ตอนที่ 4 : หวั่นไหว
เมื่อมาถึงหมู่บ้านเล็กๆท่ามกลางหุบเขา ซึ่งใช้เวลาเดินทางนานเกือบสองชั่วโมง แพทย์อาสาก็กระจายหน้าที่กัน บางส่วนเข้าไปให้บริการตามบ้าน แต่บางส่วนอยู่ประจำจุดอำนวยการเพื่อให้บริการแก่ชาวบ้านที่เข้ามารับการรักษา
“คุณหมอคะ มีคุณแม่ท้องแก่ใกล้คลอดทางนี้ค่ะ”
เสียงของพยาบาลสาวคนหนึ่งวิ่งมาตามนายแพทย์หนุ่มที่กำลังเปิดกระเป๋ายา เพื่อตรวจเช็คอุปกรณ์ โดยมีคริษฐ์ยืนพิงเสาเต็นท์อยู่ข้างๆ
“ครับ ผมจะไปดูเอง”
เจ้าจอมตอบพยาบาลสาว ก่อนจะกวาดสายตาคมหวานมองหาผู้ช่วย แล้วก็ต้องหยุดสายตาอยู่ที่บุรุษหนุ่มร่างสูงในชุดพิทักษ์ป่าสุดเท่ที่กำลังเอนหลังยืนพิงเสาเต็นท์ในท่าสบายๆ
“ไอ้คิง มึงต้องไปช่วยกู”
“กูเนี่ยนะ!”
คริษฐ์เลิกคิ้วขึ้นสูงพลางชี้นิ้วมาที่หน้าอกของตัวเองราวกับไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน
“เอ่อสิวะ เร็วเข้า!”
เจ้าจอมยืนยันเสียงหนัก ก่อนจะสะพายกระเป๋ายาหมุนตัวเดินตามพยาบาลไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้คนที่ยังคงลังเลต้องตัดสินใจวิ่งตามไปติดๆ
แต่เมื่อมาถึงกระท่อมไม้ไผ่เล็กๆคริษฐ์แทบจะเป็นลมหงายหลังอยู่ตรงหน้าประตู เพราะภาพที่เห็นตรงหน้านั้นน่ากลัวยิ่งกว่าเห็นคนโดนยิงตายต่อหน้าต่อตา ทั้งภาพทั้งเสียงของหญิงครรภ์โตชาวกะเหรี่ยง ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ทำให้คริษฐ์ไม่กล้าที่จะเดินเข้าไป แต่ก็ถูกมือเรียวของนายแพทย์หนุ่มฉุดกระชากให้ตามเข้ามาจนได้
เจ้าจอมรีบวางอุปกรณ์ลงพร้อมกับตรวจวัดชีพจรอีกฝ่ายอย่างชำนาญ แต่พอนายแพทย์หนุ่มถลกผ้าถุงคุณแม่ชาวกะเหรี่ยงเพื่อล้วงมือเข้าไปตรวจเช็คความกว้างของปากช่องคลอด คริษฐ์ถึงกับต้องเมินไปทางอื่นเพราะไม่อาจทำใจมองได้
“ชีพจรปกติ ช่องคลอดเปิดสิบเซ็นแล้ว เราต้องทำคลอดเดี๋ยวนี้ ปิดประตูห้ามให้ใครเข้ามาจนกว่าการทำคอลดจะเสร็จ”
นายแพทย์หนุ่มบอกกับพยาบาลที่นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมออกคำสั่ง ซึ่งเธอก็พยักหน้ารับทราบ ก่อนจะรีบปฏิบัติตามทันที
“ไอ้คิง มึงดูเด็กไว้นะ ถ้าหัวออกมาแล้วบอกกู อย่าให้หัวเด็กกระแทกใส่พื้นเข้าใจไหม”
“ให้กูเนี่ยนะ!”
“ก็เอ่อสิวะ เร็วเข้า”
เจ้าจอมออกคำสั่งพร้อมกับเดินเข้าไปนั่งชันเข่าอยู่ตรงหลังหญิงครรภ์โต จากนั้นก็สอดมือเข้ามาใต้ลำแขนของผู้เป็นแม่แล้ววางฝ่ามือลงบนท้องที่นูนป่อง เพื่อช่วยดันท้องเป็นจังหวะตามแรงบีบของมดลูก เนื่องจากเห็นว่าผู้เป็นแม่เริ่มจะอ่อนแรงในการเบ่ง
“กูไม่ไหวแล้ว กูจะเป็นลม”
ผู้ช่ายจำเป็นอย่างคริษฐ์ถึงกับเหงื่อแตก เมื่อลุ้นอยู่หลายนาทีก็ไม่มีทีท่าว่าเด็กจะออกมาเสียที ขณะเดียวกันหัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความกังวล ปนหวาดเสียวแทนผู้เป็นแม่ที่กำลังร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดจนใจแทบขาด
“ใกล้แล้วอดทนไว้ คุณแม่เบ่งอีกครับ แบบนั้นแหละ ทำดีมากครับ อีกทีนะครับ”
และแล้วในที่สุด…
อุแว้ๆๆ
เสียงร้องไห้ของทารกที่เปล่งออกมา ทำให้สองหนุ่มเผลอยิ้มด้วยความโล่งอกปนยินดี คริษฐ์นั้นหลังจากที่ส่งเด็กให้กับนายแพทย์หนุ่มจัดการต่อ ตัวเองก็ถอยห่างออกมาพลางเอนหลังพิงกับฝาบ้านอย่างหมดแรง
เจ้าจอมใช้เวลาครู่ใหญ่จัดการกับเด็กและแม่ให้เรียบร้อย ก่อนจะห่อเด็กส่งให้กับคุณแม่ป้ายแดงอย่างเบามือ
“กูจะตั้งชื่อให้เด็กคนนี้”
คริษฐ์เอ่ยขึ้นเบาๆ ทว่าน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความหนักแน่จริงจัง จนเจ้าจอมต้องหันมามองคนพูด ซึ่งตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลายังเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดโตก่อนจะแย้งขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวไม่ยอม
“กูเป็นคนทำคลอด กูจะเป็นคนตั้งให้”
“ได้ไง! กูเป็นคนดึงเด็กคนนี้ออกกับมือ กูจะตั้งใจเอง”
“แล้วมึงจะตั้งว่าไง”
“ตะวัน”
ชื่อที่คริษฐ์บอกมาทำให้นายแพทย์หนุ่ถึงกับต้องส่ายหน้าไปมา อย่างไม่เห็นด้วย
“เชยชะมัด!”
คริษฐ์ชักสีหน้าเล็กน้อย เมื่อชื่อที่ตัวเองคิดมาสดๆร้อนๆถูกอีกฝ่ายหาว่าเชย
“แล้วของมึงล่ะ มึงจะตั้งว่ายังไง”
“เพอร์เฟค กูจะตั้งชื่อให้ว่าน้องเพอร์เฟค เพราะเด็กคนนี้เกิดด้วยวิธีการธรรมชาติ แถมยังมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงอย่างน่าอัศจรรย์”
“นี่มึงกะเอาตลกใช่ไหมวะไอ้หมอ”
“เพอร์เฟค มันตลกตรงไหนวะไอ้คิง มึงหยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะโว้ย!”
เจ้าจอมอยากจะถีบเจ้าของเสียงขำให้สักทีโทษฐานที่บังอาจมาหัวเราะชื่อที่ตนอุตส่าห์ตั้งให้ ทว่าก็ยังคงสงวนท่าทีต่อหน้าแม่ลูกอ่อน เพราะไม่อยากให้คุณแม่ตกใจกับด้านมืดของคุณหมอที่เพิ่งทำคลอดเธอไปเมื่อครู่
“ฮ่าๆๆ ก็มันตลกจริงๆนี่หว่า มึงคิดว่าคนป่าบนเขาแบบนี้จะมีใครเรียกชื่อที่มึงตั้งอินเตอร์เป็นกันเหรอวะ นอกจากสำเนียงจะไม่ได้แล้วคำศัพท์อาจจะเพี้ยนไปเลยก็ได้ เอางี้…กูว่าให้แม่เขาเลือกเองดีกว่าว่าจะเอาชื่อไหน ระหว่างของกูกับของมึง”
พูดจบคริษฐ์ก็หันไปถามคุณแม่ป้ายแดงด้วยภาษาถิ่นที่นายแพทน์หนุ่มไม่อาจฟังรู้เรื่อง
“มึงพูดภาษากะเหรี่ยงเป็นด้วยเหรอวะ
เจ้าจอมมองเพื่อนด้วยความทึ่งปนอึ้ง เพราะไม่คิดว่าคริษฐ์จะมีความสามารถรอบด้าน สื่อสารเป็นภาษาถิ่นได้ด้วย
“อ้าว กูมาอยู่ที่นี่หลายปีก็ต้องฝึกไว้บ้างสิ ชาวบ้านจะได้นินทากูไม่ได้ไง”
“เอ่อ แล้วสรุปแม่เขาเลือกชื่อไหน”
“เลือกของกู”
“บ้าชิบ!”เจ้าจอมหลุดสบถออกมาอย่างลืมตัว
“มึงจะหงุดหงิดไปทำไมวะไอ้หมอ ถ้ามึงอยากเรียกมึงก็เรียกคนเดียวมึงก็ได้ ไม่มีใครเขาว่าหรอก”
คริษฐ์ผู้มีชัยเหนือว่าตบไหล่หนาของเพื่อนหนักๆ ก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้งอย่างชอบใจ ต่างจากเจ้าจอมที่ทำได้เพียงขบกรามแน่นเมื่อพ่ายแพ้ให้กับผู้ช่วยจำเป็นอย่างราบคาบ
………………………………………..
หลังจากที่ทีมแพทย์อาสาเดินทางกลับมาจากหมู่บ้าน คริษฐ์ก็ชวนเจ้าจอมออกมาเดินเล่นที่สวนหย่อมหน้าโรงพยาบาล แต่เมื่อมาถึงขอบสนามฟุตบอล ซึ่งมีกลุ่มวัยรุ่นและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆกำลังแข่งกันอย่างเมามันส์เขาก็ต้องหยุดยื่นมองอย่างให้ความสนใจ
“หัวหน้าจะลองท้าแข้งกับวัยรุ่นดูไหมครับ”
เสียงของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนายหนึ่งที่คริษฐ์ชอบมาเล่นบอลด้วยเป็นประจำเดินมาถาม ทำให้คริษฐ์ต้องหันมามองเพื่อนหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆพลางเอ่ยถาม
“เอาไหมวะไอ้หมอ”
“ไม่ วันนี้กูเหนื่อยแล้ว ขอนั่งดูพอ”
เจ้าจอมปฏิเสธ เพราะตลอดทั้งวันมานี้เขาวุ่นวายกับคนไข้จนแทบจะไม่มีเวลาพัก ต่างจากคริษฐ์ที่คอยเป็นผู้ช่วยของเขาทั้งวันอีกทั้งยังช่วยขับรถไปกลับ แต่กลับไม่มีทีท่าว่าจะเหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด
“เฮ้ย! มึงถอดเสื้อทำไมวะไอ้คิง”
เจ้าจอมร้องถามเสียงหลง เมื่อจู่ๆคริษฐ์ก็ถอดเครื่องแบบลายพรางออก เหลือไว้เพียงกางเกงขาสั้นด้านในตัวเดียว
“กูร้อน ไม่ชอบใส่เสื้อเปียกเหงื่อ ฝากด้วย”
คริษฐ์บอกกับนายแพทย์หนุ่มพร้อมกับโยนเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งไว้บนเก้าอี้แล้ววิ่งลงสนามทันที ปล่อยให้อีกฝ่ายมองตามตาปริบๆ แต่แล้วก็เผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่รู้ตัว
นัยน์ตาคมหวานเผลอจับจ้องอยู่ที่เรือนร่างกำยำ สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ของคนที่เพิ่งจะวิ่งลงสนามไป ปกติเวลาที่คริษฐ์อยู่เฉยๆก็ว่ามีเสน่ห์แล้ว ยังเทียบไม่ได้กับตอนที่เขาอยู่ท่ามกลางผู้คนเลยแม้แต่น้อย เขาดูโดดเด่นกว่าใคร ทุกความเคลื่อนไหวชวนมอง ยิ่งเขาได้ครอบครองบอลก็ยิ่งน่าลุ้นตาม
‘เป็นบ้าอะไรของมึงวะ ไอ้จอม!’
เจ้าจอมสบถต่อว่าตัวเองในใจ มือขาวๆยกมือขึ้นมาจับหน้าอกด้านซ้ายเมื่อรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ขณะที่นัยน์ตาคมหวานไม่อาจละสายตาไปจากความเคลื่อนไหวสุดเซ็กซี่ของอีกฝ่ายได้ แต่แล้วก็มีเสียงของบุรุษพยาบาลนายหนึ่งปลุกให้เขาตื่นจากห้วงภวังค์
“คุณหมอครับ มีคนไข้ฉุกเฉินครับ”
“ครับ เดี๋ยวผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
หลังจากที่ได้สติกลับคืนมา เจ้าจอมก็ไม่รอช้าที่จะถอนสายตาออกจากสนามบอล แล้วลุกพรวดอย่างอัตโนมัติ แต่ก่อนที่เขาจะได้ก้าวตามบุรุษพยาบาลไปเสียงของคนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงเมื่อครู่ก็ร้องทักไว้เสียก่อน
“ไอ้หมอ จะไปไหนวะ!”
“กูมีเรื่องด่วน ต้องไปดูคนไข้ฉุกเฉิน”
“กูไปด้วย”
คริษฐ์วิ่งออกจากสนามพร้อมกับคว้าเสื้อผ้ามาแต่งอย่างลวกๆแล้ววิ่งตามนายแพทย์หนุ่มไปติดๆ