Chapter 1 บ่าวคนสนิท

1670 คำ
“พุทโธ่! คุณหลวงขึ้นฝั่งไปที่ไหน ทำไมไม่บอกผมครับ!?” เสียงตวาดว่าเสียใหญ่โตของหนุ่มร่างเล็กอ้อนแอ้น มือเท้าเอวมองชายในสูทหล่อเหลา วางตุ๊กตาจระเข้น่ารักและถังกลมลายซูเปอร์ฮีโร่ยอดฮิตลงในฝั่งซ้ายและขวา “ทำไมล่ะ? ไม่ใช่นักโทษซะหน่อย อยากไปไหนฉันก็ไป...” “ขืนโดนจับไปผมจะทำยังไง ไถ่ถอนตัวออกมาจากสวนสัตว์ไม่ได้ง่าย ๆ นะครับ นี่... แล้วถ้าเจอคนไม่ดี...” “ได้โดนถลกหนังไปทำกระเป๋าใช่ไหม? ฉันยังไม่เคยเห็นอะไรที่แกว่ามาสักอย่าง ยุคนี้มันศิวิไลซ์จะตายดูซี... มีทุกอย่าง มือถือ อินเทอร์เน็ต ฉันดูซีรีส์ได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ” พูดพลางเคี้ยวป๊อปคอร์นกรุบกรอบรสชาติจืดสนิท นัยน์ตาสีแดงที่มีรูรับภาพแสงคมปลาบราวดวงตาของจระเข้ เหลือบมองหนุ่มร่างเล็กความสูงเพียงระดับบ่า เมื่อเจ้าตัวกระแทกก้นนั่งลงบนโซฟาตัวเดี่ยวข้างกัน ในสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด “คุณหลวงนี่พูดอย่างไร เดือนนู้นก็โดนลูกดอกยาสลบ ซมซานคลานมานอนอืดอยู่หน้าบ้าน ดีนะ กลายร่างเป็นคนเสียก่อนจะได้เป็นหนูทดลองที่ศูนย์วิจัย...” “พิกลล่ะ ไอ้เข้เกเตอร์จะกลายเป็นหนูได้ยังไงกัน...” หนุ่มใหญ่ส่งเสียงหัวเราะดัง หน้าโทรทัศน์ขนาดใหญ่กว่าห้าสิบนิ้วในห้องมืดสลัว ไฟจากจอแอลซีดีกะพริบตามการเคลื่อนไหวของนักแสดงในนั้น บ่าวเห็นเจ้านายหยิบโยนข้าวโพดคั่วเข้าปากไม่หยุดหย่อน ตาหลุบมองของบนโซฟาสีดำกำมะหยี่อย่างสงสัย “แล้วตุ๊กตาอะไรนั่นครับ?” “ของเด็กน้อย เก็บมาได้ ของฟรี” พูดพลางหัวเราะหึหึในลำคอ บ่าวจึงส่ายหน้าอย่างเอือมระอาปากว่า “ดูเถอะครับ คุณหลวงไม่เคยฟังผมเลย มีเรื่องวิวาทมาทีไร ไอ้คล้าว ๆ ช่วยกูด้วยโว้ย!” เลียนเสียงตะโกนแหกปากของเจ้านาย ที่เคยกลายร่างงอกออกมาแค่หาง วิ่งเดือดร้อนมาถึงหนุ่มวัยรุ่นอายุร้อยกว่า ๆ ต้องเข้าไปช่วยปกปิดความลับไม่ให้รั่วไหล สรีระของนายจันสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตร ร่างหนาใหญ่กำยำเท่าฝรั่งตัวโต ๆ ไปไหนมาไหนสาวน้อยใหญ่คอยแต่จะกรี๊ดกร๊าดชอบใจ แม้ว่าเวลากลางวันเขาต้องใส่คอนแทคเลนส์ปกปิดนัยน์ตาสีแดงสดสวยไว้ต่างจากนายคล้าว บ่าวไม่ใช่ชายร่างสูงใหญ่แต่ก็ไม่อ้อนแอ้นมากนัก ความสูงแค่ประบ่าของนาย นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนธรรมชาติ กลายร่างแล้วยังเป็นจระเข้ขนาดทั่วไปคือราวสามเมตร โดยทั่วไปของจระเข้และแอลลิเกเตอร์มีลำตัวประมาณนั้น มากที่สุดในโลกน้ำหนักเกินหนึ่งตันคงประมาณหกเมตรกว่า ซึ่งคงไม่แปลก พวกมันใหญ่ได้มากเท่ากับที่มันกิน ใหญ่ขึ้นอีกเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดอายุขัยของมัน ยังมีโอกาสเป็นไปได้ว่าอาจมีตัวที่ใหญ่กว่าสถิติ เพราะว่ายังไม่ได้รับการค้นพบด้วยน้ำมือมนุษย์ คงไม่ต้องพูดถึงนายจันที่มีอายุขนาดนี้ด้วยอิทธิฤทธิ์ของมนตรา ถึงเขาจะไม่ใช่แอลลิเกเตอร์กินจุ ไม่บริโภคเนื้อมนุษย์แต่รับประทานเนื้อสัตว์ เนื้อวัว เนื้อปลา เป็นอาหารหลัก เรียกว่าเป็นมังสะวิรัต... แอลลิเกเตอร์ไร้พิษภัยดี ๆ นี่เอง “แกไม่รู้อะไร ฉันไปทัวร์แอมะซอน ตีขาเล่นในแม่น้ำสองสีอันแสนงดงาม ผู้คนแถวนั้นเขาอนุรักษ์สัตว์ ขนาดในน้ำมีปลาปิรันย่า งูอนาคอนด้า ไอ้เข้ตัวเท่าฉันว่ายน้ำข้างเรือนักท่องเที่ยวยังดูชิลล์ ๆ กรี๊ดกร๊าดถ่ายรูปกันสนุกจะตาย” ตัวเขายังชอบเป็นดาราในน่านน้ำแอมะซอนเสียด้วย แต่นายคล้าวแค่นึกว่ามีแอลลิเกเตอร์ขนาดสิบเมตรมาว่ายน้ำข้างเรือก็เบิกตาอ้าปากค้าง! ขณะฝ่ามือหนาทั้งสองผายออกกว้าง “ที่นี่... บราซิล!” “คุณหลวง... ปะ... ไป... ถึงบราซิลเลยหรือครับ!?” “อืม... ไว้คราวหน้าฉันจะพาแกไปว่ายน้ำเล่นด้วยกันนะ บรรยากาศดีมาก” คนพูดกระตุกยิ้มมุมปากอย่างภาคภูมิใจ ขณะที่บ่าวยกมือขึ้นกดกุมขมับเพราะเป็นห่วง ไม่เข้าใจว่าทำไมพักหลังมานี้เจ้านายถึงเที่ยวเก่งเหลือเกิน ผ่านอะไรมาก็มาก ‘คุณพระ’ นายคล้าวยังเคยเป็นมาแล้ว เฝ้าติดตามนายเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาร่วมร้อยปี ซึ่งตอนนั้นบ่าวคนสนิทของจระเข้ใหญ่คือบิดาของนายคล้าว นิสัยของจระเข้บ่าวจะเก็บตัวมากกว่าเจ้านายช่างเที่ยว เจียมเนื้อเจียมตัวไม่สุงสิงกับใคร และเป็นเพราะว่าเป็นลูกน้องจระเข้ จึงได้รับอายุขัยเพียงเท่านี้ ไม่เกินสองร้อยถึงสองร้อยห้าสิบปี หากโชคไม่ดีสักหน่อยอาจอายุแค่ร้อยกว่าปีเท่ามนุษย์ “ฉันจะเล่าอะไรให้ฟัง แกคงไม่เคยไปที่ไกล ๆ อย่างคิวบา ออสเตรเลีย แถว Queenland เขาว่ายน้ำกับจระเข้ ถ่ายรูปเซลฟี่ไม่จับไปถลกหนังขายแน่” “แต่ผมก็ห่วงอยู่ดีนะครับ ยุคนี้มันไม่เหมือนเมื่อร้อยห้าสิบปีที่แล้วนะคุณหลวง” “ก็แล้วอย่างไรเล่า มันไม่เหมือนเมื่อหลายร้อยปีที่แล้วด้วย ฉันแก่กว่าแกกี่ปี ฮึ...” ปลายเสียงระอาใจกับการโดนบ่น นายจันรู้สึกไม่ต่างจากว่าตัวเองเป็นเด็กในปกครอง นายคล้าวก็พยายามถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่เข้าไปนั่งข้างเจ้านายด้วยความเกรงใจและให้ความเคารพ หากว่าเป็นเมื่อก่อนบ่าวคงจะนั่งกับพื้นด้วยซ้ำ “นี่แน่ะครับ... กินเนสบุ๊คส์บันทึกว่าเจ้าโลลองน่ะตัวใหญ่ที่สุดในโลกสักประมาณหกเมตร แต่คุณหลวงใหญ่กว่ามันสองเท่านะครับ ขืนใครมาพบเข้า รับรองว่าโดนจับไปอยู่ในตู้กระจกนู้น คุณหลวงจะโดนสำรวจทุกซอกมุมเชียว” “จะเป็นไรไป ใจผู้ชายอย่าขี้แย” “อาคม มนตราคงกระพันป้องกันร่างกายไม่ให้ถูกภยันตรายได้... แต่การแพทย์สมัยนี้ไปไกลนัก มันไม่กันลูกดอกยาสลบ รับรองครับ ทีเดียวหลับ” “ชิชะ รุ่นนี้น่ะ สามเข็มขึ้น...” หนุ่มใหญ่หัวเราะร่า เผลอพูดภาษาโบราณตามบ่าวมาสักพักทั้งที่เริ่มชินกับภาษาวัยรุ่นยุคใหม่ไปเสียแล้ว “ฮึ! ยุ่งพิลึก ถ้าแกว่างนักลองไปนั่งเล่นสตาร์บัค ซึมซับรสนิยมเด็ก Gen-Y เสียบ้างนะ ขืนยังทำตัวโบร่ำโบราณอย่างนี้ คนเขาจะหาว่าแกบ้า! ระวังเถอะ รถโรงพยาบาลมารับไปโรงพยาบาลศรีธัญญา” หนุ่มหน้าใสทำหน้ายุ่ง ขนาดว่าเขาไม่พูดขอรับหรือคำโบราณมาก ๆ แล้วมันทำไมยังไม่พอ... “ผมพูดจาไม่เหมาะสมอย่างนั้นหรือครับ?” จากนั้นก็ส่ายหน้ากลับคำพูดอย่างไม่มั่นใจ “เดี๋ยวผมจะไปกรมที่ดินพอดี คงได้ออกไป...” “ไปเถอะ ฝากจัดการธุระแทนฉันด้วย กลับมาให้ทันตะวันตกดินละกัน” นายคล้าวได้ยินดังนั้น จึงยกมือไหว้ลาแล้วเดินเลี่ยงออกไป ปล่อยให้เจ้านายอยู่ตามลำพังในห้องทำงาน มินิโฮมเธียเตอร์ที่เจ้าตัวนั่งดูซีรีส์ได้ทั้งวี่ทั้งวัน บ้านโบราณหลังใหญ่โตริมทางถนนชานเมืองกรุง ภายนอกตกแต่งด้วยสไตล์โคโลเนียลขนมปังขิง ในยุคที่เจ้าของบ้านชื่นชอบมันเป็นที่สุด จากระเบียงชั้นสองมองลงไปเห็นสวนหย่อม ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ มีไม้เลื้อยปกคลุมหน้าต่าง กระจกติดฟิล์มดำสนิททำให้พวกเขาสามารถสังเกตการณ์บุคคลภายนอก แต่มองจากข้างนอกเข้ามาจะไม่เห็นทรัพย์สินข้างในแม้สักชิ้น ห้องนอนสองห้องอยู่คนละฝั่ง กั้นกลางด้วยสระว่ายน้ำขนาดใหญ่เท่าสระมาตรฐานสองสระรวมกัน หมุนเวียนด้วยระบบน้ำเกลือ มีโคมไฟระย้ารูปทรงหยดน้ำบนเพดาน โดยรอบตกแต่งด้วยน้ำพุที่มีไฟสลับสีกันไป แน่นอนว่าคฤหาสน์แสนสวยนี้นายจันออกแบบมันเอง ด้วยประสบการณ์ด้านสถาปนิก วิศวกร และงานช่างสิบหมู่ที่สืบสกุลมา งานวาดรูปที่เขาชื่นชอบมันไม่น้อย เขาก็วาดมัน แปะไว้บนฝาผนังเป็นเครื่องบันทึกความทรงจำ ร่างสูงกระโจนลงเหยียดตัวนอนบนเตียงนุ่มที่สั่งทำพิเศษ กว้างถึงสี่เตียงต่อกัน ไม่ลืมหยิบโทรศัพท์มือถือเสียบสายชาร์จก่อนเข้านอน อย่างที่ทำจนติดเป็นนิสัย วันนี้คงเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมง... หากเป็นเมื่อก่อนก็นับตั้งแต่ย่ำค่ำ พระอาทิตย์ตกดินในเวลา ๑๘ นาฬิกา นายจันเคยคิดว่ามันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยกับสิ่งที่ตนเป็น เขาเคยลองขับรถข้ามเมืองเพื่อหนีพระอาทิตย์ หนีพระจันทร์ ในเมื่อหลายสถานที่ก็อาทิตย์ตกดินไม่เท่ากันอยู่แล้ว ถ้าไปอยู่อเมริกาล่ะ... ตรงนี้คงเป็นเวลากลางวัน แล้วไอ้เรื่องบ้า ๆ นี่ต้องนับเวลาไหน มันถึงจะเม้คเซ้นส์! คำตอบอยู่ในภาพนั้น... ตามองผ่านกระจกบานใสความสูงจรดเพดาน ไปยังรูปภาพใบใหญ่ที่สุด เป็นภาพหินหลักหน้าตาประหลาดซึ่งปักล้อมรอบบ่อน้ำบาดาลขนาดใหญ่ พระจันทร์ดวงกลมโตสีแดงสนิทกำลังจมหายลงไป ทว่าลอยอยู่เหนือสระว่ายน้ำกลางบ้าน มันเป็นภาพที่ให้ความรู้สึกมืดมนหม่นหมอง “ใกล้ถึงเวลานอนแล้วสินะ เฮ้อ... ง่วงจัง” เรียวปากหนาหยักได้รูปผ่อนลมหายใจดัง สะบัดข้อมือขึ้นหลุบตามองนาฬิกาข้อมือราคาแพง ก่อนจะวาดแขนขึ้นซ้อนมือทับกันเพื่อหนุนหนอนแทนหมอน ปิดตาลงข้างหนึ่งเป็นนิสัยประจำตัว เมื่อเสียงสั่นดังจากนาฬิกาโบราณตีบอกเวลาย่ำค่ำหน้าบ่อน้ำบาดาลแห่งหนึ่ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม