Chapter 6 ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ด้วยกล
หญิงสาวยืนนิ่งอึ้งตะลึงงัน ก้าวขาไม่ออก นัยน์ตาคู่สวยจับจ้องแผ่นหลังกว้างกำยำจนถึงลานจอดรถยนต์โล่งกว้างกลางแจ้ง พวกเขาขึ้นรถสปอร์ตคาร์สีแดงไปด้วยกัน
เขารู้ว่าเธอได้ยินเสียงประหลาด แล้วเธอได้ยินพวกเขาคุยกัน ไหนจะภาษาแสนโบราณนั่น!
ก่อนหน้านี้มีเรื่องที่คุณยายและพี่สาวบอกให้เธอระวังตัวเมื่อพบปะชายแปลกหน้า โดยเฉพาะปีนี้ อีกไม่กี่วันเธอจะอายุครบยี่สิบห้าปี
กัญญาวีร์เคยไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่เพราะว่าดันเกิดมามีซิกซ์เซ้นส์ พบเจอประหลาดอยู่เสมอ และอย่าว่าแต่เสียงเลย ที่ไหนว่ามีผี มีคนตาย เรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ เธอเปิดประเดิมเจอเป็นคนแรก! ประหนึ่งเครื่องส่งโทรจิตถึงวิญญาณ จนได้รับฉายาจากเพื่อนในคลาสว่ายัยแอนนาเบล
เรียนเมืองนอกตั้งแต่ไฮสคูล โดนบูลลี่เป็นประจำ กว่าจะคว้าประกาศนียบัตรจาก UK University มาได้ กลับมาทำงานเมืองไทยไม่ถึงเดือน เธอก็ยังเจอเรื่องบ้า ๆ
ยัยกันเอ๊ย มันจะเบญจเพสอาเพศอะไรนักหนา!
ใบหน้าสดสวยส่ายไปมาเพื่อสลัดความฟุ้งซ่าน เมื่อเธอยังมีงานกองเท่าภูเขารออยู่ จึงหมุนตัวก้าวฉับ ๆ ไป สะบัดปลายส้นสูงอย่างนางงามพร้อมความมั่นใจที่กลับมาอีกครั้ง
ใครต่างก็ว่าเธอเป็นคนสวย ชุดสูททำงานเครื่องแบบบริษัทธรรมดา เธอสวมแล้วดูมีน้ำมีนวล หน้าอกอวบอัดคัพใหญ่โตผ่านเสื้อเชิ้ตสีขาวสังเกตเห็นได้จนเธอต้องหยิบเสื้อคลุมติดมือไปไหนต่อไหนด้วย กระทั่งสะโพกผึ่งผายรับเอวคอดบาง หลายคนยังอิจฉารูปลักษณ์แสนมีชาติตระกูล ราวรูปสลักของหญิงไทยในหนังสือโบราณสักเล่ม แม้ว่าความเป็นจริงแล้วเธอจะเป็นแค่คนหาเช้ากินค่ำ
สาวงามตามธรรมชาติไม่เคยพึ่งมีดหมอ แค่คุณพ่อคุณแม่ให้ทรัพย์ติดตัวแต่กำเนิดมาเลยป๊อปปูลาร์ตลอด
กัญญาวีร์นึกผยองในใจ เข้าข้างตัวเองว่าคงไม่มีอะไร ใช่ครั้งแรกเสียเมื่อไร เธอเจอเรื่องแบบนี้มาทั้งชีวิตตั้งแต่มีลมหายใจมา!
มือผลักประตูกระจกที่ติดฟิล์มมืดดำสนิทเข้าไปแล้ววางกระเป๋าสีขาวใบโปรดลงบนโต๊ะ เอกสารที่หยิบติดมือไป ก่อนก้มหน้าลงมองแฟ้มกองพะเนินบนโต๊ะที่มีตราบริษัทหราอยู่บนหัวกระดาษ
‘Kawanai’ แบรนด์หนังนิยมติดตลาดไทยและส่งออกขายในต่างประเทศ ที่นี่ไม่ได้ขายแค่หนังจระเข้ ยังมีหนังปลากระเบน หนังงู และเครื่องหนังอื่น ๆ ด้วย
น้องใหม่งานดีได้รับพื้นที่พิเศษติดประตู พวกพี่ ๆ เห็นพ้องต้องกันว่าเธอมีหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับตรงนี้ ห้ามลืมเด็ดขาดว่าหากวันไหนเจ้านายอารมณ์ไม่ดี ให้รีบฉีกยิ้มกว้างหวานตรงนั้นแหละ เป็นป้อมปราการป้องกันข้าศึกด่านแรก คนที่เหลือก็จะรอด...
ในออฟฟิศขนาดกลางมีพนักงานไม่ถึงสิบ แต่ละคนทำงานขยันขันแข็งทั้งรับโทรศัพท์จากบริษัททัวร์ แผนกขายสินค้าติดต่อเจรจางานกับลูกค้า ร้านค้าขายปลีกส่ง โรงงานฟอกหนัง ตัดเย็บอย่างดี ให้ผลิตสินค้าทันตามออเดอร์
เฮ้อ... จะทำงานเสร็จไหมนี่ โดนพี่สนบ่นแน่เลย
เสียงถอนหายใจดังผ่านริมฝีปากงามกระจับเคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อน กัญญาวีร์กระแทกก้นนั่งลงบนเก้าอี้หมุน เปิดลิ้นชักหาเอกสารที่ส่งให้ลูกค้าเซ็นผิดสองรอบจนต้องรอลายเซ็นและลงตราประทับใหม่จากเจ้านาย ซึ่งวันนี้คงไม่กลับเข้ามาอีกรอบ จึงตัดสินใจโทรไปบอก
“พี่สนจะเข้ามากี่โมงคะ? พรุ่งนี้กันรบกวนพี่เซ็นอนุมัติสินค้าหน่อยค่ะ ลูกค้า VVIP พร้อมจ่ายเงินสด”
[สิบโมงครับเจอกันนะ พี่ไลน์หาอีกที]
“ค่ะ เจอกันนะคะ”
ทันทีที่วางสายจากรุ่นพี่ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เป็นเด็กสาวตัวกระจ้อยร่อยอย่าง ‘ไกรสร’ หรือพี่สน ก่อนที่เธอจะถูกส่งตัวไปอยู่เท็กซัสกับญาติห่าง ๆ คงเหมือนยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก
ร่างบางฟุบหน้านอนลงบนโต๊ะ รวบเส้นผมสยายกระจายมัดไว้ลวก ๆ บริเวณต้นคอแสนปวดเมื่อยเหนื่อยล้า เธอทำให้เพื่อนร่วมงานเป็นห่วงจนต้องถาม ‘น้องกัน เป็นอะไรจ๊ะ? เหนื่อยก็กลับบ้านก่อนได้นะ’ ทั้งที่ไม่เคยแสดงท่าทีอ่อนแอให้ใครเห็นมาก่อน
หน้าจอสี่เหลี่ยมที่มีไฟกะพริบ เสียงดังเตือนจากอีเมล บอกว่าเธอคงได้กลับบ้านมืดแน่หากว่ายังทำงานผิดพลาดอีก กัญญาวีร์จึงสลัดความเกียจคร้าน ลุกขึ้นนั่งหลังตรงอกผึ่งผายบนเก้าอี้หมุน หัวคิ้วเรียวสวยชนชิดติดกัน ปลายนิ้วเรียวเคาะแป้นพิมพ์เสียงดังกรอกแกรก รวบรวมสติกลับมาอีกครั้ง เพื่อใช้ความตั้งใจในการทำงานให้มากกว่าเดิม
“เนื้ออิ่มอวบแนบเนื้อ นวลนาง
ขยับถอดสอดแท่งกาม เข้าไซร้
เคลื่อนอีกท่าคว้าดารา ได้ต่อ หนอแม่
กี่ราตรีควบขี่ข้าง พี่นี้ ดุร้าย นำพา”
“ลามกจกเปรต! ผู้ชายที่ไหนเขาแต่งกลอนแนว Sexual Harassment จีบสาวกัน” กระแทกเสียงบริภาษว่า ทั่วทั้งวงหน้าหวานเต็มไปด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด แก้มแดงก่ำเพราะโกรธและอับอาย หนุ่มใหญ่กลับยิ้มกรุ้มกริ่ม
“แล้วน้องต้องการเยี่ยงไร?”
“สายเปย์ค่ะ พ่อบุญทุ่มหมดตัวหมดใจ กลับบ้านตรงเวลา ไปไหนกับใครส่งข้อความบอก สำคัญที่สุดคือไม่เจ้าชู้มีหลายเมีย กันไม่ชอบ ไม่เอาเด็ดขาด กลัวโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่ใช้ผัวร่วมกับใคร มีไม่ดีไม่มีดีกว่า...”
กัญญาวีร์หน้าบึ้งตึงใส่คนข้างกายที่อยู่ในชุดโบราณ นุ่งโจงกระเบนสีดำ อกกว้างกำยำเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยมัดกล้าม ผิวเหลืองนวลทอประกายสีทองอ่อนราวสีสันของแสงอรุณยามเช้า สตรีนางไหนได้เห็นคงต้องตาต้องใจทันทีเว้นเพียงเธอ ซึ่งพรั่งพร้อมด้วยสติสำนึกรู้ตน ไม่สบตา ไม่แม้แต่จะสนใจเส้นผมดำขลับมัดเกล้าแซมสีขาวเทาเป็นปอย ขนานไปกับกรามแกร่งราวม่านน้ำ
บุรุษรูปงามราวกับว่าเป็นเทวดาบนสรวงสวรรค์ ทว่าคงไม่ใช่...
บนตั่งนอนไม้สักสลักลายดอกไม้ ปูทับด้วยฟูกนอนซึ่งเธอและเขานั่งเคียงกัน ไอหมอกขาวรายล้อมรอบกายบอกว่านี่ไม่ใช่ความเป็นจริง แต่เป็นภาพนิมิต
“บอกพี่มาเถิดหนาแม่แก้ว แม่ปรารถนาสิ่งใด”
“พูดไปก็ทำไม่ได้ หาให้ไม่ได้”
“ไม่ลองรึจะรู้?”
“ไม่อยากรู้ค่ะ”
สวยเริ่ดเชิดหยิ่ง! เธอยกมือกอดอกส่ายหน้าหนีไปอีกทาง ขณะมือหนาเลื่อนมาปัดผมสีน้ำตาลซ้อนไว้หลังใบหู เขากลับถูกมองด้วยท่าทางเป็นศัตรูเต็มที่
“อย่ามาแตะแม้ปลายผม ถ้ายังไม่อนุญาต”
กุมภิลหนุ่มดึงมือออกฉับไว ยิ้มอ่อนมองแม่สาวงามดุ ที่ร้ายกว่าจระเข้ก็สายตาเจ้าหล่อน
“ฤางจะกุดเล็บพี่ไปประดับต่างหู เฉือนหางพี่ไปตัดกระเป๋าไว้หิ้วอวดเพื่อน ถึงจะยอมรับรัก...”
“มาค่ะ... กรรไกรมี” ฉับ! ใบมีดแหลมคมปรากฏในมือเรียว กรรไกรไม้โบราณกระทบกันเสียงดัง ทำเอาหนุ่มรูปงามเบิกตากว้างมองใบหน้าสดสวยโกรธขึ้งบึ้งตึง
“ไล่แล้วยังไม่ไปอีก มาสิ แม่จะเจื๋อนให้หางกุดเชียว อยากได้กระเป๋าจระเข้ใบใหม่พอดี!”
ตาคมลืมพรึบพร้อมอาการตื่นตระหนกหลังโดนข่มขู่จากสาวตัวเล็กใจกล้า เกเตอร์รุ่นใหญ่ยกมือขึ้นแนบอก เพราะไม่อยากถูกถลกหนังไปทำกระเป๋าจระเข้!