PANDDIN TALK
วันใหม่สั่นไปทั้งตัวแล้วเธอก็ดูจะสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผมบีบขน้ำน่าอกขนาดเหมาะมือของเธอ ร่างของเธอพยายามต่อต้านแรง ต่างจากผู้หญิงหลายๆ คนที่ผ่านมา
“อื้อ!”
ลิ้นเล็กของเธอพยายามหลบทุกจังหวะที่เผลอสัมผัสโดนกับปลายลิ้นของผมที่พยายามไล่ต้อนเธอให้จนมุม ขนาดในเวลาแบบนี้เธอยังดื้อไม่เปลี่ยนเลย และไอ้ที่เธอกำลังดื้อนี่แหละมันเริ่มทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด จนต้องกัดริมฝีปากล่างเธอเบาๆ อย่างนึกหมั่นไส้
“เล่นตัวอะไรนักหนาวะ”
“หยุด! พอที ฉันไม่ชอบ!” เธอตวาดเสียงกลับมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่านตอนแรกนัก
“คำตอบล่ะ?” ผมสบตากับเธออีกครั้งเพื่อคาดคั้นคำตอบ
“ฉันไม่มี....ไม่มีคำตอบจะให้นาย”
“ถ้าอย่างงั้นก็ต้องทำจนกว่าจะได้คำตอบ”
“หยุดนะ!” เธอปรามผมดังลั่นพยายามเอียงหน้าหลบริมฝีปากผมเหมือนทุกที จนต้องเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นที่คอขาวของเธอแทน
คนตัวเล็กดูสั่นสะท้านกว่าครั้งไหน เมื่อผมจงใจฝากคมเขี้ยวเบาๆ ไว้ที่ต้นคอเธอ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่คลายเรี่ยวแรงต่อต้านผมอยู่ดี
“หยะ...หยุด” เสียงของเธอสั่นขึ้นต่างจากทุกที ในทุกๆ จังหวะที่ผมโฉบริมฝีปากไปทั่วซอกคอขาว มือของผมมันยังคงรู้งานของมันดี พยายามสยบพยศของผู้หญิงตรงหน้าด้วยการลากนิ้วผ่านแกนกลางน่าอกไปมาเบาๆ
“พอที....ผะ แผ่นดิน!”
ยังไม่ได้ผล เธอยังไม่ยอมสงบง่ายๆ ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าดื้อดีหรือว่าลีลาดี
ผมลากปลายนิ้วจากเนินอกกลม ไล่ต่ำไปตามหน้าท้องแบนผ้าเนื้อผ้า รับรู้ถึงสัมผัสการเกร็งของเธอได้เป็นอย่างดี ร่างกายของเธอกระตุกอีกครั้ง นัยน์ตากลมเบิกกว้างเมื่อปลายนิ้วของผมสัมผัสลงจุดต่ำสุดของร่างกาย
“อ๊ะ….หยุดนะ”
เธอดูผ่อนแรงลงในทุกครั้งที่ผมขยับปลายนิ้วผ่านเนื้อผ้าช่วงล่าง จนกระทั้งแรงต้านทั้งหมดที่ผมพยายามเอาชนะมันยุติในที่สุด
วันใหม่ฟุบหน้าลงบนไหล่ผมอย่างไม่มีทีท่ารังเกียจเหมือนในตอนแรก ซึ่งเดาได้เลยว่าเธอคงหมดแรงไปกับการเกร็งตัวต้านแรงผมไปเรียบร้อยแล้ว
“หมดแรงแล้ว?”
ไม่มีเสียงตอบจากคนตัวเล็ก มีเพียงเสียงหอบเบาๆ เท่านั้นที่ดังก้อเข้ามาในโสตประสาท
“ตอบได้ยัง?”
“....”
“ไม่ตอบไม่หยุดนะ”
“พอ...พอสักที...” เธอตอบกลับมาแล้ว แต่น้ำเสียงที่พ่นออกมานั้นยังคงแสดงการต่อต้านอยู่ดี “…นายเป็นแฟนกับใบอ้อนะ”
ใบอ้อ..
อีกแล้วที่เธอชอบเอาชื่อเพื่อนของตัวเองมาเป็นเงื่อนไข
“เธอก็ชู้ไง”
“มะ ไม่! อ๊ะ...”
เธอร้องออกมาเสียงดังเมื่อผมจงใจแทรกมือผ่านเนื้อผ้าสัมผัสเนื้อในแบบตรงๆ ร่างของวันใหม่สั่นเทิ้มอีกครั้ง ขณะที่ปากยังคงเอาแต่พึมพำถึงแต่ใบอ้อ...
ก๊อกๆ !
“พี่ดิน!”
เสียงหวานๆ แสนคุ้นเคย ไม่อาจจะทำให้ผมละสายตาหรือทุกสัมผัสไปจากคนตรงหน้าได้ จนกว่าผมจะได้คำตอบที่ผมต้องการ
เสียงเคาะประตูดังถี่ขึ้น ขณะที่อารมณ์ผมรุนแรงขึ้นตามอุณหภูมิความร้อนในกายของคนตัวเล็กตรงหน้า ร่างเธอเริ่มอ่อนไปตามแรงแบบไร้การต่อต้านและขัดขืน ทว่า
“พี่ดิน เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!”
ผมชะงักไปเล็กน้อยกับเสียงวีนของหญิงสาวด้านนอกประตูห้องที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลย
“อะไรนักหนาวะ!”
ผลัก!
ยัยตัวแสบตรงหน้าที่อ่อนปวกเปียกในทีแรก อยู่ๆ กลับฮึดสู้ใช้สองมือดันอกผมอย่างแรงให้ถอยห่าง ผมรีบหันขวับมองเธอที่ทำท่าจะวิ่งหนีพลางพุ่งมือคว้าแขนเธอเอาไว้ ทว่า...
วันใหม่รีบสะบัดมือผมออกด้วยความแรงที่มีพอๆ กัน เธอพุ่งมือเข้าตบเข้าที่หน้าผมเข้าอย่างจังจนหันไปอีกฝั่งก่อนจะวิ่งลนลานตรงไปยังประตูห้องคล้ายกับกำลังหนีตาย
ผมรีบจ้ำเท้าตามหลังเธอไปแบบติดๆ เพื่อไม่ให้เธอหนีรอดไปไหน แต่ในวินาทีนั้นประตูห้องกลับถูกเธอเปิดออกกว้างได้สำเร็จ ด้านนอกปรากฏร่างของหญิงสาวลูกครึ่งที่ผมรู้จักดี
‘ซาร์ญ่า’ จ้องเขม้นมองหน้าวันใหม่สลับกับมองหน้าผมไปมา ก่อนที่วันใหม่จะเป็นฝ่ายวิ่งชนแขนเธอออกไปแบบไม่พูดไม่จา
“ยัยนั่นเป็นใคร?”
“....”
“ตอบสิคะ! ยัยนั่นเข้ามาอยู่ในห้องพี่ได้ยังไง”
“เงียบน่า!”
นั่นคงเป็นสิ่งเดียวที่ผมจะตอบซาร์ญ่ากลับไปได้ เพราะในหัวตอนนี้มันไม่มีอะไรเจ็บแสบไปเท่ากับการที่โดนยัยตัวแสบตบหน้าเน้นๆ ได้ถึงสามครั้งสามหนแบบนี้ ที่สำคัญคำตอบที่ผมต้องการ
ผมยังไม่ได้มัน!