ตอนที่ 5 : ความสับสน
“ปล่อยให้เด็กอาการหนักขนาดนี้ได้ยังไง!”
นายแพทย์หนุ่มตวาดถามพยาบาลทันทีที่เห็นสภาพของเด็กทารกบนเบาะ เขาจับชีพจรเด็กแล้วคว้าหูฟังมาฟังปอดด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะออกคำสั่งกับพยาบาลที่ยืนทำอะไรไม่ถูก
“โทรเช็คห้องไอซียูให้ที ถ้าตัวจังหวัดไม่ว่างเราต้องไปต่างจังหวัดด่วน!”
“ค่ะคุณหมอ”
“เอาท่อหายใจมา เราต้องสวมท่อหายใจเพราะเด็กหายใจเองไม่ได้แล้ว”
ความชุลมุนเกิดขึ้นทันทีเมื่อนายแพทย์หนุ่มออกคำสั่งรัวๆ ทุกฝ่ายต่างเร่งทำหน้าที่ของตัวเอง โดยที่มีพ่อแม่เด็กคอยลุ้นด้วยหัวใจที่เต้นระทึก
“คุณหมอช่วยลูกผมด้วยนะครับ”
“คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวผมจะทำสุดความสามารถ น้องจะต้องปลอดภัย”
แม้เวลานี้เจ้าจอมจะรู้ว่าเด็กอยู่ในอาการโคม่าแล้ว แต่เขาก็ยังปลอบผู้เป็นพ่อแม่ให้มีกำลังใจ เจ้าจอมสาบานกับตัวเองว่าจะส่งเด็กต่อไปให้ทันการเนื่องจากอุปกรณ์ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลประจำอำเภอยังขาดแคลน
“คุณหมอคะ ทางห้องไอซียูจังหวัดว่างอยู่หนึ่งเตียง ทางเราจองให้เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“อืม เอาเด็กขึ้นรถด่วน”
“คุณหมอคะ รถของโรงพยาบาลเพิ่งจะไปรับคนที่ได้รับอุบัติเหตุฉุกเฉิน ตอนนี้ทางโรงพยาบาลไม่มีรถสำรองเหลือแล้วค่ะ”
‘บ้าชิบ!’เจ้าจอมอยากจะสบถออกมาแรงๆ แต่ก็ห้ามปากตัวเองไว้ได้ทัน เวลาเกิดเรื่องฉุกเฉินขึ้น เป็นแบบนี้ทุกที
“อีกกี่นาทีรถจะกลับมา”
“น่าจะไม่เกินหนึ่งชั่วโมงนะคะ”
“ไม่ทันแล้ว เด็กอาการหนักรอไม่ได้”
เจ้าจอมบอกด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล เพราะตอนนี้เขาต้องแข่งกับเวลา ซึ่งคริษฐ์ที่ยืนอยู่ข้างๆก็รีบเสนอตัวทันที
“เดี๋ยวกูขับรถให้เอง เอาเด็กขึ้นรถ”
“คุณพ่อคุณแม่ตามขึ้นรถเลยนะครับ”
นายแพทย์หนุ่มไม่ลืมที่จะหันมาบอกกับพ่อแม่เด็ก เพราะเข้าใจหัวอกความร้อนใจของผู้เป็นพ่อแม่ดี
เด็กถูกนำตัวขึ้นรถอย่างรวดเร็ว โดยมีนายแพทย์หนุ่มตามขึ้นหลังกระบะคอยตรวจเช็คอาการของเด็กน้อยอย่างใกล้ชิด คริษฐ์เองก็ใช้ความเชี่ยวชาญในการขับรถบนถนนคดเคี้ยวอย่างเต็มที่เพื่อแข่งกับเวลา จากปกติที่ใช้เวลาเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองจังหวัดนานเป็นชั่วโมงครึงก็เหลือเพียงสี่สิบนาที
.....................................................
หลังจากเหตุการณ์ชุลมุนผ่านพ้นไป และเด็กถูกนำตัวเข้าห้องไอซียูโดยมีแพทย์ผู้เชียวชาญดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว คริษฐ์ก็พานายแพทย์หนุ่มออกมาจากโรงพยาบาลมุ่งหน้าตรงไปยังคลับหรู่ในตัวเมืองทันที
สองหนุ่มนั่งดื่มกันเงียบๆต่างคนก็ต่างใช้ความคิดกับความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วยความสับสน แต่กระนั้นก็ไม่รู้จะหันหน้ามาคุยกันยังไงดี เพราะต่างคนก็ต่างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไงกับตน
กระทั่งมีสาวอกสะบึ้ม ในชุดเดรสสั้นทีดำรัดรูอวดสัดส่วนเดินเข้ามาทักสองหนุ่ม หญิงสาวใช้จริตมารยาเข้ามาตีสนิทกับชายหนุ่มเพื่อหวังจะได้ไปต่อกับเขา ซึ่งคริษฐ์นั้นเข้าใจท่าทางเชิญชวนของอีกฝ่ายดีโดยไม่จำเป็นต้องพูดมันออกมา
คริษฐ์ที่อยากลองอะไรบางอย่างหันมามองเพื่อนหนุ่มที่นั่งดื่มเงียบๆ ก่อนจะขยับมาเอ่ยกับอีกฝ่ายให้ได้ยินกันเพียงสองคน
“เอาสักคนไหมวะไอ้หมอ”
“ไม่ มึงไปเถอะ”
เจ้าจอมปฏิเสธอย่างคนไร้อารมณ์ความรู้สึก ทำให้คริษฐ์ต้องหันมาคว้าเอวคอดของหญิงสาวแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อลากเธอออกไปทำธุระกับเจ้าหล่อน
“งั้นกูขอตัวก่อน ไว้เจอกันที่ห้องก็แล้วกัน”
คริษฐ์บอกกับอีกฝ่าย ก่อนที่จะโอบเอวคอดเดินออกจากคลับไป ปล่อยให้นัยน์ตาคมหวานมองตามด้วยความรู้สึกเจ็บหน่วงๆที่หัวใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
‘กูเป็นอะไรวะ!’
เจ้าจอมสบถถามตัวเองอย่างหงุดหงิด ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรู้สึกเจ็บที่เห็นเพื่อนรักเดินควงผู้หญิงออกไป ซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคริษฐ์กับผู้หญิงคนนั้นจะไปทำอะไรกันต่อหลังจากนี้
“บ้าชิบ!”
เสียงทุ้มต่ำสบถออกมาอย่างต้องการระบายอารมณ์แปลกๆที่ก่อกวนจิตใจให้ร้อนรุ่มไม่เป็นสุข
แต่วินาทีนั้นเองนัยน์ตาคมหวานเหลือบมองไปเห็นวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่เมาได้ที่เริ่มมีปากเสียงกันอย่างดุเดือด ก่อนที่จะตามมาด้วยการทุบขวดเหล้าให้แตกเพื่อเอามาใช้เป็นอาวุธต่อสู้
ผู้คนในคลับเริ่มส่งเสียงกรีดร้อง และเอะอะโวยวาย ต่างวิ่งหนีกันชุลมุน ส่งผลให้คนที่อยากจะปลดปล่อยอารมณ์เต็มแก่เดินมาขวางกลุ่มวัยรุ่นเอาไว้ ไม่ให้เข้าถึงตัวฝ่ายตรงข้ามได้
“เฮ้ย! หยุด!”
“มึงเป็นใครวะไอ้หน้าหล่อ! มีสิทธิอะไรมาห้ามกู ถ้าไม่อยากโดนแทงก็รีบไสหัวไป”
“นึกว่ากูกลัวมึงเหรอ ไอ้กระจอก! แน่จริงมึงมาตัวต่อตัวกับกูสิวะ จะใช้อาวุธทำไม!”
เจ้าจอมเอ่ยท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว ขณะที่เตรียมพร้อมจะวางมวยใส่อีกฝ่าย ทว่ากลุ่มนั้นกลับไม่ยอมทิ้งอาวุธ แต่กลับตรงเข้ามาหาตนพร้อมๆกัน เรียกได้ว่าหนึ่งรุมสิบก็คงไม่ผิด เจ้าจอมที่ไม่ทันตั้งหลักให้ดีตกอยู่ในวงล้อมของกลุ่มอันธพาล แต่เพียงไม่นานเขาก็สามารถจัดการกับพวกมันให้ร่วงลงพื้นทีละคนด้วยศิลปะการต่อสู้ที่เหนือชั้นกว่าก่อนที่จะได้รับเสียงปรบมือจากเหล่าบรรดาชาวไนต์คลับทั้งหลาย
“ซวยชะมัด!”
นายแพทย์หนุ่มสบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะเดินออกมาจากไนต์คลับ เมื่อการ์ดที่ดูแลร้านเข้ามารับช่วงจัดการกับกลุ่มอันธพาลส่งตำรวจ
………………………………………
ทางด้านคริษฐ์ที่พาสาวสะบึ้มเข้ามาในโรงแรม ตั้งใจไว้ว่าจะจัดการกับเจ้าหล่อนให้สมกับที่ไม่ได้ปลดปล่อยมานาน แต่เมื่อกำลังจะเริ่มจูบเธอใบหน้าหยกขาวเนียน นัยน์ตาคมหวานของใครบางคนก็ผุดขึ้นมาในหัว จนเขาต้องรีบผลักร่างอรชรออกห่าง ราวกับเธอเป็นของร้อน
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมพี่หน้าเครียดๆ”
หญิงสาวเอ่ยถามเจ้าของใบหน้าหล่อเหลา ที่ตอนนี้เคร่งขรึมสนิท ราวกับไม่มีอารมณ์ที่จะทำเรื่องสนุกอย่างที่เธอคาดหวังไว้เลยแม้แต่น้อย
“ออกไปห่างๆพี่”
คริษฐ์ออกคำสั่งเสียงห้วน เมื่อเจ้าหล่อนทำท่าจะเดินเข้ามาโอบกอดตน แต่เธอก็ไม่ได้สนใจคำสั่งของเขาเลยแม้แต่น้อย ยังคงเดินเข้ามาลูบไล้อกกว้างเปลือยเปล่าแข็งแรงด้วยท่าทางเย้ายวน
“ทำไมละคะ ถ้าพี่มีเรื่องไม่สบายใจ หนูทำให้พี่ลืมมันได้นะคะ”
เสียงหวานกระซิบพร่าชิดติดใบหูสะอาดของชายหนุ่มอย่างเชิญชวน เพราะนานๆทีเธอจะได้เจอกับผู้ชายหล่อเหลา แถมยังหุ่นแซ่บน่ากิน ขืนปล่อยให้หลุดมือไปโดยที่ยังไม่ได้ลิ้มลองบทรักสุดแซ่บก็คงเสียดายน่าดู
คริษฐ์สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เมื่อมือเล็กของหญิงสาวทำท่าเป็นหนวดปลาหมึกอยู่ไม่เป็นสุข ไม่ใช่เพราะต้องการข่มอารมณ์ความต้องการครอบครองเรือนร่างอรชรของเจ้าหล่อน หากแต่เป็นเพราะกำลังข่มอารมณ์โมโหที่พูดแล้วเธอไม่ยอมฟัง
“บอกให้ออกไปไง!”
เสียงตวาดดังลั่นของคริษฐ์ทำให้หญิงสาวชะงักนิ่งด้วยความตกใจ ก่อนจะตั้งสติแล้วรีบถอยห่างอีกฝ่ายอย่างอัตโนมัติ
“คะ ค่ะ!”
“โถ่เว้ย!”
คริษฐ์สบถออกมาพร้อมกับหยิบธนบัตรสีเทาจากกระเป๋ากางเกงจำนวนสี่ห้าใบโยนมันลงบนเตียง ก่อนจะคว้าเสื้อที่ถอดทิ้งไว้บนปลายเตียงจัดการสวมอย่างลวกๆ แล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่คิดแม้แต่จะหันมามองหญิงสาวที่เขาเพิ่งจะพาเข้ามาในโรงแรม
………………………………………..
“อ้าว…ไอ้หมอ มึงกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
คริษฐ์เลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจ เมื่อกลับมาถึงโรงแรมที่ได้เช่าไว้ก่อนหน้านี้แล้วพบว่าเจ้าจอมกลับมาถึงก่อนแล้ว โดยที่อีกฝ่ายนอนหงายอยู่กลางเตียงนอนขนาดใหญ่ด้วยท่าทางเพลียๆ
“ก่อนหน้ามึงแค่แป๊บเดียว”
เจ้าจอมตอบทั้งที่ไม่คิดจะขยับตัวลุกขึ้นมานั่ง หรือหันมามองคู่สนทนา นัยน์ตาคมหวานยังคงทอดมองเพดานด้วยความคิดมากมายที่รบกวนอยู่เต็มหัว
“ทำไมวะ มึงไม่สนุกเหรอ”
“อืม แล้วมึงล่ะไอ้คิง ทำไมถึงกลับมาเร็วนักล่ะ”
“ไม่รู้สิ สงสัยวันนี้จะเหนื่อยมาก ไม่มีอารมณ์หวะ”
ตอบไปอย่างนั้นทั้งที่จริงแล้ว สาเหตุที่ทำให้ทุกอย่างพังไม่เป็นท่าเป็นเพราะคนที่กำลังนอนหงายอยู่บนเตียงนั่นเอง แต่กระนั้นคริษฐ์ก็เลือกที่จะไม่พูดความจริงออกมา
คนตัวใหญ่เดินมาหย่อนสะโพกลงบนเตียงพลางก้มลงมองคนข้างๆแล้วตัดสินใจเอ่ยถามในที่สุด
“ไอ้หมอ กูถามอะไรมึงอย่างได้ไหมวะ”
“อืม ถามมาดิ”
“มึงคิดยังไงกับไอ้พวกรักชอบเพศเดียวกันวะ”
“ทำไมมึงถามกูแบบนี้วะ”
“กูก็แค่อยากรู้ โลกนี้มันมีอะไรแปลกๆมากขึ้นทุกวันรวมทั้งการเลือกรักเพศเดียวกันด้วย ในความคิดมึง มึงคิดว่ามันถูกต้องหรือเปล่าวะ”
เพราะตัวเองกำลังรู้สึกสับสน เลยอยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไง ซึ่งในทีแรกเจ้าจอมก็เกิดตกใจอยู่ไม่น้อยที่จู่ๆอีกฝ่ายก็ถามคำถามนี้ออกมาราวกับจะรู้อะไรบางอย่างมา แต่พอนึกๆดูแล้วตัวเองยังไม่เผลอแสดงท่าทางแปลกๆกับเขาเลยเลือกที่จะทำเป็นนิ่ง และบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบแทน
“ความรักสำหรับกูไม่มีอะไรผิดถูกหรอก รักก็คือรักนั่นแหละ แบ่งแยกด้วยเพศไม่ได้”
“แล้วมึงรังเกียจคนพวกนี้หรือเปล่าวะ”
“ทำไมกูต้องรังเกียจด้วยวะ ในเมื่อความรักมันเป็นเรื่องที่สวยงามและน่ายินดี ไม่เห็นจะน่ารังเกียจตรงไหนเลย”เจ้าจอมตอบ ก่อนจะย้อนถามอีกฝ่ายด้วยความอยากรู้เช่นกัน“แล้วมึงล่ะคิดยังไงกับคนพวกนี้”
“ไม่รู้ดิ กูเฉยๆ”
สำหรับคริษฐ์แล้วเขาไม่เคยตัดสินคนด้วยเพศ เพราะเขาคิดว่าทุกคนมีอิสระที่จะเลือกอยู่กับคนที่สบายใจ