Chapter 9 ในห้วงมนตร์

1273 คำ
Chapter 9 ในห้วงมนตร์ ใบหน้านวลร้อนผ่าวเพียงนึกถึงภาพแสนเร่าร้อน ก่อนจะสะบัดไปมาแรง ๆ เพื่อสลัดความฟุ้งซ่าน คิดอะไรกันเล่ายัยกัน นั่นลูกค้านะลูกค้า! ริมฝีปากบางเม้มปิดสนิทแน่น หลังเปิดประตูห้องนอนเข้าไปทิ้งตัวลงบนที่นอน ควานหาของที่ลืมในกระเป๋าซึ่งพอไม่เจอแล้วเธอก็เริ่มเดินไปเดินมา กระวนกระวาย ได้กระดาษจากเครื่องพิมพ์เอกสารแล้วก็จับมันยัดลงไป ทว่าดันไม่เห็นว่าสร้อยข้อมือพันกับตะขอเสียยุ่งเหยิงทำให้มันปิดไม่ลง พอคะยั้นคะยอกดลงไปอย่างหงุดหงิด มันก็ขาด! ทั้งซิบกระเป๋าทั้งสร้อยข้อมือแสนน่ารัก “โอย ๆ เกะกะจริง ยายนะยายไม่ทำให้มันดีหน่อย” มือหยิบเศษเส้นถักสีดำสลับชมพูหวานที่ขาดเป็นสองท่อนยัดลงไปในกระเป๋าหนังจระเข้สีขาว “ใส่ไว้ในเป๋าก็ได้มั้งคะ ค่าเท่ากันแหละเนอะ อยู่กับตัวคงกันผีได้อยู่ดีนะคุณทวด” หญิงสาวคิดเองเออเอง ตวัดกระเป๋าพาดบ่า หนีบไว้ใต้รักแร้แน่นและระวังเพราะว่าซิบมันขาดไปแล้ว ซึ่งมันเป็นใบโปรดของเธอคงไม่อยากเปลี่ยนไปหิ้วใบใหม่ “อย่าให้พลาดละกัน” เสียงเข้มเตือนบ่าว นายคล้าวกำฝ่ามือไว้บริเวณด้านหน้าต้นขาด้วยท่าทางคร่ำเครียด มือข้างหนึ่งของมีรอยไหม้เป็นทางยาว “ผมจะระวังไม่ให้เธอรู้ตัว ส่วนตะกรุดนั่นผมไปจัดการมาให้แล้วครับ” “วันหลังลำบากก็ไม่ต้อง เจ็บตัวเปล่า ๆ ฉันจัดการเองได้ อืม... แล้วฉันต้องทำยังไงต่อนะ?” เขาเลิกคิ้วขึ้น ตาจับจ้องประตูไม้สักหน้าบ้านเฝ้ารอคนข้างหลังที่ยังคงไม่ปรากฏตัว หลังโอนเงินมัดจำไปแล้วนายจันคงไม่อยากได้สินค้าอะไรนั่นแต่อยากได้คนขายมากกว่า ส่วนเรื่องการลงทุนให้น้องชายจระเข้ไปเปิดร้านขายหนังจระเข้ ก็นับเป็นผลพลอยได้ เสียงกริ่งดังบอกว่าแขกคงมาถึง นายคล้าวรีบไปเปิดประตูรอต้อนรับ ทว่าเขากลับต้องแปลกใจเล็กน้อยพอเห็นพนักงานขายทั้งสองคนถือเอกสารมา คนหนึ่งสวมสูทกระโปรงยูนิฟอร์มบริษัท อีกคนเป็นเดรสลายสก็อตตัวสวย “นึกว่ามาคนเดียวซะอีก เชิญคุณกันตามพี่ชายผมไปก่อนนะครับ ส่วนพี่... ให้ผมพาชมบ้านหน่อยดีไหม?” “ค่ะ...” ตอบทันที รุ่นพี่พนักงานจู่ ๆ ก็ทำหน้านิ่งตัวแข็งทื่อเดินตามเจ้าของร่างสูงไป ทิ้งสองคนไว้ลำพัง คนหนึ่งคงจะเกิดอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมา “เอ้อ... คือว่ามีเอกสารต้องให้พี่เขาช่วยดู” “จะเอาแค่ลายเซ็นผมไม่ใช่หรือ? เซ็นเสร็จแล้วกลับไปดูที่ออฟฟิศคุณได้ไหมล่ะ มันเสียเวลาผมครับ” คำลูกค้าถือเป็นคำขาด! กัญญาวีร์ไม่ทันตอบเขากลับหมุนตัวฉับไว เป็นเชิงสั่งว่าเธอไม่สามารถปฏิเสธ จึงกระชับแฟ้มงานแนบอกไว้แล้วรีบก้าวขาตาม คฤหาสน์ใหญ่โตโอ่อ่าล้อมรอบด้วยไม้นานาพันธุ์ ไม้เลื้อยปกคลุมมิดชิดกระทั่งหน้าต่างบานสูงจรดเพดาน ดูลึกลับไปอีกแบบในสายตาของผู้มาเยือน เสียงนกร้อง เสียงจิ้งหรีดดังสะท้อนเข้ามาภายในบ้านซึ่งจัดสรรได้เข้ากับธรรมชาติอย่างลงตัว สระน้ำขนาดมาตรฐาน น้ำพุ ระบบน้ำไหลเวียนในส่วนรับรองแขกเป็นกระจกเหมือนอควาเรียม น่าแปลกที่บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยน้ำ แม้แต่ห้องรับแขก ห้องโถงด้านหน้าเดินผ่านทางปูด้วยหญ้าเทียมไปก็ยังมีแต่น้ำ ห้องแต่ละห้องเชื่อมต่อกันโดยไม่มีประตูแต่ เป็นลักษณะซุ้มเปิดโล่งเดินเข้าออกสะดวก หญิงสาวคงเกิดคิดขึ้นมาว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความฝันแต่เป็นนิมิตและตัวตนของเขาจริง ๆ “บ้านสวยดีนะคะ” “ขอบคุณครับ ดีใจนะที่ชอบ” พูดพลางไหวไหล่ตอบแล้วยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ผมออกแบบบ้านหลังนี้เอง เจ้านายคุณบอกแล้วใช่ไหมว่าผมเป็นสถาปนิก” “ค่ะ กันทราบแล้วค่ะ พี่ ๆ บอกว่าคุณชาร์ลจะเริ่มงานรีโนเวตห้องอาหารอาทิตย์หน้านี้” “หลังเราดีลงานกันแล้ว ผมได้ของของน้องชายแล้วคงประมาณนั้นครับ ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์” พูดอย่างมั่นใจ พอดีกับที่มาถึงห้องรับรองแขก เจ้าของบ้านคงสังเกตเห็นว่าดวงตาคู่ยังคอยลอบมองน้ำสีฟ้าสวยใต้ฝ่าเท้า ขณะที่เขาหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาสีดำกำมะหยี่ ยกขาขึ้นพาดขาอีกข้างหนึ่ง โดยมีแขกนั่งลงฝั่งตรงข้ามกัน “ผมอยู่กับน้องชายสองคนนะครับ แม่บ้านจะเข้ามาทำความสะอาดแค่เดือนละครั้ง ถ้าหิวน้ำต้องบริการตัวเองนะ” “ออค่ะ กันไม่หิวน้ำค่ะไม่เป็นไร” “จะอยู่ทานข้าวเย็นไหมล่ะครับ?” “กันทานมาแล้วค่ะ แต่ว่า... ถ้าเป็นของว่างพอได้ค่ะ” ก็ความอยากขายของประสาเซลล์นั่นแหละ เธอกะจะขายของต่ออีกสักหน่อยค่อยกลับ หากพอสบนัยน์ตาคู่สีน้ำตาลสวยสะอาด หัวใจกลับสั่นไหวประหลาด “เดี๋ยวสักพักคล้าวคงจะยกมาให้นะครับ” “คุณชาร์ล... เรียกน้องชายว่าคล้าวหรือคะ?” “ครับ... ปกติเรียกคล้าว ส่วนตัวผมชื่อจัน ไม่ได้ชื่อชาร์ลนะ อันนั้นไอ้คล้าวตั้งให้ดูเก๋ ๆ เข้ากับยุคสมัย” กัญญาวีร์เบิกตากว้างตกใจ ก่อนที่เธอจะปรับสีหน้าให้เป็นปรกติ “คุณ... เอ่อ... มีบัตรประชาชนไหมคะ? รบกวนขอเอกสารแนบสำเนาถูกต้องด้วยค่ะ แล้ว... เอกสารการซื้อของคุณคลาวด์” “ผมเซ็นแทนน้องชายเองไม่มีปัญหา บัตรเครดิตสะดวกไหมครับ หรือจะให้โอนผ่านแอปฯ ธนาคาร” “อุ๊ย... เครื่องรูด...” อุทานพลันยกมือป้องปาก ดวงตาคู่สวยกลอกไปมา ขณะมือหนาจับปากกาสะบัดไปมาบนกระดาษเป็นลายเซ็นหัวกลมคล้ายคนโบราณ เขารู้ว่าเธอกำลังสงสัยเรื่องอะไรอยู่หลายอย่าง “เอ่อ... ชื่อ... คุณชรัณกับน้องชายคุณไชยวัศ... ไม่ได้ชื่อชาละวันหรือคะ?” “คนบ้าอะไรจะชื่อชาละวัน มีแต่ไอ้เข้สมัยพระเจ้าเหาเท่านั้นแหละครับ” “ขอประทานโทษนะคะ กันไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาท กันแค่แซวน่ะค่ะ แซว...” หัวเราะพลางเอื้อมมือไปหยิบเอกสารที่เขาเลื่อนมันคืนมา ยังส่งยิ้มหวานให้ “ดีแล้วที่แซว จะได้รู้ว่าไม่ได้โกรธอะไรกัน เราคนกันเอง มีอะไรสงสัยก็ถามได้เลยนะ” ‘นั่นไง! เขาได้ยินจริง ๆ ใช่ไหม ไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม?’ “ได้ยินชัด ไม่ได้คิดไปเองหรอก อืม... วันหลังอย่ามาสายนะครับ หลังหกโมงเย็นไปผมสองคนไม่สะดวก” “ทำไมคะ? ทำไมไม่สะดวกคะ...” ‘ช่างอยากรู้อยากเห็นไปทำไมกัน’ “ก็อยากรู้อะค่ะ” ตอบด้วยความเป็นคนปากไว แต่พอเจ้าของบ้านกระตุกยิ้มมุมปากอย่างน่ากลัว เธอไม่อยากรู้อะไรแล้ว จริงไม่จริง เขาเป็นใคร เผ่นดีกว่า! “ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะคะ กันขอตัวนะคะพอดีมีธุระ ขอโทษด้วยที่มาช้า วันหลังกันจะระวังเรื่องเวลา” “จะรีบไปไหน... อยู่นั่งคุยกันก่อน” น้ำเสียงเด็ดขาดหยุดคนที่กำลังจะลุก ให้กระแทกก้นนั่งลงอย่างเดิม “คุณชาร์ล... จะคุยเรื่องอะไรคะ?” “เรื่องของเรา...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม