“ตะวันมาพอดีเลย จะได้ช่วยพี่อัญเชิญบรรดาแม่ๆ ของนางแบบกิตติมศักดิ์ออกไปจากหลังเวทีหน่อย พี่เหนื่อยจะแย่แล้ว”
พะยอมส่งน้ำเสียงและสีหน้าว่ากลุ้มใจมาหาแทบจะทันที เมื่อร่างบางในชุดราตรีสั้น แขนกุด สีฟ้า คอวี จับจีบผ้าโปร่งสวย แต่งโบที่เอวเดินออกจากห้องน้ำ จึงจำต้องไปช่วยตามคำขอ
เสร็จจากหน้าที่นี้ก็ต่อไปอีกหน้าที่ และอีกหน้าที่ไปเรื่อยๆ เลยต้องวุ่นอยู่หลังเวที จนไม่มีโอกาสได้ออกมาดูหน้าเวทีเลยกระทั่งทุกอย่างจบสิ้นลง
“เอ้ขอพายัยแอ๊ฟกลับไปพักก่อนนะคะ บ่นว่าปวดหัวตั้งแต่ยังไม่เดินเลยค่ะ นี่ก็อยู่ทนจนงานเสร็จเพราะความมีสปีริตแท้ๆ นะคะคุณหญิง อีกอย่างมะรืนคุณโจ้จะยกทีมงานไปสัมภาษณ์ที่บ้านด้วยค่ะ คงต้องตระเตรียมอะไรกันอีกยกใหญ่ เดี๋ยวเอ้จะทิ้งตะวันไว้ช่วยงานนะคะ จะให้ทำอะไรช่วยอันไหนก็ไม่ต้องเกรงใจค่ะ”
แต่คุณหญิงเพลินพิศกลับเกรงใจและรู้สึกไม่ดีเลยสักนิดหากจะใช้งานอาทิตยา เพราะเห็นอยู่แล้วว่าเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย แม้เจ้าตัวจะไม่ปริปากบ่น ก็เดาออกได้ทางสีหน้าและท่าทางการเดิน ตัวเองก็ใช่ว่าจะเหนื่อยน้อยจึงเดินไปหาเก้าอี้ใกล้ตัวเพื่อนั่งเอาแรงก่อน
“คุณหญิงป้าทานน้ำส้มคั้นเย็นๆ ก่อนนะครับผมให้เด็กยกมาแล้ว และเอามาเผื่อทุกคนด้วยนะครับ”
นนนทีเข้ามาได้จังหวะ เพราะคนเป็นป้ารีบคว้าแก้วมาดื่มทันที จากนั้นเขาก็ถือสองแก้วไปยื่นให้อาทิตยากับพะยอมอย่างคนมีน้ำใจ แถมยังช่วยงานสองสาวอย่างไม่เกี่ยงงอนอีก
เลยไม่เห็นสายตาผู้แม่ที่เดินตามหลังลูกชายมาดูพี่สาวหมดสภาพเพราะงานช่วยคนจนแท้ๆ ความเป็นคนรอบคอบและใจเย็นทำให้พรเพ็ญไม่กระโตกกระตากใดๆ ออกมา
แม้จะไม่ชอบใจเอามากๆ ที่เห็นภาพลูกชายคนแก้วหัวแหวนเข้าไปประจ๋อประแจ๋กับผู้หญิงโนเนมเช่นนั้น ทว่าคุณหญิงเพลินพิศกลับรู้ได้โดยไม่ยากเย็นนักแค่เพียงได้เห็นความหมายของสายตาน้องสาว
“คืนนี้ดึกหน่อยนะทุกคน ต่างคนต่างเหนื่อยมาหลายวัน แต่เห็นเม็ดเงินแล้วฉันก็ทีใจ”
คุณหญิงเอ่ยด้วยใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ หลังทุกอย่างเสร็จสรรพด้วยมือของเลขาสองวัยเสียส่วนใหญ่
“ขอบใจมากนะจ๊ะตะวัน ช่วยงานจนเสร็จเลย วันนี้เหนื่อยจริงๆ แต่พรุ่งนี้คงจะได้พักแล้วล่ะนะ”
แน่นอนว่าอาทิตยาไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้นไปได้ เพราะเจ้านายสั่งให้เตรียมตกแต่งบ้านอย่างสวยหรู เพื่อการถ่ายปกนิติยสารและให้สัมภาษณ์ออกมาดูดีที่สุด อย่างเก่งก็ได้ตื่นสายหน่อย ไปทำงานช้ากว่าปกติสักชั่วโมงแค่นั้น ผิดจากคนในมูลนิธิฯ ของคนหญิงที่ได้หยุดไปเลยหนึ่งวันเต็มๆ
“แอ๊ฟไม่ชอบยัยริซ่านั่นเลยค่ะคุณแม่ ถือว่าตัวเองเป็นรุ่นพี่กร่างกับรุ่นน้องไปทั่ว งานไหนงานนั้น ยิ่งพี่จิณไปเกาะแกะด้วยแล้ว ยิ่งไม่ชอบใหญ่ อย่าบอกนะคะว่าพี่จิณปิ๊งยัยเห็ดเน่านี่น่ะ แอ๊ฟไม่ยอมรับมาเป็นพี่สะใภ้หรอก ใครก็รู้ว่าเหลวเหปวกับใครมาบ้าง แม่นี่ชอบจับผู้ชายรวยๆ ไว้ทำผัว ระวังให้ดีเถอะถ้าพี่จิณจนแต้มขึ้นมาแอ๊ฟจะนั่งหัวเราะให้ดู”
จิรนันท์บ่นเป็นเรื่องแรก ตั้งแต่อาหารมื้อเช้ายังไม่เข้าปากคนในบ้านด้วยซ้ำ เพราะเก็บงำเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนที่เห็นพี่ชายหอบนางแบบจอมหยิ่งไปต่อหลังงานจบ จนคนพี่ต้องเลิกคิ้วใส่น้องด้วยความสงสัยในคำพูด เพราะตรงกันข้ามกับกิริยาท่าทางของคนที่เขาควงคนละเรื่อง
“จริงเหรอตาจิณ สะใภ้แบบนั้นแม่ไม่เอานะ ยิ่งคอยแต่จะกันท่าน้องอย่างนี้แม่ยิ่งไม่ชอบใหญ่”
ชมจันทร์รีบสมทบทันที ลูกชายเลยส่งเสียงอ่อยพร้อมหน้าละห้อยไปหา
“ไปกันใหญ่แล้วครับคุณแม่ ผมก็แค่คบๆ ดูๆ ไปก็เท่านั้นยังไม่จริงจังหรอกครับ”
“ก็ดีแม่จะได้หายห่วง จะคว้าใครมาทำเมียเราต้องดูดีๆ และถ้าได้แบบหนูเนมก็พอไหว ถึงจะเด็กกว่าเราหน่อยแต่ก็ชาติตระกูลดี ฐานะการเงินดีเหมาะกับเรา ว่าแต่น้องมาฝึกงานเป็นไงบ้างล่ะ จิณต้องดูแลดีๆ นะ”
จากเรื่องลูกสาวดันลามมาเรื่องสะใภ้ได้ นั่นทำให้ชายหนุ่มเซ็งนิดๆ แต่ก็ยิ้มหวานให้แม่ด้วยความอารมณ์ดี
“ผมก็ดูแลเท่าที่เวลาและโอกาสจะเอื้อเท่านั้นล่ะครับ จะเน้นพิเศษกว่าพนักงานคนอื่นได้ยังไงน้องไปฝึกงานนะครับไม่ได้ไปเป็นแขก”
ลูกบอกแม่ไปก็มองเห็นภาพสาวน้อยนารถฤดีผู้สงบเงียบ หัวอ่อนว่านอนสอนง่ายกับชุดทำงานเรียบร้อยน่ารักๆ เช้าแม่กับคนรถก็มาส่งหน้าประตูออฟฟิศ
เย็นก็มารับตรงเวลาเป๊ะ เผลอๆ ตอนสายๆ หรือบ่ายๆ ก็แวะมาดูลูกอีกรอบพร้อมด้วยของขบเคี้ยวมาฝากเขากับคนในออฟฟิศ หรือถ้าวันไหนมีงานต่อเนื่องต้องกลับช้าหน่อย
นารถฤดีก็จะต้องมาขอให้กรรมการผู้จัดการอย่างเขา หรือหนักๆ เข้าก็ต้องเป็นท่านประธานอย่างพ่อเป็นคนโทรบอกผู้แม่ด้วยตัวเอง ถึงจะยอมให้ลูกอยู่ต่อได้
เขาเองก็ไม่รู้ว่าได้คุณหนูแบบนั้นมาเป็นเมียจะดีหรือแย่สักแค่ไหน เพราะตอนนี้ยังมองไม่เห็น หรือดูไม่ออกว่าตัวเองชอบแบบไหน หรือคนจะมาเป็นเมียต้องเป็นยังไง
นิสัยใจคอเข้ากันได้มากน้อยแค่ไหน พื้นเพทางบ้านต้องทัดเทียมกันหรือไม่ เพราะเรื่องหัวใจเรื่องความรักเขามองว่ามันไม่เข้าใครออกใคร ถึงเวลาก็คงจะมาเอง
“นั่นในเวลางาน แต่พอเลิกงานเราก็พาไปกินข้าว ไปส่งบ้านบ้างสิ จะได้คุ้นเคยกันไว้ ผู้หญิงดีๆ อย่างนี้หาไม่ได้ง่ายๆ นะแม่จะบอกให้”
ผู้แม่ไม่ยอมแพ้ แต่ลูกกลับกลอกตาไปมาด้วยความรำคาญนิดๆ
“ครับผม งั้นพรุ่งนี้ผมจะขับรถไปรับและส่งให้เลยดีมั้ยครับ หรือต้องรอกินข้าวที่บ้านคุณน้านารถไปด้วยเลยดึกๆ ค่อยกับ หรือจะกลับเช้าดีล่ะครับ”
เลยประชดแม่หน่อยๆ และอยากให้เวลาสามเดือนผ่านพ้นไปเร็วๆ เพราะออกจะเบื่อนิดๆ กับการต้องคอยตอบคำถามแม่เกี่ยวกับเด็กหัวอ่อนเรียบร้อย ที่บางทีงอนกับแม่ด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ยังต้องมานั่งปรึกษาเขาว่าจะต้องทำยังไง