บทที่ 5 ปะทะคารม
“ฮู่วว”
ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยเหงื่อจากการออกกำลังกาย เสื้อสีขาวชุ่มเหงื่อแนบไปกับลำตัว ทำให้สายตาหลายคู่ของคนที่มาออกกำลังกายในสวนสาธารณะช่วงเช้าเหลือบมองอย่างเผลอไผล ไส้เทียนไม่ได้ตัวเล็กเหมือนเคะรับทั่วไป ด้วยรูปร่างที่เพรียวบางกับความสูง 175 ซม. บวกกับใบหน้าหล่อที่ค่อนไปทางสวยเป็นสีแดงระเรื่อหลังออกกำลังกาย ก็ทำให้เป็นที่น่าสนใจน่ามองจากทั้งหญิงและชายไม่น้อยเลย
ขวดน้ำถูกยกขึ้นสูงปล่อยให้น้ำไหลผ่านหน้าสร้างความสดชื่น
“อ่า ไม่ได้ออกกำลังกายแบบนี้มานานแล้ว”
ไส้เทียนที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำให้คนรอบข้างมองอย่างหลงใหลเอ่ยพูดอย่างผ่อนคลาย แม้ว่าจะขัดใจที่ร่างนี้อ่อนแอกว่าร่างเดิม แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร หลังจากนี้ค่อย ๆ ออกกำลังกายไปก็แล้วกัน
“เอ่อ เจ้านาย ซุ่มมองหนุ่มน้อยแบบนั้นมันดูเหมือนโรคจิตเลยนะครับ”
สิบผู้เป็นมือขวาเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีอับอาย ยิ่งเห็นสายตาของผู้เป็นนาย สิบก็เดาว่าอีกไม่นานต้องมีข่าวดีแน่ ๆ
“ฉันแค่แวะนั่งรับลม”
กองทัพเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าราบเรียบ ทั้งที่ตอนนี้กำลังนั่งแอบอยู่หลังต้นไม้ เขากัดฟันกรอด ทำไมไอ้เด็กแสบถึงทำอะไรไม่ระวังตัวแบบนี้ คิดว่าใส่ชุดขาวมาออกกำลังกายมันดีเหรอ ไหนจะผิวขาว ๆ ยอดอกสีหวานอีก! มันน่านัก! คิดว่าเป็นเด็กจะทำอะไรก็ได้เหรอ!
“เด็กสมัยนี้นิสัยไม่ดีจริง ๆ”
สิบแอบถอนหายใจ ข้อมูลที่สืบมาได้ระบุว่าไส้เทียนอายุ 25 แล้ว แม้ว่าจะหน้าเด็ก แต่อายุจริง ๆ ก็ไม่ได้เด็กเลย เจ้านายคงไม่รู้ว่าตัวเองมองคุณไส้เทียนด้วยสายตาแบบไหน
พอออกกำลังกายจนพอใจก็ตกช่วงสาย แดดเริ่มแรงแล้ว ไส้เทียนจึงเปลี่ยนมาเดินทอดน่องมองไปรอบ ๆ อย่างมีความสุข ใช้เวลาไม่นาน [WU1] ก็มาถึงบ้าน ระหว่างที่เดินผ่านห้องนั่งเล่นก็เจอกับพี่ชายพอดี เขาเลยเอ่ยทักทาย
“แปลกใจจังที่พี่อยู่บ้าน” กัปตันเงยหน้าเมื่อได้ยินเสียงน้องชาย ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าตัวไส้เทียนเต็มไปด้วยเหงื่อแถมเสื้อยังเปียกแนบเนื้อจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน พอประกอบเข้ากับใบหน้างดงามมันก็ยิ่งน่าหลงใหลมากขึ้น ซึ่งเขาไม่ชอบใจเอาเสียเลย มันต้องมีผู้ชายมองน้องชายเขาด้วยสายตาอันน่าขยะแขยงแน่ แค่คิดแบบนั้นเขาก็โมโหจนอยากจะควักลูกตาผู้ชายที่แอบมองน้องเขาออกให้หมด
“พี่ครับ” ไส้เทียนเอียงคอเมื่อเห็นว่าผู้เป็นพี่ชายทำสีหน้าแปลก ๆ เหมือนกำลังโกรธใครอยู่
“เปล่า ๆ พอดีพี่คิดอะไรนิดหน่อย”
“พี่จะเข้าบริษัทไหมครับวันนี้”
ไส้เทียนเดินไปนั่งตรงข้ามหลังจากออกกำลังกายเสร็จ ใครจะกล้าเดินเข้าไปใกล้คนอื่นถ้ากลิ่นตัวออก น่าอายแย่
แม้ว่าไส้เทียนจะคิดแบบนั้น แต่ความจริงมันไม่มีกลิ่นแบบนั้นเลย ตรงข้ามมันกลับเป็นกลิ่นหอมอ่อน ๆ
“ไม่ วันนี้พี่พัก น้องล่ะ จะออกไปไหนไหม ไหน ๆ ก็ว่าง พี่ก็อยากไปเที่ยวตามประสาพี่น้องบ้าง”
ไม่พูดเปล่า ผู้เป็นพี่ชายยังส่งสายตาออดอ้อนมาให้ หากเป็นสาว ๆ เห็นสายตาแบบนี้คงจะอ่อนระทวยพร้อมกับประเคนหัวใจให้
“ได้อยู่แล้วครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ” ไส้เทียนหัวเราะเมื่อเห็นพี่ชายส่งสายตาเป็นประกายมาให้ ถึงตอนเที่ยงจะอยากดูการแถลงข่าวของเอกแค่ไหนก็ตาม แต่พี่ชายเขานี่สิ กว่าจะหาเวลาว่างได้ งั้นเรื่องนั้นไว้ค่อยดูย้อนหลังเอาก็ได้
ไส้เทียนบอกพี่ชายก่อนจะเดินขึ้นไปอาบน้ำที่ห้องของตัวเอง หลังจากออกกำลังกายมาเหนื่อย ๆ การอาบน้ำทำให้รู้สึกสดชื่น แม้ว่าเขาไม่คิดจะทำให้ร่างนี้กลายเป็นนักกล้าม แต่เขาต้องการให้ร่างนี้แข็งแรง และมีรูปร่างที่ดี
อาบน้ำเสร็จเขาก็มาเปิดตู้เสื้อผ้า ภายในมีเสื้อผ้าแบรนด์หรูหรามากมายอัดเต็มตู้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เสื้อผ้าที่เขาเป็นคนซื้อเอง คนที่ซื้อมาใส่ในตู้คือพี่ชายสายเปย์ที่ซื้อให้โดยที่ไม่ได้ขอด้วยซ้ำ ช่างเป็นพี่ชายที่รักน้องชายจริงๆ
“แม่เจ้า ตัวนี้ราคาหลักแสนเลยนี่”
ไส้เทียนเบิกตากว้างเมื่อเห็นชุดที่หยิบมา แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความรู้เรื่องแฟชั่นมาก แต่ก็เคยเห็นชุดนี้อยู่บนตัวนายแบบชื่อดัง ไม่ใช่แค่ตัวนี้ แต่ทั้งตู้เต็มไปด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนมราคาหลักหลายหมื่นถึงหลักแสน
เขาหยิบเสื้อยืดโอเวอร์สีดำเรียบ ๆ กับกางเกงสแล็กสีขาวมาใส่ ตู้ด้านข้างเป็นเครื่องประดับ นาฬิกา เข็มขัด และรองเท้าวางเรียงรายโชว์ไว้ เขาสุ่มหยิบมั่วๆ มาอย่างละชิ้นกับรองเท้าอีกหนึ่งคู่ ก่อนจะมาส่องกระจกดูความเรียบร้อย เมื่อเป็นที่พอใจแล้วก็หยิบโทรศัพท์กับกระเป๋าเงินเดินออกจากห้อง
พอเห็นไส้เทียนเดินลงมา กัปตันก็ลุกขึ้น
“เราไปกันเถอะครับ” ไส้เทียนเกาะแขนพี่ชายพร้อมส่งยิ้มให้ ผู้เป็นพี่ชายลูบหัวทุยก่อนจะเดินออกไปด้านนอก
ทั้งคู่มุ่งหน้าไปที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง แต่การจราจรช่วงสายติดขัดไม่น้อย กว่าจะมาถึงก็ใช้เวลาไปถึง 2 ชั่วโมง
“ถ้ามีเวลาว่างมากกว่านี้เดี๋ยวพี่พาไปเที่ยวที่ไกล ๆ”
กัปตันเอ่ยขึ้นหลังลงจากรถแล้ว เขารู้สึกผิดมาตลอดว่าถ้าเขาให้ความรักความอบอุ่นกับไส้เทียนมากกว่านี้ เจ้าตัวคงไม่โหยหาความรักจนไปรักกับผู้ชายสารเลวแบบดินแดน และน้องชายเขาจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้ก็ดีแล้ว” ไส้เทียนยิ้ม
เมื่อเดินเข้ามาในห้าง หน้าตาที่โดดเด่นของสองพี่น้องก็กลายเป็นจุดสนใจอย่างรวดเร็ว
แม้จะบอกว่ามาเที่ยว แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมาเที่ยวอะไร คงได้แต่เดินเล่นมองร้านค้าไปก่อน
ขณะที่กำลังกวาดตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะสะดุดกับคู่รักที่กำลังควงแขนกัน ไส้เทียนเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นคนที่ไม่ควรอยู่ที่นี่
“ไส้เทียน!?”
ดินแดนเอ่ย ก่อนผละจากคนที่เดินอยู่เคียงข้างมาหาไส้เทียน โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้เอกทำสีหน้าน่ากลัวขนาดไหน
ทำไมเอกถึงมาอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่าต้องเตรียมตัวแถลงข่าวเหรอ
“นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ดินแดนทำท่าจะจับแขนของไส้เทียน แต่เขารีบขยับเข้ามาหลบหลังของพี่ชายเสียก่อน กัปตันขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นน้องชายถูกคุกคามต่อหน้าต่อตา
“นายเป็นใคร” กัปตันพูดเสียงเย็น ทำให้ดินแดนมีท่าทีเกร็งขึ้นมา แต่ก็ทำใจดีสู้เสือ
“อ้าว สวัสดีไส้เทียน บังเอิญจังเลยนะครับที่เรามาเดินเล่นเหมือนกัน สนใจไปเดินด้วยกันไหมครับ”
ไส้เทียนเหลือบมองคนพูด สีหน้าของเอกยังคงอ่อนโยน และเต็มไปด้วยรอยยิ้มประกอบคำพูดอ่อนหวาน
“ไม่เป็นไรครับ พอดีผมไม่อยากเดินด้วย อากาศบริสุทธิ์เสียหมด”
เอกชะงักเมื่อได้ยินแบบนั้น ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเศร้า แต่ก็พยายามฝืนยิ้ม ทำราวกับถูกรังแกทั้งที่ความจริงแล้วไส้เทียนยังไม่ทันได้ทำอะไรด้วยซ้ำ
“มะ ไม่เป็นไร” เอกยิ้มเจื่อน
“ไส้เทียน ทำไมนายพูดกับเอกแบบนั้น” ดินแดนพูดเสียงแข็ง เมื่อเห็นเอกทำท่าจะร้องไห้พร้อมกอดแขนของเขาแน่น
“เอกผิดเองครับ ความจริงผมไม่น่าไปยุ่งกับไส้เทียนเลย ถ้าอย่างนั้นคุณไส้เทียนเดินเที่ยวกับแฟนใหม่เถอะครับ”
ดินแดนกำหมัดแน่นก่อนจะมองคนที่ไส้เทียนกำลังเกาะแขนอยู่ ผู้ชายคนนี้หน้าตาหล่อเหลา ตั้งแต่หัวจรดเท้าเต็มไปด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนมราคาแพง ส่วนไส้เทียนเองที่ปกติใส่แต่เสื้อผ้าราคาธรรมดา แต่ตอนนี้ทั่วทั้งตัวกลับเต็มไปด้วยแบรนด์เนมไม่ต้องบอกก็พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายต้องได้เงินมาจากผู้ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แน่นอน
“เปลี่ยนเสี่ยคนใหม่เหรอ หึ ก่อนไปผมขอเตือนคุณไว้ก่อน ว่าเด็กใหม่ของคุณมันร้ายกว่าที่คุณคิด”
เอ่ยจบดินแดนก็หันหลังเดินกลับไป ก่อนไปไส้เทียนทันเห็นเอกส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้ด้วยท่าทีเยาะเย้ยราวกับเป็นผู้ชนะ
เขาอยากจะตะโกนบอกเหลือเกินว่าเอาไปเถอะ ผู้ชายสันดานหมาแบบนั้นเขาไม่ต้องการ
“น้องจะห้ามพี่ทำไม พี่อยากต่อยมันสักหมัด”
กัปตันเอ่ยขึ้นอย่างพยายามข่มความโกรธ ถ้าน้องชายไม่ได้เกาะแขนไว้ เขาจะกระชากไอ้ผู้ชายคนนั้นมาต่อยให้รู้แล้วรู้รอด ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่เขาโกรธขนาดนี้
“ปล่อยพวกมันไปเถอะครับ” อีกไม่นานพวกนั้นก็ได้รับผลกรรมตามการกระทำแล้ว
“ตามใจน้องเถอะ”
ผู้เป็นพี่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ถึงจะบอกน้องชายไปแบบนั้น แต่ในหัวกลับนึกถึงแผนการทำให้ชีวิตมันล่มจม เขาไม่มีทางปล่อยให้มันสองคนลอยนวลไปอย่างแน่นอน!
เดินมาสักพักก็เจอร้านคาเฟ่ ไส้เทียนชี้บอกก่อนจะจูงพี่ชายเข้าไป ร้านคาเฟ่เป็นร้านเรียบ ๆ ภายในมีคนอยู่ไม่มาก พนักงานเดินเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้ม พอเห็นสองพี่น้องเต็มตาก็หน้าแดงระเรื่อ
“รับอะไรดีคะ ร้านเรามีทั้งเครื่องดื่มร้อนและเย็น มีขนมมากมาย สามารถเลือกได้ตามความต้องการเลยค่ะ”
พนักงานบอกพลางเชิญทั้งคู่ไปนั่งที่โต๊ะ สองพี่น้องนั่งเรียบร้อยแล้วก็เปิดเมนูที่พนักงานนำมาให้ ก่อนจะสั่งอาหารที่ต้องการ เมื่อพนักงานได้รับเมนูเรียบร้อยแล้วก็ยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเดินหายไปทางหลังร้าน
“พี่ครับ ผมขอไปเข้าห้องน้ำสักแป๊บนะครับ” พอพี่ชายพยักหน้าให้ ไส้เทียนก็เดินออกจากร้านไป ระยะทางไปห้องน้ำใช้เวลาไม่นานนัก หลังจากจัดการธุระตัวเองเรียบร้อยแล้วก็ออกมาล้างมืออยู่ที่อ่างล้างมือ
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”
คำถามนั้นเรียกความสนใจของไส้เทียน เมื่อเงยหน้าขึ้นมองคนพูดก็เห็นกองทัพยืนกอดอกทำหน้าทะมึนเหมือนกับไปโกรธใครมา
“เป็นใครก็เรื่องส่วนตัวของผมนะครับ เราไม่ได้เป็นอะไรกันนี่”
ไส้เทียนเอ่ยขึ้นด้วยความรำคาญ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพ่อตัวร้ายคนนี้จะมายุ่งอะไรกับเขานักหนา ความจริงแล้วเขาไม่ชอบขี้หน้าของกองทัพตั้งแต่ตอนที่เป็นสิงโตแล้ว เขารู้สึกว่าตัวละครนี้ดูไร้เหตุผล แค่ตัวร้ายเผลอนอนด้วยก็โกรธเป็นจริงเป็นจัง เหอะ!!
“ไหนบอกว่าฉันเป็นเสี่ยนายไง”
ไส้เทียนถอนหายใจ พอเช็ดมือจนแห้งสนิท เขาก็เดินออกจากห้องน้ำ แต่ก่อนที่จะได้ออกก็ถูกคนด้านหลังกระชากเข้าไปจนร่างไปแนบชิดกับอีกฝ่าย
“คุณ! เสี่ยเส่ออะไร ตอนนั้นผมก็แค่แกล้งเพื่อปฏิเสธดินแดน” ไส้เทียนดันร่างอีกฝ่ายไว้
“ใช่สิ นายได้ฉันแล้วนายก็ทิ้ง”
ไส้เทียนเบิกตากว้าง เหนื่อยใจกับความหน้าด้านหน้าทนแถมยังขี้มโนของกองทัพ ปกติแล้วอีกฝ่ายจะสุขุมกว่านี้ไม่ใช่เหรอ นี่เขาคิดไปเองไหมว่าคนตรงหน้าตอนนี้ดูเหมือนลูกหมา
“ดูเหมือนคุณจะทำงานหนักจนสมองเบลอ น้องชายคุณหายดีแล้วเหรอ” ไส้เทียนกระตุกยิ้ม ส่งสายตาเจ้าเล่ห์จนทำให้กองทัพรู้สึกไม่ปลอดภัย เลยยอมปล่อยเขาออกจากอ้อมกอด
“ปล่อยดี ๆ ก็ได้นี่ ผมไปก่อนนะ” ไส้เทียนส่งยิ้มหวานให้ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
“ตัวแสบ รอบหน้าไม่รอดแน่” กองทัพพูดด้วยท่าทีเจ็บใจ เขาเห็นทั้งหมดตั้งแต่ตอนที่ไส้เทียนปะทะคารมกับดินแดน จนกระทั่งเดินตามอีกฝ่ายมาห้องน้ำ
ดูเหมือนชีวิตที่น่าเบื่อกำลังมีสีสันขึ้นมาตั้งแต่พบกับไส้เทียน