วันต่อมา..
ผมแบกร่างตัวเองมาที่มหาลัยในตอนเกือบบ่าย เพราะมีนัดส่งงานกับอาจารย์ประจำภาควิชา มันน่าแปลก ที่วันนี้มหาลัยค่อยข้างเงียบผิดปกติ ที่นั่งประจำก็ไม่มีใครนั่งรอเหมือนทุกที จนอดสงสัยไม่ได้ว่าไอ้เคมป์ ไอ้ทัพบก หายหัวไปไหนกันหมด
ผมหยุดยืนอยู่หน้าทางเข้าคณะ หยิบสมาร์ทโฟนเครื่องแพงขึ้นเลื่อนหาเบอร์ของไอ้เคมป์เป็นอันดับแรก แล้วกดโทรออก
[ ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ ]
“Damn!” ผมสบถเสียงดัง อย่างขัดใจ ก่อนเลื่อนหาเบอร์ของไอ้ทัพบกเป็นคนที่สอง และดูเหมือนว่ามันสองตัวจะนัดกันปิดเครื่องยังไงอย่างงั้น
พวกมันไปไหนกันวะ? คงเป็นประโยคเดียวที่อยู่ในหัวเวลานี้
เพราะว่าติดต่อใครไม่ได้ ผมจึงตัดสินใจเดินเข้าตึกคณะเพียงลำพัง แต่ยังไม่วายหยุดกวาดสายตามองหาเพื่อนร่วมคณะทั้งสองคน ซึ่งดูไม่มีวี่แววพวกมันโผล่หัวเข้ามาที่ตึกขณะเลยแม้แต่เงา ช่างเหอะ! ก็แค่จะมาส่งงานแล้วกลับไปนอนต่อก็แค่นั้น
ห้องอาจารย์ประจำภาคคณะ คือสถานที่ที่ผมพาตัวเองมาเพื่อยื่นงานในมือส่งเก็บคะแนน แต่ว่า ภายในห้องผมกลับพบร่างบางของบุคคลที่ผมคุ้นตาดี เธอดูมีสีหน้าเคร่งเครียดขณะกำลังคุยกับอาจารย์ประจำภาควิชาที่ดจะมีสีหน้าไม่ต่างกันนัก
ผมทำเป็นเดินไม่รู้ไม่ชี้ตรงไปยังโต๊ะอาจารย์พร้อมทั้งวางงานที่เตรียมมาในมือลงแบบเงียบที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจของคนทั้งคู่ และรีบหันหลังเร่งฝีเท้าเดินออกจากห้อง
“ปฐพี คุณจะรีบไปไหน?” เสียงดุดันที่ผมโคตรเบื่อดังทักขึ้นจนต้องหยุดฝีเท้าลง เหลียวหลังมองอาจารย์พร้อมด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
“จะกลับหอครับ”
“คุณทำงานอะไรมาส่งฉัน?” อาจารย์ส่งเสียงถามพลางหยิบงานตรงหน้าขึ้นมาดู แกขยับแว่นสายตาเล็กน้อย เหลือบมองมาทางผมอีกครั้ง “งานแบบเนี่ย นี่มันงานระดับเด็กอนุบาลชัดๆ คุณคิดว่าฉันจะให้คุณผ่านหรือเปล่าคุณปฐพี?”
เบื่อฉิบ
“ช่วยไปแก้งานทั้งหมดมาใหม่ หัวคุณไร้ความสร้างสรรค์ขนาดนั้นเชียวเหรอคุณปฐพี”
ผมกรอกตาไปมากับสิ่งที่อาจารย์แกบ่น ผมฟังคำพูดพวกนี้เกือบจะร้อยรอบสำหรับงานชิ้นเดิมๆ ที่ต้องแก้ซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่รู้จักจบสิ้น และในตอนนั้นเอง ที่สายตาของผมกลับต้องหยุดอยู่ที่ดวงหน้าสวยๆ และสายตาดูถูกดูแคลนของวันใหม่
เธอจ้องมาที่ผม ก่อนเบือนหน้าหลบ เมื่อผมจ้องเธอกลับไป
“ฟังฉันอยู่หรือเปล่าคุณปฐพี?”
“ฟังครับๆ” ผมตอบแบบส่งๆ ก้าวขาเดินกลับไปที่โต๊ะอาจารย์อีกครั้งเพื่อเก็บงานทั้งหมดที่เพิ่งส่งไปคืนไว้กับตัว
วันใหม่เหลือบหางตามองผมอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ดูเหมือนว่าเราจะจ้องสู้ตากันอยู่ครู่สั้นๆ ก่อนที่เธอจะหลบสายตาและพูดคุยกับอาจารย์อีกครั้ง
“บางคนก็แปลกนะคะอาจารย์ หัวไม่มาทางด้านนี้แต่ก็ยังจะลงเรียนสาขาที่ตัวเองไม่ถนัด”
ยัยนั่น จงใจว่ากระทบผม!
“แบบนี้แหละลูก นักศึกษาส่วนใหญ่ได้อะไรก็เลือกเรียนแบบนั้นไปก่อน ไม่คิดถึงอนาคตกับความสามารถของตัวเอง แค่มีที่เรียนก็พอ”
“หนูก็คิดแบบนั้นค่ะ” เธอยิ้มเหยียดๆ ช้อนตามองผมเพื่อให้รู้ตัว
“บางคนเขาอยากเรียน แต่ไม่ถนัดสาขาเรียนก็มี” ผมแทรกขึ้น ยกยิ้มให้สิ่งที่ตัวเองกำลังพูดออกไป พลางม้วนแผ่นงานในมือให้เป็นทรงกระบอกเพื่อที่จะถือได้ง่าย “มันเหมารวมกันไม่ได้หรอก”
“แต่ฝีมืองานเขี่ยเส้นของนายมันห่วงเกินกว่าที่เด็กมหาลัยจะทำกันนะ”
“อ๋องั้นเหรอ?”
“ใช่!”
“เก่งนักทำไมไม่มาสอนฉันซะละ?”
“ความคิดของคุณปฐพีความคิดดีนะ ฉันเห็นด้วย” เสียงของอาจารย์ภาควิชา ทำวันใหม่ที่กำลังจะอ้าปากต่อความเงียบลง เธอเหลือบมองอาจารย์กลับไปด้วยท่าทางตกใจ “ไหนๆ คุณมัลลิกาก็จะอยู่ช่วยอาจารย์เช็คงานด้วย ทำไมไม่ให้คุณปฐพี แก้งานของตัวเองที่นี่เสียเลยล่ะ?”
“ตะ...แต่”
“เพื่อนกันคุณควรจะช่วยเหลือกัน เพื่อที่จะได้จบรุ่นพร้อมกัน คุณไม่คิดว่ามันดีกว่าเหรอคุณมัลลิกา”
วันใหม่หน้าซีดเผือดทันทีที่ได้ฟังความคิดเห็นอย่างนั้น ต่างจากผมที่ดูจะยินดีที่สุดถ้าหากว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากเธอ ก็แค่ประชดน่ะ!
ผมหัวเราะออกมาเบาๆ แบบคนมีความสุข หรี่ตามองคนตัวเล็กที่เริ่มแสดงสีหน้าเคร่งเครียดกว่าเก่า
“คุณมัลลิกา” ผมจงใจเรียกชื่อจริงของเธอ โดยยังคงรอยยิ้มเอาไว้อย่างเก่า
“อะไร!”
“ออกไปซื้อกระดาษเป็นเพื่อนทีดิ J”