Chapter 5 สเต๊กจระเข้

893 คำ
พูดไปใครจะเชื่อว่าพญาจระเข้ต้องฝืนกลืนสเต๊กจระเข้จนหมดจาน มันนุ่มลิ้นสมราคาคุย สมชื่อเชฟดังที่ออกมาทักทายลูกค้าด้วยรอยยิ้ม ถามพวกเขาว่าอร่อยไหม สองหนุ่มคงตอบพอเป็นมารยาทว่ามันเป็นสเต๊กรสเลิศ เมื่อพวกเขาอิ่มอย่างไม่รู้รสชาติอาหาร ตรงข้ามหญิงสาวที่มีสีหน้าไม่เป็นสุข หยิบเอกสารออกจากกระเป๋ามาให้เขาเซ็นผิดถึงสองครั้ง จนต้องกลับไปเอาใหม่ที่ออฟฟิศ และบอกให้พวกเขารอ “แกไปเจอเธอที่ไหน?” นัยน์ตาคู่คมยังไม่ละวางจากแผ่นหลังบางในชุดสูทของพนักงานขายแม้ว่าเธอจะเดินหายเข้าห้องทำงานที่ติดฟิล์มมืดดำไปได้สักพัก “เอาเป็นว่าผมมีวิธีแล้วกันครับ ผมไม่ปล่อยให้พี่เป็นอะไรแน่” “ตอบไม่ตรงคำถาม...” “ลองดูไปก่อนนะครับ หากมีหนทางที่พอจะแก้ไขมนตร์ตาละวันได้ คุณหลวงก็ไม่ต้องตาย...” บ่าวมีสีหน้าเป็นกังวลพอ ๆ กับโทสะที่ลุกโชติในใจ ยังเผลอพูดภาษาโบราณอย่างลืมตัวตามยุคสมัยที่ตนเกิด “ไม่ต้องสงสารฉันนักหรอก ฉันอยู่ได้ มีความสุขดีกับคำสาปมนตร์นี้ด้วยซ้ำ ฉันเคยบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าต่อให้ฉันต้องตายเพราะกรรม ฉันยินดียืดอกรับอย่างลูกผู้ชาย” “แต่ผมไม่เห็นด้วยครับ ผมไม่อยากเห็นคุณหลวงถูกเสียบด้วยหอกอาคม ยิ่งเป็นไอ้ไกร... มันเสียเชิงชายนะครับ” ไกรทองเดิมชื่อ ‘ไกร’ บ้านอยู่ริมคลอง มีอาชีพทำสวนและคุมเรือสินค้า นำผลไม้จากสวนนนทบุรีไปขายที่เมืองพิจิตร หลายคนรู้จักดีว่าเป็นหมอจระเข้ ฝีมือเชี่ยวชาญด้านการปราบจระเข้ยิ่งนัก ว่ากันว่า ‘จิต’ ‘วิญญาณ’ นั้นเป็นสิ่งใกล้เคียงกัน หากร่างกายยังคงเวียนว่ายตายเกิด จิตเดินทางกลับมาที่เดิมอย่างไร วิญญาณก็เป็นเช่นนั้น พญาจระเข้ก็เช่นเดียวกัน... เมื่อถูกฆ่าด้วยน้ำมือของหมอจระเข้ ตัวเขาซึ่งต้องคำสาปมนตร์จะต้องจบชีวิตลงอย่างเดิมตามคำทำนาย หาไม่ ก็จะต้องฆ่ากันไปฆ่ากันมาไม่จบสิ้น ตามวงล้อแห่งกรรม “เรื่องตั้งนมนานกาเล แกยังไม่ลืมอีกนะไอ้คล้าว” พูดพลางแค่นหัวเราะ ขณะนายคล้าวยิ่งคิดยิ่งโมโหแทนนายผู้แสนดี ยืนขบกรามกรอด ๆ ว่า “ผมจะส่งมันกลับไปขายทุเรียนแถวนนทบุรี เอาหมอนทองฟาดหน้ามันสักกิโลฯ” “อุ๊ยขำ... ฉันได้ยินมาว่าแถวนั้นน้ำท่วมนะ รอขังมันไว้ใต้น้ำดีกว่า เดี๋ยวมันก็ขาดอากาศหายใจตายเอง” “ผมว่าถมหน้าบ้านมันดีกว่าครับ ให้รถมันจมน้ำ ให้ทรัพย์สินมันเสียหาย ให้มันร้อนใจก่อน ถ้ามีคนจะเอาเสบียงไปให้มัน เราค่อยแปลงเป็นเข้ไม่ให้ใครเข้าไปช่วยเหลือมัน” “เอางั้นเลยรึ?” เจ้านายถามตาโต มีความเห็นอีกอย่าง “แต่ฉันว่าขืนว่ายน้ำขู่มนุษย์ปีสองพันคงจะว่ายไม่ได้นาน กรมปศุฯ คงมาจับเราไปไว้ในสวนสัตว์ หรือไม่ก็... โดนชาวบ้านแถวนั้นจับทำสเต๊กแบบจานเมื่อกี้น่ะ อร่อยไหม?” นายคล้าวทำหน้าแหยงเพราะไม่ชอบกินพวกเดียวกัน ยังบ่นถึงเรื่องเก่าก่อนตอนเจอจระเข้เจ้าถิ่นแถวริมแม่น้ำของตัวเมืองพิจิตร ฟัดกันเละเทะไปข้าง คงไม่มีใครชอบมันนักหรอก เนื่องมาจากว่าพวกเขาเป็นจระเข้รักสงบ ไม่สู้รบกับใครแม้แต่งานแย่งตัวเมีย เจ้านายเองก็ด้วย ไม่ชอบทะเลาะเบาะแว้งกับตัวไหน ยิ่งจระเข้แท้ ๆ แล้วเขาไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นเดรัจฉานเหมือนพวกมัน ไม่นานนัก หญิงสาวก็วิ่งมาพร้อมเอกสารในอ้อมแขน ผมสีน้ำตาลเป็นลอนสวยกระเซอะกระเซิง หอบหายใจเพราะเหนื่อยจนหน้าอกกระเพื่อม “ขอโทษที่ให้รอนะคะ เจ้านายกันไปไหนไม่รู้ กันถ่ายเอกสารมาแล้วแต่ไม่มีลายเซ็นเจ้าของ เอกสารคงต้องเป็นพรุ่งนี้...” “ได้ครับ นัดมาแล้วกันผมไม่รีบ” “ขอบคุณมากเลยนะคะ” พูดพลันก้มศีรษะยกมือประนมแนบอกไหว้ กัญญาวีร์เหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อตัว แต่ไม่กล้าเสียมารยาทกับลูกค้า “เอ่อ... คือกันอาจจะพักผ่อนน้อยไปหน่อย ขอโทษด้วยนะคะที่พูดอะไรแปลก ๆ” “ไม่เป็นไรครับ เรื่องงานไม่มีปัญหาผมก็ไม่มีปัญหา...” “เราจะคุยเรื่องสินค้ากันต่อเมื่อไรดีคะ?” “เป็นสักอาทิตย์หน้านะครับ ออเดอร์ตามนั้น ผมขอเป็นกระเป๋ากับรองเท้าก่อน กล่องหนังจระเข้อย่างดีสำหรับใส่เน็กไท นาฬิกา เครื่องหนังอย่างอื่นผมขอตรวจสอบยอดขายของร้าน จะมาดีลงานเพิ่มทีหลัง” “แล้วทางคุณคลาวด์สะดวกเป็น...” “เงินสดครับ มาเก็บเงินที่ผมแล้วกัน” คนพี่ตอบแทนน้องชายเท่านั้น หญิงสาวผุดยิ้มกว้างเต็มวงหน้า “ขอบคุณค่ะ!” ‘เงินสด... โอนครับ’ “ขอบคุณ... ฮะ!” เธออุทาน เบิกตากว้างตะลึงหลังพูดตอบเสียงประหลาด ๆ ในหัวซึ่งเป็นเสียงของคุณชาร์ล และเธอไม่ได้คิดไปเองเพียงเห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของสองพี่น้อง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม