งานแต่งตั้งองค์รัชทายาทของแคว้นต้าหยางถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แคว้นน้อยใหญ่ที่อยู่รายล้อมต่างก็มาร่วมแสดงความยินดีกันเป็นจำนวนมาก แคว้นเว่ยที่ถือว่าเป็นแคว้นใหญ่ไม่แพ้แคว้นต้าหยางก็ร่วมเดินทางมาในครั้งนี้เช่นเดียวกัน ผู้ที่ได้รับหน้าที่เดินทางมาในครั้งนี้คือหานอ๋องหรือหานหรงอี้ ซึ่งการมาของเขาในครั้งนี้ ได้สร้างความสนใจให้กับหลายๆ คนเป็นอย่างมากเพราะจะมีน้อยครั้งนัก ที่จะมีผู้มีพลังปราณสีทองสองคนมาอยู่ในที่เดียวกัน
คณะเดินทางของหานหรงอี้ได้เดินทางมาถึงยังแคว้นต้าหยางอย่างยิ่งใหญ่ พวกเขาได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีสมฐานะ
แน่นอนว่าผู้ที่เดินทางมาต้อนรับคณะเดินทางของเขาในครั้งนี้ ต้องมีตำแหน่งใหญ่โตสมฐานะของอีกฝ่าย เพื่อไม่ให้เกิดคำครหา ดังนั้นผู้ที่มาในครั้งนี้คือ เกาลี่ฉีผู้ที่มีพลังปราณสีทองเข้มเช่นเดียวกัน
เกาลี่ฉีนั่งอยู่บนหลังม้าด้วยท่าทีองอาจ ในขณะที่มาต้อนรับคณะเดินทางของหานหรงอี้ สายตาของเขาทอดมองไปยังเบื้องหน้า โดยไร้ซึ่งคลื่นลมใด หานอ๋องที่นั่งอยู่บนหลังม้าด้วยท่าทีองอาจไม่แพ้กัน ทอดมองมาที่เขาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
"ไม่คิดว่าหานอ๋อง จะเดินทางมาด้วยตนเองเช่นนี้ช่างเป็นเกียรติแก่ข้ายิ่งนัก"
"แน่นอนว่าข้าต้องมาด้วยตนเอง เพราะอยากจะพบเจอชินอ๋องสักครั้งเช่นกัน"
เกาลี่ฉียังคงสงวนคำพูดของเขาเช่นเคย "เสด็จพ่อได้เตรียมตำหนักในวังหลวงเอาไว้ให้ท่านอ๋องและพระชายาได้ทรงประทับเอาไว้เรียบร้อยแล้ว"
"ตัวข้านั้นเป็นบุรุษที่ชอบความอิสระ หากให้ข้าต้องไปอาศัยอยู่ในวังหลวงที่มีกฎระเบียบเคร่งครัดมากมายเช่นนั้น คงรู้สึกไม่เป็นอิสระเป็นแน่ และการมาในครั้งนี้ยังได้นำบุตรชายมาด้วย ข้าได้คิดเอาไว้ว่าจะพาเขาออกเที่ยวชมเมืองหลวงของแคว้นต้าหยาง เพื่อเป็นการเปิดหูเปิดตา หากว่าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปนัก ก็อยากจะขอรบกวนท่านอ๋องพักอยู่ในตำหนักของพระองค์ในช่วงเวลาที่อาศัยอยู่ในแคว้นต้าหยางนี้จะได้หรือไม่"
เกาลี่ฉีนิ่งคิดสักพัก ด้วยไม่ทราบถึงจุดประสงค์ของบุรุษเบื้องหน้า แต่หากจะให้เขาตอบปฏิเสธออกไปก็คงจะเป็นการเสียมารยาทกับอีกฝ่าย
"หากหานอ๋องไม่ถือว่าตำหนักของข้านั้นคับแคบ ก็ยินดีที่จะให้พระองค์ไปประทับอยู่ที่นั่นได้อย่างแน่นอน"
"ข้าย่อมไม่เคยคิดเช่นนั้น ขอบคุณชินอ๋องเป็นอย่างมาก"
หานหรงอี้ควบม้าออกไป เพื่อพูดคุยกับคนที่อยู่ในรถม้า "หมิงเอ๋อร์อยากออกมาขี่ม้ากับพ่อหรือไม่"
"อยากพ่ะย่ะค่ะ"
เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กชายดังขึ้น พร้อมกับใบหน้าที่ดูน่าเอ็นดู ชวนให้ผู้คนรู้สึกรักใคร่ แต่สำหรับเกาลี่ฉีแล้ว เขากลับรู้สึกแข็งค้างไปชั่วขณะ เพียงได้พบดวงหน้าของเด็กชายผู้นั้น เพราะมันมีส่วนที่คล้ายคลึงกับเขาอยู่ถึงเจ็ดส่วน
"เสด็จพ่อ"
เด็กชายอ้าแขนออกมาเพื่อที่จะให้บิดาอุ้มตนเองขึ้นไปนั่งบนหลังม้าได้สะดวกขึ้นเมื่อผ้าม่านถูกเปิดออกเกาลี่ฉีก็ได้พบกับคนด้านในโดยไม่ตั้งใจ และสิ่งนั้นก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกสติแทบจะหลุดลอยออกมา
"ชินอ๋องนี่คือหมิงห้าว บุตรชายเพียงคนเดียวของข้า" หานหรงอี้ทำทีเป็นมองไม่เห็นท่าทีที่ตกตะลึงนั้น
เกาลี่ฉีแทบจะไม่สามารถรักษาสีหน้าของตนเองเอาไว้ได้ เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
"แล้วสตรีที่อยู่ในรถม้านั่นคือ"
"ชายารองของข้าเอง"
หานอ๋องเอ่ยตอบพร้อมกับพิจารณาใบหน้าของอีกฝ่ายไปด้วย
"เจินเอ๋อร์เจ้าออกมาทำความรู้จักกับชินอ๋องเสียหน่อยเถิด"
"เพคะ"
เมื่อรับคำเสร็จหวงลี่ผิงที่ในตอนนี้ มีนามว่าเพ่ยเจินที่ดำรงตำแหน่งเป็นชายารองของหานหรงอี้ ก็ได้เดินออกมาจากภายในรถม้าแต่ละย่างก้าวของนางเป็นไปด้วยความมั่นใจ ใบหน้าที่ถูกตกแต่งมาเป็นอย่างดี สายตาของหญิงสาวฉาบไปด้วยความเย็นชาเมื่อทอดมองมาที่เขา
"ถวายบังคมชินอ๋องเพคะ หม่อมฉันมีนามว่าเพ่ยเจิน เป็นชายารองของหานอ๋อง"
"นี่เจ้า"
ยังไม่ทันที่นางจะได้กล่าวจบ เกาลี่ฉีก็ตรงเข้าไปกระชากข้อมือของนางเอาไว้ การกระทำอันอุกอาจของเขายังความตกตะลึงมาสู่ทุกคนเป็นอย่างมาก
หวงลี่ผิงรีบสะบัดข้อมือที่ถูกจับกุมไว้ออก สีหน้าของนางแสดงออกถึงความไม่พอใจ
"ชินอ๋องทำอันใดเพคะ"
หานหรงอี้เองก็รีบตรงเข้ามากระชากข้อมือที่ถูกเกาลี่ฉีกุมเอาไว้ออกอย่างแรงเช่นกัน
"ไม่ทราบว่าชินอ๋องต้องการจะทำอะไร"
"ไม่ถูก… เจ้าอย่าทำเป็นไม่รู้จักข้า หลายปีที่ผ่านมานี้ ต่อให้เจ้ากลายเป็นผุยผงข้าก็จำเจ้าได้"
เกาลี่ฉีที่ถูกแยกออกมา ทอดมองไปที่นางอย่างไม่วางตา หานหรงอี้ที่ได้ยินเขากล่าวออกมาเช่นนั้น ก็ได้เดินมาบดบังสายตาของเขาเอาไว้พร้อมกับกล่าวว่า "เกรงว่าชินอ๋องคงจะจำคนผิดแล้ว สตรีผู้นี้คือชายารองของข้า ที่ตกแต่งกันมาได้ห้าปีแล้ว นางเป็นคนแคว้นเว่ยซึ่งข้ามั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ว่าพวกท่านและนางไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเป็นแน่"
"นางจะเป็นคนแคว้นเว่ยไปได้อย่างไร ข้ารู้จักนางดี นางคือศิษย์น้องของข้าที่ร่วมเรียนวิชาสำนักอาจารย์เดียวกันร่วมสิบปีและนางยังเป็น…" เขาหยุดคำกล่าวของตนเองไว้เพียงเท่านั้น ก่อนที่จะทอดมองไปที่นางอีกครั้ง เขาสบสายตาของนางพร้อมกับกล่าวออกมาว่า "นางยังเคยเป็นชายาเอกของข้า แต่นั่นมันก็เป็นอดีต"
"ชินอ๋องท่านคงจะเข้าใจอันใดผิดแล้ว เจินเอ๋อร์เป็นคนรักของข้า พวกเรารักกันมาหลายปีก่อนที่จะตกแต่งกัน และข้ามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่านางหาใช่ชายาเอกของท่านอย่างที่ท่านได้กล่าวเอาไว้"
เกาลี่ฉีได้ยินคำกล่าวที่ยืนยันหนักแน่นเช่นนั้น เขาก็ไม่ได้โต้แย้งสิ่งใดกลับไปอีก แต่ตอนนี้เขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า สตรียังเบื้องหน้าของตนนั้นจะต้องเป็นคนรัก ของเขาไม่ผิดแน่ แต่เพราะเหตุใดนางถึงได้กลายไปเป็นชายารองของหานอ๋องได้นั้น เรื่องนี้เขาจะต้องสืบทราบมาให้จงได้
"เมื่อหานอ๋องยืนยันหนักแน่นเช่นนั้น ก็คงจะเป็นข้าเองที่จำคนผิดเสียแล้ว ต้องขออภัยหานอ๋องและพระชายาแล้ว"
สายตาของเกาลี่ฉียังคงทอดมองไปที่หวงลี่ผิงอย่างไม่วางตา จนเมื่อเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กชายดังขึ้น ถึงได้ทำให้เขาละสายตากลับมา
"ใช่แล้วเสด็จแม่กับเสด็จพ่อรักกันมาก แล้วเช่นนี้เสด็จแม่จะไปเป็นชายาของท่านได้อย่างไร"
คำกล่าวที่ไร้เดียงสาของเด็กชาย ได้สร้างความสงสัยให้กับเกาลี่ฉีเข้าไปอีกแต่สิ่งหนึ่งที่กวนใจเขาเป็นอย่างมากในตอนนี้ คือใบหน้าของเด็กชายผู้นี้ เหตุใดจึงได้มีความละม้ายคล้ายคลึงกับเขาถึงเพียงนั้นซึ่งเรื่องนี้จะต้องไม่ใช่ความบังเอิญอย่างแน่นอน
หรือว่า…!?
เกาลี่ฉีเก็บความสงสัยของตนเองไว้เพียงเท่านั้น พร้อมกับพาพวกเขาไปพักอาศัยอยู่ในตำหนักของตนเองตามที่อีกฝ่ายได้ร้องขอ
"พวกเจ้าไปสืบประวัติของนางมาอย่างละเอียด ข้าต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดอันใดขึ้น"
เมื่อเกาลี่ฉีได้เข้ามาในตำหนักของตนเอง เขาก็ได้สั่งการองครักษ์เหล่านั้นออกไป
ไม่เพียงแค่เกาลี่ฉีเท่านั้นที่รู้สึกตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็นในวันนี้ พวกเขาไม่คาดคิดว่าสตรีที่ควรจะหายสาบสูญไปนั้น จะมาปรากฏกายยังเบื้องหน้าของพวกเขาได้ และนางยังอยู่ดีเช่นนี้ หากว่าคนผู้นั้นรู้เข้า มีหวังพวกเขาได้ถูกลงโทษอย่างหนักเป็นแน่
"หวงลี่ผิงนี่เจ้ากำลังเล่นตลกอันใดอยู่"
คำถามมากมายได้ก่อกวนจิตใจของเกาลี่ฉีจนเขาไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้ผิดไปจากสิ่งที่หานหรงอี้ได้คาดการณ์เอาไว้เท่าไหร่นัก
"ต่อจากนี้ท่านจะทำเช่นไรต่อไป" หวงลี่ผิงเอ่ยถามหานอ๋องขึ้น เมื่อได้อยู่กันตามลำพัง
"การปรากฏกายของเจ้าและหมิงเอ๋อร์ในครั้งนี้ จะต้องสร้างความแปลกใจให้กับเกาลี่ฉีอยู่ไม่น้อย และสิ่งที่ตามมาคือความสงสัย ใบหน้าของหมิงเอ๋อร์มีความละม้ายคล้ายคลึงกับเขาอยู่ถึงเจ็ดส่วน หากเป็นบุรุษที่จะยังพอมีความคิด ก็คงจะไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ออกไปได้"
"เกรงว่าเขาจะยังคงถูกปิดหูปิดตา เพราะองครักษ์ข้างกายในตอนนี้ของเขา ก็หาใช่คนของเขาแต่อย่างใดซุนฮองเฮาคงไม่ยอมให้แผนการที่ได้ถูกวางไว้มาหลายปีนี้ ต้องถูกเปิดเผยเป็นแน่"
"เจ้าวางใจเถิด เขาถูกปิดหูปิดตามาหลายปี แต่หลักฐานก็ได้ปรากฏยังเบื้องหน้าแล้ว ถึงแม้จะปกปิดมันเช่นไร เขาย่อมต้องเกิดความสงสัย และเมื่อเกิดความสงสัย ก็ย่อมต้องหาทางพิสูจน์ความจริง"
หานอ๋องเดินเข้ามาใกล้นางมากขึ้น เพื่อที่จะสังเกตสีหน้าของหญิงสาว
"เป็นเจ้าเสียมากกว่าที่ต่อจากนี้จะทำเช่นไร เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขา เพื่อไม่ให้บุรุษผู้นั้นจับได้ว่าแท้ที่จริงแล้วเจ้าคือผู้ใด"
"เรื่องนั้นท่านไม่ต้องกังวลหรอก"
"ได้ยินเช่นนี้ข้าก็วางใจ เพราะหลักฐานหลายอย่าง เริ่มชี้ชัดแล้วว่าซุนฮองเฮาคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังของแผนการทั้งหมดเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งเรื่องนี้ข้าจะต้องสืบมาให้จงได้ หากเป็นนางจริง ถึงตอนนั้น ข้าจะเป็นผู้กระชากหน้ากากของนางและนำตัวนาง เพื่อมาสังเวยดวงวิญญาณให้กับท่านพ่อท่านแม่ของข้าให้จงได้"