไม่คิดจะรอฟังคำเย้าแหย่กลับจากเขาแม้แต่น้อย เพราะเหนื่อยและไม่อยากอยู่ใกล้เขาให้มากกว่านี้ ด้วยยังมีความขุ่นเคืองจากวีรกรรมเด็ดๆ ในอดีตของเขามากมายก่ายกองสุมอยู่ในหัวอีก
“คุณไม่ขึ้นไปนอนข้างบนล่ะ ดึกป่านนี้จะกลับทำไมมีแรงขับรถเหรอ ให้ผมไปส่งมั้ยล่ะ”
แม้อยากจะทำอย่างนั้นใจจะขาดแต่ก็เลือกจะบึ่งรถกลับก็พรุ่งนี้เป็นวันหยุดจึงอยากจะนอนให้หนำใจไม่ให้ใครมาก่อกวนได้
“ไม่ล่ะค่ะกลับไปนอนบ้านฉันดีกว่า”
และด้วยความรีบและกลัวเขาจะเอาจริงที่บอกว่าจะขับรถไปส่ง ทีให้ต้องเรียกเรี่ยวแรงในตัวออกมาก้าวลงบันไดแค่ไม่กี่ขั้นอย่างเร็วรี่
“อุ๊ย!!!”
แต่ขาก็อ่อนแรงลงตรงขั้นสุดท้าย พลอยทำให้กายอ่อนแรงลงไปด้วยจนเกือบจะล้มลงหากไม่มีสองวงแขนแข็งแรงกับอกอันบึกบึนกระโจนเข้าไปรับไว้
“ผมบอกแล้วว่าให้ขึ้นไปนอนข้างบน คุณแทบจะเดินไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ นี่ถ้าผมรับไม่ทันคุณไม่ล้มคว่ำไปอยู่กับพื้นแล้วเหรอ อย่างนี้เราพอจะหายกันได้หรือยัง”
น้ำเสียงนุ่มๆ กับใบหน้าหล่อๆ ยิ้มน้อยๆ และอยู่ห่างไม่ถึงคืบ แถมมีกลิ่นเหงื่อกับกลิ่นน้ำหอมบางๆ จากกายเขาบวกกับความอบอุ่นในกายช่วยผลักดันให้ร่างอ่อนแรงเมื่อครู่รีบผละออกจากการกอดรัดของเขาแทบจะทันที
“ไม่เป็นไรฉันเคยเหนื่อยมากกว่านี้มาแล้ว และฉันไม่ได้ถือเป็นบุญคุณอะไรจากงานนี้ เพราะนี่คือหน้าที่ลูกจ้างอย่างฉันที่ต้องทำตามคำสั่งเจ้านายอยู่แล้ว”
จิณณวัตรจ้องมองร่างเล็กๆ ที่ดูจะมีเรี่ยวแรงขึ้นมากว่าเมื่อครู่เดินตรงไปหารถ แล้วควบออกจากบ้านไปอย่างคล่องแคล่ว ยิ่งคิดถึงใบหน้าซีดผิดแล้วเปลี่ยนเป็นแดงปลั่งเมื่อครู่ ก็ได้แต่ยิ้มตามด้วยความขำนิดๆ ปนหมั่นไส้หน่อยๆ ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ที่ตัวเองอุตส่าห์ยอมเหนื่อยหาของบำรุงให้เพราะความห่วง และซาบซึ้งใจที่เป็นแม่งานให้จนเสร็จ ดันได้คำประชดมาแทนซะนี่ อย่างนี้ต้องปล่อยให้เหนื่อยซะให้เข็ด