บทที่ 4 เสี่ย!?

1613 คำ
บทที่ 4 เสี่ย!? เช้าวันต่อมา ไส้เทียนมาที่คอนโดเพื่อเก็บข้าวของกลับไปอยู่บ้าน แต่ระหว่างที่กำลังเก็บของอยู่ก็เจอกับคนที่ไม่คาดฝัน ดินแดนกระชากข้อมือเล็กจนกระเป๋าที่ถืออยู่ร่วงลงกับพื้น "นายจะไปไหน" ดินแดนถามเสียงเย็น ใบหน้าอีกฝ่ายน่ากลัว แต่มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกลัวแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเขากลับสมเพชมากกว่า ทั้งที่อีกฝ่ายตั้งใจมีคนอื่นเป็นตัวเป็นตน แต่ยังมาทำนิสัยไม่ต่างจากคนขี้ลังเลแบบนี้ "ผมจะย้ายออก ปล่อยครับ" แรงกำที่ข้อมือสร้างความเจ็บปวดให้ไม่น้อย ไส้เทียนขมวดคิ้วพลางสะบัดมือออก พอดินแดนเห็นท่าทีรังเกียจของอีกฝ่ายก็หงุดหงิด และไม่พอใจยิ่งกว่าเดิมเพราะไส้เทียนทำให้เขาเสียหน้า ราวกับเขาเป็นตัวน่ารังเกียจอย่างไรอย่างนั้น "ทำไม! นายได้เสี่ยเลี้ยงคนใหม่แล้วเหรอ" แววตาดูถูกเหยียดหยาม และคำพูดที่ส่อเสียดยิ่งทำให้ไส้เทียนรังเกียจคนตรงหน้ามากกว่าเดิม ดินแดนคือหนุ่มหล่อ รวย และมีการศึกษา เรียกได้ว่าครบองค์ประกอบของพระเอก และเป็นผู้ชายในฝันของทุกคน แต่นั่นมันก็แค่มุมมองของคนภายนอก "ใช่! ผมได้เสี่ยเลี้ยงคนใหม่แล้ว หล่อและรวยมาก มากกว่าคุณหลายเท่า" ไส้เทียนสะบัดมือออก ก่อนจะก้มลงไปเก็บกระป๋าตัวเอง แล้วเดินออกไปข้างนอก ข้าวของส่วนใหญ่เขาเก็บไปบ้างแล้วก่อนหน้านี้ เหลือก็แต่ของใช้ส่วนตัวที่เขาซื้อเองไม่กี่ชิ้น ส่วนของที่ดินแดนซื้อให้ เขาจะทิ้งมันไว้ที่นี่ทั้งหมด ของเสนียดแบบนี้ใครจะอยากเก็บไว้ ไส้เทียนเปิดประตูห้อง ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่ามีใครกำลังเดินผ่าน แถมคนนั้นยังเป็นคนที่ดูคุ้นเคย ใช้เวลาคิดไม่นานก็นึกออกว่าหมอนี่คือคนที่เจอคนแรกในโรงแรม "นายอย่ามาโกหก" ดินแดนเดินตามออกมา ก่อนทำท่าจะจับไส้เทียนอีกครั้ง แต่เขาไหวตัวทันเลยขยับถอยห่าง ก่อนจะเดินไปควงแขนกับกองทัพ กองทัพเลิกคิ้วมองแขนที่ถูกกอดแน่น แถมคนกอดยังถูไถใบหน้าพร้อมกับช้อนตาขึ้นมอง "เสี่ยครับ ผู้ชายคนนั้นจะทำร้ายผม" ใบหน้าหวานมีน้ำตาคลอฉ่ำไปทั่วดวงตา แววตาสร้อยเศร้าทำให้กองทัพหัวใจกระตุก ก่อนจะตวัดสายตามองไปที่ดินแดน "ครับ หนูไม่ต้องกลัว เดี๋ยวเสี่ยจัดการให้เอง" แขนใหญ่โอบรอบเอว แล้วรั้งเข้ามาแนบชิด แถมมือใหญ่ยังไม่อยู่เฉย บีบนวดไปบริเวณที่จับด้วย ไส้เทียนโมโหอยู่ในใจ แต่ภายนอกยังทำหน้าออดอ้อนอยู่ ไอ้ตัวร้าย! มันกล้าเอามือสกปรกมาลูบไล้เรือนร่างนี้!! กองทัพกระตุกยิ้มเมื่อเห็นแววตาของไส้เทียน "คุณกองทัพ เรื่องจริงเหรอครับ" ดินแดนพูดด้วยท่าทีเจ็บใจ ในวงการธุรกิจไม่มีใครไม่รู้จักกับกองทัพ ชายที่ได้ชื่อว่ามีอำนาจด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมากที่สุด ทั้งคู่แนบชิดสนิทกันขนาดนี้ ดูยังไงก็ต้องมีอะไรกันมาก่อน "แล้วคุณดินแดนล่ะครับ ผมเห็นงานแต่งของคุณยิ่งใหญ่เอิกเกริก ไม่ทราบว่าคุณมีปัญหาอะไรกับเด็กของผม" คำกล่าวของกองทัพยิ่งทำให้ดินแดนไม่สามารถพูดโต้แย้งอะไรได้เพราะมันคือความจริง ถ้าจะบอกว่าเขามีอะไรกับไส้เทียน นั่นจะทำให้ภาพลักษณ์ของเขาเสียหาย และอาจจะเกิดผลเสียกับธุรกิจในอนาคตได้ "เปล่าครับ งั้นเชิญพวกคุณตามสบายครับ" ดินแดนพูดอย่างอดกลั้นก่อนจะเดินตรงไปที่ลิฟต์ด้วยความโมโห ความรู้สึกที่ถูกแย่งของไปมันยิ่งทำให้ดินแดนรู้สึกไม่อยากปล่อยวางกับไส้เทียน คบกันมา 3 ปี ไม่คิดว่าไส้เทียนจะเลิกรักเขาไวขนาดนี้ ทั้งสองคนต้องแสดงละครอย่างแน่นอน คอยดูเถอะ หลังจากนี้เขาจะทำให้ไส้เทียนซมซานกลับมาหา! เมื่อดินแดนกลับไปแล้ว ไส้เทียนก็ดันกองทัพออก แต่ก็ไม่ขยับเพราะมือที่เกาะเอวไว้แน่นราวกับคีมเหล็ก "อะไรกันครับหนู จะดื้อกับเสี่ยเหรอ" กองทัพเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ยิ่งเห็นใบหน้าบึ้งตึงของไส้เทียนก็รู้สึกมีความสุข "ขอบคุณที่ช่วย แต่กรุณาปล่อยด้วยครับ" ไส้เทียนพูดเสียงเย็น แต่มันไม่น่ากลัวในสายตาของกองทัพเลย มันดูเหมือนแมวตัวเล็กที่กำลังพองขนขู่เสือมากกว่า ร่างเล็กพยายามดันตัวเองออก แต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายก็ทำได้แค่มองค้อนอีกคน "หนูได้เสี่ยแล้ว หนูก็ทิ้งเสี่ยแบบนี้เหรอ เสียใจจัง" ไส้เทียนสูดหายใจลึก ๆ พยายามไม่หัวร้อนตามการก่อกวนของกองทัพ "เสี่ยจะร้องไห้แล้วนะ หนูใจร้า---โอ๊ย!!!" พูดยังไม่ทันจบกล่องดวงใจก็ถูกกระแทกอย่างแรง กองทัพหน้าเขียวยกสองมือขึ้นกุม ไส้เทียนขยับออกก่อนจะเก็บกระเป๋าของตัวเองขึ้นมา "ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือครับ" ไส้เทียนค้อมหัวให้ ก่อนจะหันหลังเดินไปที่ลิฟต์โดยไม่สนใจกองทัพที่หน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความเจ็บปวด "ตัวแสบเอ๊ย! แรงเยอะเป็นบ้า" กองทัพสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ความเจ็บปวดที่ลูกรักทำให้ต้องเดินช้า ๆ เก็บของจากคอนโดเรียบร้อยแล้ว ไส้เทียนก็กลับมาที่บ้านอีกครั้ง ภายในบ้านเงียบสนิท พ่อกับแม่ไปข้างนอก ส่วนพี่ชายไปทำงานที่บริษัท น้องชายเรียน หลังจากที่เรียงของไว้ในห้องเรียบร้อยแล้วเขาก็นอนกลิ้งอยู่บนเตียงอย่างสบายใจ ก่อนจะเริ่มคิดว่าหลังจากนี้จะเอายังไงต่อ ถ้ายังอยู่แบบนี้เขาคงไม่สามารถแก้แค้นให้สาแก่ใจได้ ไส้เทียนเปิดโทรศัพท์เพื่อดูข่าวของเอก แต่น่าแปลก ข่าวที่เขาปล่อยถูกลบไปอย่างรวดเร็ว "สมกับเป็นนายเอกจริง ๆ" ไส้เทียนกระตุกยิ้มก่อนจะมองด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ เขาส่งหลักฐานไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นข้อความแชตที่มีวันเวลาตรงกับงานแต่งงานของเอกกับดินแดน ปกติแล้วไส้เทียนจะไม่ดูโทรทัศน์ และไม่อ่านหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร แม้แต่โทรศัพท์ถ้าไม่ได้มีเหตุสำคัญจริง ๆ ก็จะไม่ได้สนใจ แต่เจ้าตัวชอบอ่านหนังสือมากกว่า เลยไม่ได้สนใจสื่อมากนัก ก่อนแต่งงานดินแดนบอกว่าจะไปธุระที่ต่างประเทศ 1 อาทิตย์ ซึ่งไส้เทียนก็ไม่ได้ว่าอะไร แม้ว่ามันจะตรงกับช่วงวันหยุดของตัวเองพอดี ทั้งที่ตอนแรกไส้เทียนอยากชวนดินแดนไปเที่ยวด้วยกัน ตลอดช่วงวันหยุดไส้เทียนก็ทำกิจวัตรประจำวันเหมือนปกติ ทำอาหาร อ่านหนังสือ ไม่ได้ออกไปไหน บางครั้งก็ทักไปถามดินแดนว่าทำงานเป็นยังไงบ้าง เพราะทุกอย่างดูปกติเหมือนเดิมไส้เทียนเลยไม่ได้แปลกใจอะไร บางทีมันอาจจะเป็นเพราะความเชื่อใจที่มีมากเกินไป และสันดานคนเจ้าชู้ของดินแดน หลังจากส่งไปเรียบร้อยแล้วเขาก็รอดูว่าหลังจากนี้จะมีข่าวออกมาแบบไหนอีก เขาไม่จำเป็นต้องไปจับผิดอะไร เพราะหน้าที่จับผิดเป็นของนักข่าวที่ชอบทำกันอยู่แล้ว พวกนั้นคงจะสามารถจับผิดได้มากมายโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องเปลืองแรง มีอีกอย่างหนึ่งที่เขาตัดสินใจได้แล้ว หลังจากนี้จะไม่ทำอาชีพนายแบบอีก ด้วยจำนวนเงินมากมายในบัญชีเขาจะลองเดินสายนักลงทุนดู เขาเองที่มาจากอีกโลกไม่ต่างจากคนที่มาจากอนาคตที่รู้ทิศทางธุรกิจ เขารู้ว่าในอนาคตอันใกล้บริษัทไหนจะโด่งดังเป็นที่รู้จัก แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความรู้เรื่องหุ้นหรือลงทุน แต่เขาคิดว่าขอแค่รู้ว่าบริษัทไหนจะโด่งดัง หรือที่ตรงไหนจะราคาแพงก็ถือว่าได้โชคมาแบบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว หึหึ! พี่จะรวยแล้วนะน้อง! เป็นไปตามคาด ช่วงเย็นข่าวก็ออกอย่างรวดเร็ว แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะหนักกว่าครั้งที่แล้ว แฟนคลับและชาวเน็ตต่างสนใจกันมาก เพราะหลักฐานคราวนี้มันค่อนข้างชัดเจน จนสุดท้ายทางผู้จัดการของเอกก็ตัดสินใจที่จะแถลงข่าววันพรุ่งนี้ตอนเที่ยงตรง แฟนคลับมากมายต่างก็เข้ามาให้กำลังใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีนักสืบขาจรที่เข้ามาเพื่อเสพดรามา ทำให้ #saveเอก ติดเทรนด์อันดับหนึ่งอย่างรวดเร็ว ยิ่งเห็นอีกฝ่ายดิ้นรน ไส้เทียนก็ยิ่งมีความสุข คนโกหกไม่สามารถหยุดโกหกได้ หลังจากนี้คงต้องโกหกต่อไปเรื่อย ๆ แล้วก็จะเริ่มมีคนเอะใจ และสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ หลังจากที่จัดการเรื่องข่าวเรียบร้อยแล้ว เขาก็เปิดอินเทอร์เน็ตหาข้อมูลเพื่อหาแหล่งรายได้ น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ทิศทางของหุ้น เพราะเขาเล่นหุ้นไม่เป็น แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาได้เปรียบคือเขารู้ว่าในอนาคตจะมีบริษัทไหนบ้างที่โด่งดังและเป็นที่รู้จัก และค่าเงินของประเทศไหนที่สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ส่วนเรื่องหวยน่ะเหรอ...เขาเล่นหวยไม่เป็น และจำเลขหวยไม่ได้สักงวด จบข่าว!!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม