Chapter 2 บ่าวคนสนิท

1582 คำ
นายคล้าวกลับมาทันเวลาพอดีพระอาทิตย์ตกดิน ชนิดฉิวเฉียด! หวิดพลาดท่าตอนวิ่งกระวีกระวาดเข้าบ้านแล้วกลายเป็นจระเข้ปากแหลมเขี้ยวคมในทันที โชคดีที่มันเป็นประตูเลื่อนอัตโนมัติทำจากสแตนเลสสีน้ำตาลเข้มแบบปิดทึบ เลยไม่ต้องเป็นกังวลว่าเพื่อนบ้านคนไหนจะมาเห็นเข้าจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่ในเมื่อบ่าวเป็นฝ่ายบ่นเรื่องการระมัดระวังตัวในทีแรก คนอาวุโสกว่าจึงไม่พอใจเป็นอย่างมาก ในร่างสัตว์เดรัจฉานแล้วพวกเขาดุร้ายตามสัญชาตญาณ ขัดใจกันแม้เพียงเล็กน้อยเป็นอันฟาดหัวฟาดหาง ไล่กัดกันจนหมดแรง แต่พอรุ่งเช้ากลายร่างเป็นมนุษย์อย่างเดิม ต่างคนคงไม่ถือสากัน “ไงล่ะ พ่อนักธุรกิจพันล้านงานยุ่งดีนัก กว่าจะกลับบ้านเกือบสองทุ่ม” “ผมไปนั่งเล่นร้านกาแฟเพลินนี่ครับ นั่งทำงานนั่งฟังคนคุยกันจนลืมเวลาไปหน่อย” และเป็นเพราะว่าอุตส่าห์โทรไปย้ำ ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ก่อนเวลาตั้งสองชั่วโมง! คนเป็นเจ้านายก็นั่งรออยู่จนมีเรื่องนั่นแหละ “มิน่าถึงได้กลับช้า กลายพวกหลงใหลทุนนิยมตั้งเมื่อไร ไหน... เมื่อวานเก็บเงินลูกค้าได้เยอะไหม?” ชะเง้อคอมองเงินเป็นฟ่อน กับกระดาษอีกหนึ่งแผ่น พิมพ์ด้วยข้อความทว่าเซ็นด้วยลายมือ “สองแสนกว่าสั่งจ่ายเป็นเช็ก เงินสดอีกแปดหมื่นเป็นค่าเช่าที่ครับคุณหลวง” “เรียกพี่สิน้อง พี่น่ะพี่...” “ขอโทษทีครับพี่จัน ลืมครับ” ในความนอบน้อมนั้น เป็นนิสัยบ่าวผู้ไม่ชอบออกจากบ้าน เวลานั่งทำงานก็เน้นช่องทางออนไลน์ ซึ่งมันไม่ยากเลยกับการรับบทบาทเลขาฯ หลังเกษียรอายุราชการจากนายเสมียนเมื่อเจ็ดสิบปีที่แล้ว หนุ่มหน้าใสก้มหน้าลงถอนหายใจใส่โต๊ะทำงานรูปตัวแอล เงยหน้า ขึ้นถาม “เอาเป็นว่าจะพยายามนะครับ คุณ... เอ่อ... พี่จะรับงานออกแบบงานหน้าของบริษัทนี้ด้วยไหมครับ? ผมได้ยินว่าเจ้าของทำฟาร์มจระเข้” “รับสิ เก็บเงินพานายไปเที่ยวไงไอ้น้องรัก งานหนักแค่ไหนก็รับมาเถอะ” พูดพลันรับเงินมานับก่อนเก็บลงลิ้นชักอย่างดิบดี นายจันไม่ได้ฉุกใจเรื่องบ่าวที่คงจะนั่งร้านกาแฟนาน จนกลับมาทำเรื่องเซอร์ไพรส์ เปลี่ยนคำพูดจาไปเป็นคนละคน “ผมว่าพี่จันมีเงินเก็บตั้งเยอะแยะ ทำไมขยันรับงาน” คนฟังเลิกคิ้วขึ้น “อืมม... นั่นซี” หยิบยื่นแบงก์สีเทาส่งให้ประมาณหนึ่ง “เอานี่... สามหมื่นค่าขนม” บ่าวยกมือโบกไปมา “คือผมเกรงใจครับ ผมเองก็พอมีอาชีพ มีรายได้จากหุ้นอยู่ เหลือกินเหลือใช้” “ตกลงไม่เอาใช่ไหม? เงินน่ะ ตั้งสามหมื่น...” พอถูกคะยั้นคะยอ นายคล้าวก้มหน้าลงมองเงินเป็นฟ่อน ๆ กลืนน้ำลายลงคอพอนึกถึงเนื้อชั้นดีราคาสูงพอสมควร “เอ้า... เร็ว ๆ ไม่เอาก็ไม่ให้แล้วนะ” “ขอบคุณครับพี่... เอาก็ได้ครับ” ผู้น้อยยกมือไหว้ปลก ๆ เลื่อนมือไปรับสินน้ำใจหลังเปลี่ยนใจกะทันหัน ก่อนหมุนตัวเดินกลับไปห้องทำงานของตัวเอง “แหม... ไอ้เข้ตัวนี้กินเก่ง ชั้นเชิงเยอะ” รอยยิ้มผุดขึ้นบนวงหน้าหล่อเหลา ตาคมมองตามแผ่นหลังของร่างสูงในเชิ้ตสีเทา กางเกงสแล็ค เข็มขัดราคาแพงสมฐานะ ทุกวันนี้ไม่รู้ว่าใครดูแลใคร ตั้งแต่เลิกล้มระบบศักดินานายบ่าว พวกเขาพึ่งพาอาศัยกันฉันพี่น้อง ขนาดรหัสตู้เซฟ บัญชีธนาคาร แอปพลิเคชันในมือถือ ไม่มีเรื่องไหนเป็นความลับต่อกัน เสื้อผ้าหน้าผม คนเข้าสังคมมากกว่าอย่างนายจันคอยเลือกซื้อให้ ให้คำแนะนำตามการแต่งตัวตามยุคสมัย แบ่งปันกันใช้ประสาหนุ่มโสด ห้องนอนที่เข้าโทนสีกันกับจระเข้หนุ่มคือสีเขียวเข้ม สลับกับสีขาวและดำ ห้องกว้างขวางกั้นเป็นสัดส่วนแยกเป็นห้องทำงานในตัวห้องนอน จัดสไตล์โมเดิร์นลอฟต์ซึ่งเป็นที่นิยมตามยุคสมัย วางของเก่าแก่โบราณไว้บ้างบางชิ้นบนตู้หนังสือและชั้นวางของขนาดใหญ่ ทาสีให้ต่างจากห้องนอนของตัวเองที่เป็นสีขาว-ดำ นายจันตกแต่งให้เองกับมือ ดังนั้นห้องทั้งสองห้องในฝั่งตรงกันข้ามจึงเหมือนกัน ต่างกันแค่โทนสี ไอ้น้องชายตัวดีแอบหนีไปรื้อตู้เย็นหาของกินล่ะสิ... คิดพลันฉุกใจนึกขึ้นได้ว่าควรเอาใจใส่จระเข้หนุ่มให้มากกว่านี้ ออกเที่ยวให้น้อยลงแล้วกลับบ้านเสียบ้าง ยิ่งเมื่อคืนฟัดกันเลือดอาบจนจระเข้ตัวเล็กกว่าหนีเข้าห้องนอนไป ธรรมดาเขาต้องรู้สึกผิด ร่างสูงในเชิ้ตสีดำสนิทเดินตามบ่าวที่ลงไปชั้นล่าง ส่ายคอมองหาคนในห้องครัวที่แทบจะทำตัวหายไปกับตู้เย็นสีดำสนิท ปกติพวกเขาทานอาหารกันเหมือนมนุษย์ แต่ถ้ามื้อไหนหิวหน่อยก็แปลงกายเป็นไอ้เข้สายเขมือบ ไม่ทันที่นายคล้าวจะได้ทานเนื้อก้อนโต หลังเปิดตู้เย็นแยกเขี้ยวเตรียมหาของกิน เจ้านายหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะรับประทานอาหารที่ทำจากไม้สักในห้องครัวสไตล์ร่วมสมัย “นี่ไอ้น้อง... โทษทีนะเมื่อคืนมือหนักตีนหนักไปหน่อย หงุดหงิดน่ะ” บ่าวได้รับคำขอโทษกลับทำตาขวาง ทว่าพอเจ้านายตบบ่าอย่างลูกผู้ชาย ขอให้ลืมเรื่องบาดหมางใจ นายคล้าวคงพอจะลืมมันได้ ขณะมือหนายังถือเนื้อวัวก้อนใหญ่ซึ่งนำออกมาจากช่องแช่แข็ง โดยไม่ได้เอาเข้าปากสักที เพราะเมื่ออยู่ในร่างมนุษย์ คงต้องทำให้มันอุ่นขึ้นเสียก่อน เรื่องของดิบถ้าสดสะอาด พวกเขาทานมันได้ แต่ถ้าไม่... ก็เคยต้องปวดท้องไปหาหมอเหมือนคนทั่วไป “ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ แกก็รู้นี่... ตกดึกทีไรใครขัดใจไม่ได้ อารมณ์เสียทุกที” “ผมคงไม่โกรธอะไรแล้วล่ะครับ ผมเข้าใจ ตามสบายนะพี่” เจ้านายฉีกยิ้มกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวคมตรงมุมปาก “งั้นไปนะ... ไปดูซีรีส์ต่อดีกว่า” “เอ๊ะ... พี่ติดดูทีวีหรือ? ดูอะไรอยู่ล่ะ” “หลายเรื่อง ซีรีส์ฝรั่งเกาหลีบู๊ล้างผลาญ นางเอกสวยดี อีกเรื่องอะไรนะ... จิ้งจอกเก้าหางหรืออะไรสักอย่าง” “เหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบปีนะครับ... เดี๋ยวก็ไม่ได้ดูแล้ว ถ้ายังอยากดูหนัง ยังอยากเที่ยว เราต้องตามหาแม่ตะเภาทอง” ตะเภาแก้ว ตะเภาทอง เป็นลูกสาวเศรษฐีเมืองพิจิตร พญาจระเข้เคยคาบแม่ตะเภาทองไปอยู่ด้วยในเมืองบาดาล เสกให้หลงด้วยมนตร์เสน่ห์ แต่ในเมื่อนางเอกต้องลงเอยกับพระเอกอย่างหมอจระเข้อยู่แล้ว ไอ้ชาละวันก็ถูกเสียบด้วยหอกอาคม นายจันและนายคล้าวได้ยินมาว่าเวทย์อาคมเพียงเท่านั้นจะแก้ไขสิ่งที่พวกเขาเป็น ไม่เช่นนั้นก็ต้องตาย... “น่าสงสารพ่อชาละวันเสียจริง เชื่อเถอะว่าหล่อนไม่มีตัวตน ถ้าเจอ ฉันคงเจอไปนานแล้วไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน วนเวียนอยู่กับอสงไขย[1] เช่นนี้ ฉันอยู่มากี่ร้อยปี” “เป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรเลยสักอย่างเหมือนเดิมนะครับ” “เชื่อ... แต่สิ่งที่พิสูจน์ได้ด้วยตา สัมผัสมันได้ด้วยสัญชาตญาณ ฉันต้องเห็นมันด้วยสองตาของฉันเอง ฉันคงเหมาะกับเด็ก ๆ ยุคนี้ที่สุดแล้วล่ะ” และเขาก็จะไม่เชื่อต่อไป ใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข ประหนึ่งว่าได้รับรางวัลมากกว่าคำสาปอันน่ารังเกียจ หนุ่มใหญ่ยิ้มใจดี คนเป็นลูกน้องกลับถอนหายใจ “ถ้าเหงา อยากได้อะไรบอกผมนะครับ อย่าหนีไปเที่ยวไหนคนเดียวอีกนะ” “โอเค้...!” รับปากแล้วร่างสูงก้าวหนีไปไว ๆ กระโดดลงสระน้ำกลางบ้านดังตูม! น้ำสีฟ้าอมเขียวมรกดสาดกระจายเป็นวงกว้าง ด้วยความตกใจของบ่าว ก้าวพรวดไปชะโงกคอมองหาเจ้านายที่เตรียมตัวหนีเที่ยว ก่อนจะพบรอยยิ้มร่าเริงบนบนใบหน้าหล่อเหลา ลอยคออยู่เหนือน้ำ “จะไปไหนครับ!?” “มุดหัวลงถ้ำบาดาลสักสองสามวัน เดี๋ยวกลับมา แถวนี้มันน่าเบื่อ” “หนีเที่ยวได้ แต่วันมะรืนนี้พี่ต้องกลับมาทำงานให้ทันนะครับ...” “ปกติไม่เห็นจะออกตัวเข้าสังคมไม่ใช่รึ หมกตัวอยู่แต่ในห้องมากี่สิบปี อารมณ์ไหน ทำไมถึงไปรับงานมาให้ปวดหัว เฮ้อ!” ที่ปรึกษาสถาปนิก วิศวกรระดับสูงในคราบครึ่งสัตว์เลื้อยคลานขณะนี้ไม่อยากเจรจานาน หางขนาดใหญ่มหึมาสีดำสนิท น่าสะพรึงกลัวงอกออกมา ฟาดน้ำสาดกระเซ็นใส่บ่าวจนเสื้อเชิ้ตกางเกงตัวหล่อเปียกชุ่มไปทั้งตัว ก่อนที่เจ้าตัวจะหายลงไปในผืนน้ำ ไม่ทันได้ฟังประโยคสุดท้ายใต้รอยยิ้มมีเลศนัย “ผมกำลังตามหาคนยังไงล่ะ ถึงได้ออกไปนั่งเล่นร้านกาแฟตามคำแนะนำของคุณหลวงน่ะ... หึหึ” [1] มากจนนับไม่ถ้วน , ไม่รู้จบ, ไม่มีที่สิ้นสุด , กาลเวลาที่นานเสียจนนับไม่ได้ว่ากี่เดือนกี่ปี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม