Chapter 10 โคตรไอ้เคี่ยม คลาน ขย้ำ
กัญญาวีร์ได้ฟังเรื่องราวของชายหนุ่มแปลกหน้าว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ถามว่าอยากช่วยไหมคงยาก
“จะให้กันทำยังไงดีคะ? กันเป็นคนขายของ ไม่ใช่แม่ตะเภาแก้วของใคร ส่วนพี่สาวที่เคยเป็นเมียคุณมาก่อนคงช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี แม่ชีบวชไปแล้ว”
นั่นเป็นความจริงที่กุมภิลหนุ่มเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ ตอนถอดจิตไปหาแม่ตะเภาทอง กลายเป็นว่าเขาต้องนั่งลงประนมมือไหว้อย่างนอบน้อม โดยไม่ได้มีจิตอกุศลเพราะดันติดใจคนน้องไปซะแล้ว! กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังต้องการเธอ นัยน์ตาคู่คมสะท้อนประกายวูบวาบใต้คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลคราวเอ่ย
“ผมไม่ได้คาดหวังอะไรจากแม่ชี ทุกวันนี้ผมรักษาศีลห้าอย่างน้อย ๆ ไม่ใช่จระเข้เจ้าชู้เมียเยอะมั่วกามอย่างที่ใครได้ยิน ผมอยู่คนเดียวกับไอ้คล้าว...” ปลายเสียงเงียบไป ชายหนุ่มปิดตาลง สัมผัสรับรู้ถึงบ่าวที่คงจะพาพนักงานสาวรุ่นป้าชมบ้านเพลินก่อนส่งตัวขึ้นรถไป ทิ้งเพื่อนร่วมงานไว้ให้นั่งทานของว่างเป็นคุกกี้เนยรสชาติดี กาแฟร้อนหนึ่งแก้ว กัญญาวีร์ประคองถ้วยขึ้นจรดริมฝีปาก วางมันลงด้วยท่าทางสบาย ๆ
“ตกลงเป็นจระเข้จริงหรือคะ? คุณบอกว่าอยู่มาตั้งหกร้อยห้าสิบปี กันว่ามันน่าเหลือเชื่อมากเลยนะ”
“เรื่องตลกครับ อำให้คุณกันหัวเราะไง เอ... วันนี้เป็น April fool Day รึเปล่า?”
“น่าจะใช่นะคะ กันไม่โดนหลอกมานานละตั้งแต่กลับมาอยู่เมืองไทย” เธอหัวเราะกลบเกลื่อน รู้สึกผ่อนคลายลงจากเรื่องค้างคาใจทั้งความฝัน นิมิตภาพเหมือนความเป็นจริงอย่างแยกไม่ออก เธอไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าควรเชื่อดีไหม
“ผมได้ยินมาว่าเกเตอร์จะอาศัยอยู่ในอเมริกา จีน ในอเมริกามีโอกาสพบแอลลิเกเตอร์มากกว่าจระเข้ พวกมันไม่ดุร้าย มันเชื่องแล้วก็... น้อยมากที่จะทำร้ายมนุษย์”
“ใช่ค่ะ น้อยมากที่แอลลิเกเตอร์จะทำร้ายมนุษย์ แต่บางทีพวกมันเข้าใจว่าเด็กตัวเล็ก ๆ หรือหมาแมวเป็นอาหาร กันเคยเจอในสนามกอล์ฟตอนไปทัศนศึกษาที่คลีฟแลนด์... มันออกจะกลัวคนค่ะ มันวิ่งหนีไปเลย วิ่งเร็วมาก”
เมืองหนึ่งในรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา นายจันเลิกคิ้วขึ้นพลางนึกถึงสถานที่ซึ่งเขาเคยไปอาบแดด ก่อนเหลือบตามองนาฬิกาบนฝาผนังสีขาวครีมเหนือสระว่ายน้ำ ถัดจากห้องรับรองแขก
“ผมคิดว่า... ถ้าผมเป็นเกเตอร์สักตัว ผมคงจะอ่อนโยน หน้าตาน่ารักนะครับ สมมติว่า... ถ้าผมเป็นแอลลิเกเตอร์ตัวใหญ่มาก ๆ นะ คุณจบนอกมาคงจะเคยเห็นพวกมัน ไม่ใช่จระเข้ดุ ๆ เลยสักนิด”
‘ก็ยังมีเรื่องสมมติ... ประหลาดคน...’
“ถ้าผมประหลาดคน คุณคงจะเสียสติไปแล้วแน่ ๆ ที่มานั่งฟังคนบ้าอย่างผมน่ะ”
“กันเป็นพวกมีสัมผัสพิเศษมาแต่เล็ก ๆ ค่ะ เจอผีเจอวิญญาณ เจอแต่เรื่องประหลาดจนชินชา เวลากันบอกเพื่อนบอกญาติว่าเห็นอะไรก็โดนบูลลี่ซะงั้น กันว่า... ได้คุยกับคุณชาร์ลอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะ”
กัญญาวีร์คงไม่คิดอะไร แค่พยายามทำตัวเป็นมิตรกับลูกค้า นั่นทำให้อีกคนไม่พอใจกับการขีดเส้นความสัมพันธ์ จากสีหน้าและท่าทางเปลี่ยนไป ร่างสูงในเชิ้ตสีดำสนิทเลิกนั่งไขว่ห้าง ประสานมือไว้ข้างหน้าตักแกร่ง
“ยังไงผมต้องขอโทษที่ล่วงเกินคุณ มันเป็นสัญชาตญาณ ผมพยายามห้ามตัวเองแล้วแต่ทำไม่ได้ ผมเข้าไปในฝันคุณ... เราทำเรื่องบางอย่างกันใช่ไหม?”
พลันภาพเร่าร้อนผุดเข้ามาในหัว นั่นก็เท่ากับว่าเขาเป็นผัวเธอรึเปล่า! ใบหน้าสดสวยร้อนฉ่าแทบจะแดงไปถึงหู
“คะ? ทำ... อะไรคะ?”
“ผมจำได้... บนเตียงหิน... จูบ จับ ทุกอย่าง มันเหมือนเรื่องจริง ผมจำกลิ่นคุณได้”
กัญญาวีร์ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เธอเลื่อนปลายนิ้วขึ้นเก็บปอยผมไว้ข้างหลังใบหูอย่างเอียงอาย
“เอ้อ... กันจะลืมมันค่ะ ถ้าทั้งหมดมันเป็นเรื่องจริง คุณไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้ตัว...”
ชายหนุ่มลอบถอนหายใจ ก่อนจะบ่น “ผมว่าตัวเองชักจะเหมือนพวกไบโพลาร์ขึ้นทุกวัน ว่าแต่... คุณเชื่อเรื่องจระเข้ชาละวันอะไรนี่จริง ๆ เหรอ?”
“ไม่รู้ค่ะ ยังไม่เคยเห็นด้วยสองตาตัวเอง กันคุยกับคุณชาร์ลไปเรื่อยเปื่อยเพราะคุยเพลินค่ะ คุณเป็น... กันเอง... ดี” ไม่ขาดคำ ชายตรงหน้าจู่ ๆ ก็ลุกพรวดจากโซฟาตัวยาวในฝั่งตรงข้าม สลัดเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทออกโยนเหมือนว่าเขาร้อน แต่เปล่าเลย
หน้าท้องเป็นระเบียบเครียดพาดวงตาคู่สวยจับจ้องมันเพียงครู่ เขาสบตาเธอด้วยท่าทางแน่วแน่มั่นใจ ก่อนพุ่งหลาวลงน้ำด้วยหน้าตาโกรธขึ้งบึ้งตึง
น้ำสีฟ้าครามสาดกระจายเป็นวงกว้างตัดแสงกับสปอร์ตไลท์ในตัวบ้าน ทำให้มันยิ่งสวยงามระยิบระยับจับตา หญิงสาวลุกจากเก้าอี้โซฟาตามไปชะโงกคอมองหาเจ้าของบ้าน ไม่รู้ว่าเขาเกิดอารมณ์ไหน ถึงอยากว่ายน้ำในตอนค่ำ
“คุณชาร์ลคะ?” คิ้วเรียวสวยชนชิดติดกันด้วยท่าทางสงสัย เธอเดินเข้าไปช้า ๆ แล้วก็ต้องแปลกใจ
‘กะ... กางเกง ทำไม... ลอยขึ้นมา’
กัญญาวีร์ส่ายตามองตามระลอกคลื่นบนผืนน้ำ ไม่พบคนที่หายไปกับน้ำประมาณสักนาทีได้
“คุณชาร์ล...?” เธอชะโงกคอยื่นยาว ลองเรียกเขาอีกสองสามครั้งทว่าไม่ได้รับการตอบกลับ ยังคิดว่าเขากระโดดน้ำลงไปเองคงไม่จมน้ำเอง และนี่ก็เป็นสระว่ายน้ำของเขา กระทั่งฟองอากาศที่ลอยฟ่องอยู่บนผิวน้ำหายไป
ปรากฏเป็นสัตว์เลื้อยคลานสีดำสนิทโผล่พ้นเพียงนัยน์ตาสีแดง ลำตัวของมันมีขนาดใหญ่เท่าแอลลิเกเตอร์ยักษ์ในหนังฝรั่งที่กัญญาวีร์ไม่ชอบดู! คราสะบัดส่ายหางอันโอฬารเข้ามาใกล้ น้ำนิ่งสนิทแหวกออกเป็นสองทางจนปริ่มล้นสระ
ทั่วทั้งวงหน้าหวานงามตื่นตะลึง กัญญาวีร์คงลืมเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้ไปแล้ว
“กรี๊ดดดดด!” เสียงหวีดร้องดัง ปลายส้นสูงสามนิ้วกระแทกวิ่งบนพื้นหินอ่อน ผ่านพื้นกระจกในห้องรับรองแขก เธอหนีอย่างไม่คิดชีวิตไม่เหลียวคอมองหลัง รองเท้ากระเด็นไปคนละทิศทาง ส่วนเจ้าตัวข้างหลังกระโจนกายขึ้นจากสระตามมาติด ๆ มันทั้งวิ่ง กระโดดด้วยขาทั้งสี่ ไม่ได้ก้าวเหยาะ ๆ อย่างที่เห็นในสารคดีสัตว์โลก
“ไอ้คุณชาร์ล! แอลลิเกเตอร์ตาแดงแปร้ดตัวเท่าบ้านมันน่ารักตรงไหนเนี่ย!! วิ่งก็เร็วอย่างกับอีตุ๊กแก!”
‘ขอเถอะ อย่าเรียกผมอีตุ๊กแก แล้ววิ่งเร็วหน่อยเดียว ทำไมบูลลี่ผมอย่างนี้ล่ะครับ’
คนฟังเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงในอากาศ หลังจากที่เธอกรีดร้องจนแสบคอไปหมด ปากสบถด่าบริภาษเจ้าของบ้านต่าง ๆ นา ๆ ซึ่งเสียงของเธอคงดังแค่ในบ้านปิดตาย ประตูทุกบานล็อคสนิทแน่น วิ่งไปทางซ้ายทีขวาที กำแพงของแต่ละห้องกั้นเป็นระเบียบนั้น เธอไม่รู้ว่าห้องไหนเป็นห้องอะไรเพราะว่ามันไม่ใช่บ้านเธอ
‘ทำไมบ้านมันใหญ่ยังงี้นะ!’
‘ก็ต้องใหญ่ซี ทุ่มทุนสร้างเป็นร้อยล้าน’
อีกฝ่ายคงนึกสนุกกับการที่เธอวิ่งหนีเขาอย่างบ้าคลั่ง เหมือนตัวเองได้เป็นตัวเอกหนังแนวจระเข้ไล่ล่า ขณะผู้ถูกล่าหอบหายใจสั่นด้วยความหวาดกลัว พิงแผ่นหลังกับบ่นประตูไม้สัก ยกมือทุบอกแรงพยายามเข้าข้างตัวเอง
“แอลลิเกเตอร์ไม่ทำร้ายมนุษย์... สถิติของอเมริกาว่าไว้... มันไม่ใช่จระเข้ ไม่เอานะไม่น่ากลัว พวกมันไม่ก้าวร้าวเลย มันคือจระเข้ตีนเป็ด!” พึมพำอย่างคนไร้สติ เจ้าจระเข้ยักษ์ยังวิ่งไปวิ่งมาในบ้าน ไม่เห็นเธอที่หลบอยู่หลังกำแพง กัญญาวีร์แอบมองออกไปวูบเดียวยังแทบจะเป็นลม ลำตัวของมันความยาวเกือบเท่าสระว่ายน้ำมาตรฐาน เคลื่อนไหวว่องไวกว่าจระเข้น้ำเค็มเสียอีก แม้อยู่บนบกยังวิ่งเอา ๆ
เธอไม่รู้ว่าเขาพบเธอแล้ว แค่ยังไม่เลิกแกล้ง คลานย่องอยู่รอบสระว่ายน้ำ
‘ผมไม่ชอบชื่อนั้นเลย จระเข้ตีนเป็ดยังไงก็อยู่ในวงศ์ตระกูลแอลลิเกเตอร์ เรียกเกเตอร์ดีกว่า’
“คุณชาร์ล... คุณไม่น่ารัก ไม่เลยสักนิดเดียว! ฉันขอตัวกลับบ้านนะคะ ฉันไม่คิดว่าคุณพูดจริง... จริงนะ คุณเป็นแอลลิเกเตอร์จริงเหรอ!? ตัวใหญ่ฉิบหาย ไม่ ๆ นี่มันเป็นความฝัน ฉันต้องฝันแน่ ๆ ยัยกัน ๆ ตื่น ๆ ตื่นสิ!”
สองฝ่ามือตบหน้าตัวเองแรงจนเกิดรอยแดง ริมฝีปากอิ่มงามสั่นระริกพอ ๆ กับเนื้อตัวสั่นเทา เธอส่ายคอมองหาอาวุธ ทางหนีจากประตูห้องในฝั่งตรงข้ามกัน
ตัวใหญ่ไซซ์นี้ มันต้องกินเธอแน่ ๆ ไม่นะ... เธอไม่อยากเป็นอาหารแอลลิเกเตอร์!
กัญญาวีร์ได้ยินแค่เสียงหายใจของตัวเอง ไม่ได้ยินเสียงของเขาอีก แปลกที่เธอยังพูดคุยกับเขาได้ แต่ถ้าหากเธอแค่คิดวนไปวนมาว่าตั้งใจจะทำอะไรก่อนหลัง เขาจะไม่ได้ยิน หญิงสาวพยายามรวบรวมสติอีกครั้ง วิ่งพรวดไปเปิดประตูห้องที่มีจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ เครื่องฉายภาพวางอยู่บนโต๊ะ รอบห้องบุด้วยลำโพงประสาบ้านคนมีเงิน เหมือนว่าจะเป็น... โรงหนังขนาดย่อม
‘เคยดูหนังหรั่งไหม ผมชอบหลายเรื่องนะ อย่างไอ้หลามมฤตยู... โคตรไอ้เคี่ยม คลาน ขย้ำ’
“ทำไมคะ? ชอบไม่ชอบแล้วยังไง ทำไมต้องมาพูดถึงตอนนี้”
‘ก็ถ้าไปถึงประตูได้จะให้กลับ ยกให้เล่นบทนางเอกเลย เรื่องนี้ผมเป็นพระเอกเอง’
“จระเข้ที่เป็นพระเอกเนี่ยนะ…” แล้วเธอที่ว่ายน้ำเป็นเด็กอนุบาลหัดเกาะขอบสระหรือจะเหลือ! คิดพลันล้วงหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากระโปรง มือเรียวกดไปสั่นไปจนมือถือแทบหล่น
“ใช่ ๆ พี่สนไง! บ้านเขาเป็นหมอจระเข้นี่”
‘ไอ้ไกรทองงั้นเหรอ?’