Chapter 9 ในห้วงมนตร์
ใบหน้านวลร้อนผ่าวเพียงนึกถึงภาพแสนเร่าร้อน ก่อนจะสะบัดไปมาแรง ๆ เพื่อสลัดความฟุ้งซ่าน
คิดอะไรกันเล่ายัยกัน นั่นลูกค้านะลูกค้า!
ริมฝีปากบางเม้มปิดสนิทแน่น หลังเปิดประตูห้องนอนเข้าไปทิ้งตัวลงบนที่นอน ควานหาของที่ลืมในกระเป๋าซึ่งพอไม่เจอแล้วเธอก็เริ่มเดินไปเดินมา กระวนกระวาย
ได้กระดาษจากเครื่องพิมพ์เอกสารแล้วก็จับมันยัดลงไป ทว่าดันไม่เห็นว่าสร้อยข้อมือพันกับตะขอเสียยุ่งเหยิงทำให้มันปิดไม่ลง พอคะยั้นคะยอกดลงไปอย่างหงุดหงิด มันก็ขาด! ทั้งซิบกระเป๋าทั้งสร้อยข้อมือแสนน่ารัก
“โอย ๆ เกะกะจริง ยายนะยายไม่ทำให้มันดีหน่อย” มือหยิบเศษเส้นถักสีดำสลับชมพูหวานที่ขาดเป็นสองท่อนยัดลงไปในกระเป๋าหนังจระเข้สีขาว
“ใส่ไว้ในเป๋าก็ได้มั้งคะ ค่าเท่ากันแหละเนอะ อยู่กับตัวคงกันผีได้อยู่ดีนะคุณทวด”
หญิงสาวคิดเองเออเอง ตวัดกระเป๋าพาดบ่า หนีบไว้ใต้รักแร้แน่นและระวังเพราะว่าซิบมันขาดไปแล้ว ซึ่งมันเป็นใบโปรดของเธอคงไม่อยากเปลี่ยนไปหิ้วใบใหม่
“อย่าให้พลาดละกัน” เสียงเข้มเตือนบ่าว นายคล้าวกำฝ่ามือไว้บริเวณด้านหน้าต้นขาด้วยท่าทางคร่ำเครียด มือข้างหนึ่งของมีรอยไหม้เป็นทางยาว
“ผมจะระวังไม่ให้เธอรู้ตัว ส่วนตะกรุดนั่นผมไปจัดการมาให้แล้วครับ”
“วันหลังลำบากก็ไม่ต้อง เจ็บตัวเปล่า ๆ ฉันจัดการเองได้ อืม... แล้วฉันต้องทำยังไงต่อนะ?” เขาเลิกคิ้วขึ้น ตาจับจ้องประตูไม้สักหน้าบ้านเฝ้ารอคนข้างหลังที่ยังคงไม่ปรากฏตัว
หลังโอนเงินมัดจำไปแล้วนายจันคงไม่อยากได้สินค้าอะไรนั่นแต่อยากได้คนขายมากกว่า ส่วนเรื่องการลงทุนให้น้องชายจระเข้ไปเปิดร้านขายหนังจระเข้ ก็นับเป็นผลพลอยได้
เสียงกริ่งดังบอกว่าแขกคงมาถึง นายคล้าวรีบไปเปิดประตูรอต้อนรับ ทว่าเขากลับต้องแปลกใจเล็กน้อยพอเห็นพนักงานขายทั้งสองคนถือเอกสารมา คนหนึ่งสวมสูทกระโปรงยูนิฟอร์มบริษัท อีกคนเป็นเดรสลายสก็อตตัวสวย
“นึกว่ามาคนเดียวซะอีก เชิญคุณกันตามพี่ชายผมไปก่อนนะครับ ส่วนพี่... ให้ผมพาชมบ้านหน่อยดีไหม?”
“ค่ะ...” ตอบทันที รุ่นพี่พนักงานจู่ ๆ ก็ทำหน้านิ่งตัวแข็งทื่อเดินตามเจ้าของร่างสูงไป ทิ้งสองคนไว้ลำพัง คนหนึ่งคงจะเกิดอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมา
“เอ้อ... คือว่ามีเอกสารต้องให้พี่เขาช่วยดู”
“จะเอาแค่ลายเซ็นผมไม่ใช่หรือ? เซ็นเสร็จแล้วกลับไปดูที่ออฟฟิศคุณได้ไหมล่ะ มันเสียเวลาผมครับ”
คำลูกค้าถือเป็นคำขาด! กัญญาวีร์ไม่ทันตอบเขากลับหมุนตัวฉับไว เป็นเชิงสั่งว่าเธอไม่สามารถปฏิเสธ จึงกระชับแฟ้มงานแนบอกไว้แล้วรีบก้าวขาตาม
คฤหาสน์ใหญ่โตโอ่อ่าล้อมรอบด้วยไม้นานาพันธุ์ ไม้เลื้อยปกคลุมมิดชิดกระทั่งหน้าต่างบานสูงจรดเพดาน ดูลึกลับไปอีกแบบในสายตาของผู้มาเยือน เสียงนกร้อง เสียงจิ้งหรีดดังสะท้อนเข้ามาภายในบ้านซึ่งจัดสรรได้เข้ากับธรรมชาติอย่างลงตัว สระน้ำขนาดมาตรฐาน น้ำพุ ระบบน้ำไหลเวียนในส่วนรับรองแขกเป็นกระจกเหมือนอควาเรียม
น่าแปลกที่บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยน้ำ แม้แต่ห้องรับแขก ห้องโถงด้านหน้าเดินผ่านทางปูด้วยหญ้าเทียมไปก็ยังมีแต่น้ำ ห้องแต่ละห้องเชื่อมต่อกันโดยไม่มีประตูแต่ เป็นลักษณะซุ้มเปิดโล่งเดินเข้าออกสะดวก หญิงสาวคงเกิดคิดขึ้นมาว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความฝันแต่เป็นนิมิตและตัวตนของเขาจริง ๆ
“บ้านสวยดีนะคะ”
“ขอบคุณครับ ดีใจนะที่ชอบ” พูดพลางไหวไหล่ตอบแล้วยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ผมออกแบบบ้านหลังนี้เอง เจ้านายคุณบอกแล้วใช่ไหมว่าผมเป็นสถาปนิก”
“ค่ะ กันทราบแล้วค่ะ พี่ ๆ บอกว่าคุณชาร์ลจะเริ่มงานรีโนเวตห้องอาหารอาทิตย์หน้านี้”
“หลังเราดีลงานกันแล้ว ผมได้ของของน้องชายแล้วคงประมาณนั้นครับ ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์” พูดอย่างมั่นใจ พอดีกับที่มาถึงห้องรับรองแขก เจ้าของบ้านคงสังเกตเห็นว่าดวงตาคู่ยังคอยลอบมองน้ำสีฟ้าสวยใต้ฝ่าเท้า ขณะที่เขาหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาสีดำกำมะหยี่ ยกขาขึ้นพาดขาอีกข้างหนึ่ง โดยมีแขกนั่งลงฝั่งตรงข้ามกัน
“ผมอยู่กับน้องชายสองคนนะครับ แม่บ้านจะเข้ามาทำความสะอาดแค่เดือนละครั้ง ถ้าหิวน้ำต้องบริการตัวเองนะ”
“ออค่ะ กันไม่หิวน้ำค่ะไม่เป็นไร”
“จะอยู่ทานข้าวเย็นไหมล่ะครับ?”
“กันทานมาแล้วค่ะ แต่ว่า... ถ้าเป็นของว่างพอได้ค่ะ”
ก็ความอยากขายของประสาเซลล์นั่นแหละ เธอกะจะขายของต่ออีกสักหน่อยค่อยกลับ หากพอสบนัยน์ตาคู่สีน้ำตาลสวยสะอาด หัวใจกลับสั่นไหวประหลาด
“เดี๋ยวสักพักคล้าวคงจะยกมาให้นะครับ”
“คุณชาร์ล... เรียกน้องชายว่าคล้าวหรือคะ?”
“ครับ... ปกติเรียกคล้าว ส่วนตัวผมชื่อจัน ไม่ได้ชื่อชาร์ลนะ อันนั้นไอ้คล้าวตั้งให้ดูเก๋ ๆ เข้ากับยุคสมัย”
กัญญาวีร์เบิกตากว้างตกใจ ก่อนที่เธอจะปรับสีหน้าให้เป็นปรกติ “คุณ... เอ่อ... มีบัตรประชาชนไหมคะ? รบกวนขอเอกสารแนบสำเนาถูกต้องด้วยค่ะ แล้ว... เอกสารการซื้อของคุณคลาวด์”
“ผมเซ็นแทนน้องชายเองไม่มีปัญหา บัตรเครดิตสะดวกไหมครับ หรือจะให้โอนผ่านแอปฯ ธนาคาร”
“อุ๊ย... เครื่องรูด...” อุทานพลันยกมือป้องปาก ดวงตาคู่สวยกลอกไปมา ขณะมือหนาจับปากกาสะบัดไปมาบนกระดาษเป็นลายเซ็นหัวกลมคล้ายคนโบราณ เขารู้ว่าเธอกำลังสงสัยเรื่องอะไรอยู่หลายอย่าง
“เอ่อ... ชื่อ... คุณชรัณกับน้องชายคุณไชยวัศ... ไม่ได้ชื่อชาละวันหรือคะ?”
“คนบ้าอะไรจะชื่อชาละวัน มีแต่ไอ้เข้สมัยพระเจ้าเหาเท่านั้นแหละครับ”
“ขอประทานโทษนะคะ กันไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาท กันแค่แซวน่ะค่ะ แซว...” หัวเราะพลางเอื้อมมือไปหยิบเอกสารที่เขาเลื่อนมันคืนมา ยังส่งยิ้มหวานให้
“ดีแล้วที่แซว จะได้รู้ว่าไม่ได้โกรธอะไรกัน เราคนกันเอง มีอะไรสงสัยก็ถามได้เลยนะ”
‘นั่นไง! เขาได้ยินจริง ๆ ใช่ไหม ไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม?’
“ได้ยินชัด ไม่ได้คิดไปเองหรอก อืม... วันหลังอย่ามาสายนะครับ หลังหกโมงเย็นไปผมสองคนไม่สะดวก”
“ทำไมคะ? ทำไมไม่สะดวกคะ...”
‘ช่างอยากรู้อยากเห็นไปทำไมกัน’
“ก็อยากรู้อะค่ะ” ตอบด้วยความเป็นคนปากไว แต่พอเจ้าของบ้านกระตุกยิ้มมุมปากอย่างน่ากลัว เธอไม่อยากรู้อะไรแล้ว จริงไม่จริง เขาเป็นใคร เผ่นดีกว่า!
“ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะคะ กันขอตัวนะคะพอดีมีธุระ ขอโทษด้วยที่มาช้า วันหลังกันจะระวังเรื่องเวลา”
“จะรีบไปไหน... อยู่นั่งคุยกันก่อน” น้ำเสียงเด็ดขาดหยุดคนที่กำลังจะลุก ให้กระแทกก้นนั่งลงอย่างเดิม
“คุณชาร์ล... จะคุยเรื่องอะไรคะ?”
“เรื่องของเรา...”