บทที่7
โจวตงอวี่มองพระชายาในนามของตนด้วยปลายหางตา นางนั่งจิบสุราอย่างเพลิดเพลินด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม สายตาของนางไม่ได้มองมาที่เขาแม้สักนิด ดวงตากลมโตเพ่งเล็งไปที่กลางเวทียกยิ้มเล็กที่มุมปากเพียงเล็กน้อย นางไม่ชายตามมองเขามาเลยสักครั้งขนาดเขานั่งไม่ไกลจากนาง ปกตินางต้องพยายามทุกทางเพื่อให้เข้าใกล้เขามากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ โจวตงอวี่ขมวดคิ้วแล้วขมวดอีกเขาไม่ได้พบนางไม่กี่วัน เหตุใดนางถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้ แววตาเมื่อครู่ตอนที่นางเดินเข้ามาดูแข็งกร้าวและเย็นชาผิดจากทุกครั้ง ยามที่พบหน้ากันโดยบังเอิญนางมักจะมองเขาเต็มไปด้วยความเว้าวอนและตัดพ้อ
แล้วไอ้ท่าทางยกดื่มอย่างอารมณ์ดีนั่นอีก
เกิดอะไรขึ้นกับนางกัน
โจวตงอวี่รอบสังเกตท่าทางที่ผิดแปลกไปของจื่อหยาง เขานั่งดื่มยกจอกสุราเงียบ ๆนางมีแผนอะไรกัน หนนี้นางจะใช้วิธีการใดเรียกร้องความสนใจจากเขาอีกอย่างนั้นเหรอ ต่อให้นางเปลี่ยนวิธีการหรืออย่างไรเขาไม่มีวันที่จะรักนางได้
ไม่มีวัน!
สายตาคมละจากดวงหน้ากระจ่างใสของพระชายาของตนกลับไปสนใจการร่ายรำบนเวทีต่อ
จื่อหยางอมยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย บุรุษอย่างไรก็คือบุรุษไม่ว่าจะกี่ยุคสมัย เห็นของสวย ๆ งาม ๆ ย่อมต้องมองเป็นเรื่องธรรมดา นางเข้าใจถึงจะบอกว่าไม่ได้ชอบหรือรักในตัวพระชายาของตน แต่โจวตงอวี่ก็ยังแอบมอง นางรับรู้สายตาของเขาได้ ไม่น่าเชื่อว่าที่ผ่านมาบุรุษเสเพลเยี่ยงนี้อดใจไม่หลับนอนกับภรรยาของตนเองได้
จื่อหยางนั่งชมการแสดงของเหล่าสตรีที่เรือนชมจันทร์ มิน่าเล่าโจตงอวี่ถึงได้หมกตัวอยู่ที่แห่งนี้ นางเป็นสตรีด้วยกันยังอดที่จะชื่นชมรูปร่างและสัดส่วนของหญิงสาวพวกนี้ไม่ได้เลย จื่อหยางไม่ได้รังเกียจที่พวกนางเคยทำอาชีพใดมาก่อน ก่อนที่จะเข้ามาอยู่ที่เรือนชมจันทร์แห่งนี้ ขนาดในยุคปัจจุบัน โลกไปถึงไหนแล้วก็ยังมีการค้าเนื้อสดอยู่ คนที่อับจนซึ่งหนทางหรือทางเลือกมีไม่มากนัก หรือต่อให้มีทางเหลือหากเลือกที่จะทำอาชีพขายบริการทางเพศ นั่นก็เป็นสิทธิ์ของเขา ร่างกายของเขา แล้วยุคสมัยโบราณนี้เล่า พื้นดินแห้งแล้งข้าวยากหมากแพงไปทุกหย่อมหญ้า ไหนจะมีการศึกสงครามเกือบทุกปี ประชาชนที่อยู่ในเมืองหลวงสุขสบายแต่ประชาชนที่อยู่รอบ ๆ แคว้น ต้องผจญกับภัยแล้ง น้ำท่วม สงครามการพลัดพรากจากครอบครัว เป็นบุรุษก็ใช้แรงงานได้ แต่สตรีทางเลือกพวกนางมีไม่มากนักหรอกบางคนเต็มใจเข้าหอคมแดงด้วยตนเอง บางคนถูกคนในครอบครัวนำมาขายเพื่อนำเงินไปเลี้ยงปากท้องคนอื่นในครอบครัว หญิงสาวที่ไร้ซึ่งครอบครัวหรือบุรุษดูแลชีวิตย่อมยากลำบาก เดิมนางคิดจะหย่ากับองค์ชายโจวตงอวี่เพื่อออกไปใช้ชีวิตข้างนอกละทิ้งซึ่งฐานะพระชายา แต่เรื่องอะไรเล่าทำไมนางต้องไปลำบากข้างนอกเพียงลำพังอยู่ที่นี่ก็สุขสบายมีข้าวให้กินมีเงินทองให้ใช้ เพียงแต่ออกไม่สามารถออกไปด้านนอกได้ตามใจตนเองเท่านั้น
ตอนนี้ยัง นางลองขออนุญาตเขาแล้วเขาไม่ให้นางไปแต่นางเชื่อว่าตื๊อไปเรื่อย ๆ เขาต้องรำคาญเฮ้ยไม่ใช่สิ เขาต้องใจอ่อนยอมให้นางออกไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่เร็วนี้ล่ะ
โจวตงอวี่หันมามองพระชายาของตนเองอีกครั้ง แววตาที่นางมองนางรำบนเวทีเปลี่ยนไป ทุกครั้งที่นางมองเหล่าสตรีของเขาเต็มไปด้วยความริษยาและเครียดแค้น ใบหน้างดงามบูดเบี้ยวจนน่ารังเกียจยิ่งนัก แต่ในยามนี้นางกลับมองเหมยเหมยที่ได้ร่ายรำบนเวทีด้วยสายตาเทิดทูนและปราบปลื้ม หัวคิ้วคมม้วนเป็นปมอีกครั้ง จื่อหยางกำลังเล่นละครอะไรอยู่
“พระองค์จะมองหม่อมฉันอีกนานไหมเพคะ” จื่อหยางถามแต่ดวงตากลมโตไม่ล่ะจากเวที
“ข้าไม่ได้มอง! เจ้ามีอะไรน่ามองกัน” โจวตงอวี่โวยวาย รีบหันกลับไปตรงจุดที่เหมยเหมยร่ายรำอยู่
“ก็เห็นอยู่ว่ามอง” ตอแหล เสียงของนางกระชากจนเกือบจะห้วน
โจวตงอวี่หันขวับกลับมาดูวงตาวาวโรจน์ขึ้นด้วยความโกรธ นางกล้าพูดกับเขาน้ำเสียงเช่นนี้ได้อย่างไร เขาเป็นถึงองค์ชายนางเป็นแค่คุณหนูบุตรสาวเสนาบดีเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น ที่ได้เชิดหน้าชูตาแต่งเข้ามาในฐานะพระชายาเอกก็เพราะเสด็จพ่อของเขาสงสารและเมตตานางเท่านั้น
“เจ้ามีสิ่งใดน่ามองกัน เหมยเหมยของข้างดงามกว่าเจ้ายิ่งนัก เจ้าไม่ได้เศษเสี้ยวของเหมยเหมยของข้าด้วยซ้ำ”
“ไม่เถียงนางงดงามจริงๆ“
โจงตงอวี่อ้างปากค้าง ตอนนางแกล้งล้มป่วยหัวฟาดพื้นหรืออย่างไรจึงตอบเยี่ยงนี้ คนอย่างนางเนี่ยจะชมเหมยเหมยของเขา
”เสแสร้ง!“
จื่อหยางลอยหน้าลอยตายักคิ้วแถมไปอีกสองที ที่นางกล้าต่อปากต่อคำกับองค์ชาย ไม่ใช่ไม่กลัวถูกลงโทษ แต่ที่ผ่านมาไม่ว่าเจ้าของร่างเดิมจะลงมือกลั่นแกล้งเหล่าสตรีที่โจวตงอวี่โปรดปรานเพียงใด โทษร้ายแรงที่สุดคือเขาไม่คุยกับนาง โทษนั้นอาจจะทำร้ายจืาอหยางคนเดิมได้ แต่ขอโทษเถอะ ลงโทษด้วยการไม่คุยกัน อิพีชถนัดค่ะ เด็กปอสี่งอลกันชัดๆ
“พอข้าชมก็หาว่าเสแสร้ง ข้าเกลียดนางท่านก็ว่าข้าจิตใจคับแคบ เป็นท่านมากกว่าที่ใจแคบ”
นางกินยาพิษเข้าไปจนสติละเลื่อนถึงกล้ามาเถียงคำแบบนี้ ทุกทีเวลาจื่อหยางอยู่ต่อหน้าเขานางได้แต่ก้มหน้า ไม่กล้าแม้จะเงยหน้ามองเขาตรง ๆ แต่นี่ถึงกับกล้ามาเถียงเขาจนคอเป็นเอ็น เมื่อเถียงสู้ไม่ได้โจวตงอวี่ก็หันกลับไปฮึดฮัดอยู่คนเดียว
เมื่อเห็นโจวตงอวี่อ้างปากพะงาบพะงาบไม่เถียงแม้แต่คำเดียว จื่อหยางก็หยักไหล่ ก็ในเมื่อนางพูดความจริง สตรีที่ชื่อเหมยเหมยผู้นั้นงดงามหาตัวจับยาก นางก็บอกว่างดงามแล้วอย่างไร จื่อหยางยักคิ้วไปตอบกลับไปหนึ่งครั้งก่อนจะหันมายกจอกสุราขึ้นดื่มสุรากานี้หอมนุ่มละมุนลิ้นเหลือเกิน ในโลกก่อนนางต้องดื่มแอลกอฮอล์ผสมน้ำเปล่ารสชาติห่วยแตก แต่ก็ต้องฝืนกินเพราะเป็นงานและเป็นหน้าที่ บางครั้งก็มีเหล้าปลอมบ้าง ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ทะลุมิติมาเป็นถึงพระชายาขององค์ชายแถมได้ดื่มสุราดี ได้ชมการร่ายรำอันวิจิตรงดงาม
เฮ้อจะว่าไปแล้วชีวิตของลูกพีชก็มีวาสนาเหมือนกันนะเนี่ย ตายไปครั้งหนึ่งไม่เสียเปล่าตายไปครั้งสองเหมือนเกิดใหม่
จื่อหยางหันไปกวักมือเรียกเสี่ยวอันให้นำสุรากาใหม่มาเติม
“เสี่ยวอันกานี้หมดแล้ว”
โจวตงอวี่ต้องหัวขวับไปตามเสียงคอแทบเคล็ด เขาดื่มมาตั้งแต่เช้ายังไม่หมดกาแรกเลย นางพึ่งมายังไม่ถึงหนึ่งก้านธูป หมดไปแล้วหนึ่งกา โจวตงอวี่เพิ่งรู้ว่าพระชายาของเขาดื่มสุราเป็นด้วยนึกว่านางแค่เสแสร้งยกจิบเท่านั้นไม่คิดว่านางจะ…