Chapter 8 ในห้วงมนตร์
ม่านน้ำตกสีมรกตที่ตกกระทบลงบนตั่งหินเกิดเสียงดังครืน ราวเสียงของสายฝนโหมกระหน่ำ เจ้าของถ้ำวังทองบัดนี้สลัดเครื่องนุ่งห่มโจงกระเบนสีดำสนิทลงกองบนพื้น เคล้าคลอเรือนร่างงามด้วยอารมณ์แสนเสน่หา
สองเรือนกายเปลือยเปล่าแนบชิดสนิทกัน บนไหล่มนปกคลุมด้วยเส้นผมหนาดำขลับ แซมปอยผมสีเทาความยาวประหน้าขา ยาวตามอายุขัยของจระเข้ใหญ่ เส้นผมสีน้ำตาลสลวยเป็นลอนปลายสยายกระจายบนแผ่นหิน
ต่อให้เขายังเป็นครึ่งเดรัจฉาน พาหางอันใหญ่โตโอฬารงอกพ้นออกมา สะบัดส่ายไปตามอารมณ์หวามไหว มือเรียวเพียงเลื่อนขึ้นวางพักบนบ่ากว้างอย่างวางใจ เขาทำให้เธอแน่ใจว่าจะไม่เกิดอันตรายใดในอ้อมกอดอันแข็งแกร่งนี้
กัญญาวีร์ตกอยู่ในสภาวะไร้สำนึกรู้ โลกทั้งใบกลับกลายเป็นเคว้งคว้างไร้แรงโน้มถ่วง ขณะแผงอกเป็นล่ำสันเต็มไปด้วยมัดกล้ามเบียดเสียดกับอกอิ่ม อุ้งมือหยาบประคองใบหน้าของเธออย่างทะนุถนอมอ่อนโยน ประหนึ่งหญิงผู้เป็นที่รักยิ่ง
นั่นทำให้เธอไม่มีทีท่าขัดขืนแม้สักน้อย เพราะกำลังมัวเมาในรสชาติหวานซาบซ่านจากกุมภิลหนุ่ม เมื่อเรียวปากหนาหยักได้รูปพะเน้าพะนอ ขบเม้มเรียวปากบางกระจับทั้งบนล่าง สลับกันไปอย่างเท่าเทียม ปลายลิ้นหนาคอยแต่จะเกี่ยวลิ้นของเธอออกไปอย่างเป็นงาน บำรุงบำเรอให้ถึงอกถึงใจ
แต่เพียงวูบหนึ่งเธอกลับได้สติ! พอดวงตาฉ่ำปรือด้วยฤทธิ์มนตร์เหลือบไปเห็นมือหยาบมีเล็บยาวยื่นออกมาเป็นกรงเล็บของสัตว์ จึงยกมือขึ้นปัดป่ายในอากาศหาอิสรภาพ ก่อนจะคว้าได้เพียงเรือนร่างหนาใหญ่ที่ทำเป็นไม่สนใจ
อื้อ... เขาเป็นใครกัน... ที่นี่ที่ไหน...
หญิงสาวส่ายหน้าไปมาพร้อมอารมณ์หวามไหว เมื่อชายผู้อุกอาจแววตาร้ายกาจแสยะยิ้ม รวบข้อมือทั้งสองของเธอไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียว ก่อนจะก้มลงดูดกลืนยอดแข็งเป็นตุ่มไต ชิมรสชาติจากปลายยอดสีงามอย่างตะกละตะกลาม พาความชุ่มชื้นชโลมไปทั่ว
กัญญาวีร์ไม่สามารถขัดขืนเขาได้ ขณะที่สัมปชัญญะพร่าเลือนบอกเธอว่าตนอยู่ที่ใด
พื้นที่กว้างขวางของถ้ำซึ่งเธอเคยมาเที่ยวชมสมัยยังเป็นเด็ก ณ เวลานี้ไม่ได้เป็นอย่างตำนานกล่าวขาน
หน้าทางเข้าทางธรรมชาติเป็นโพรงลึกทรงกลม ขนาดเท่าลำตัวจระเข้ขนาดใหญ่มากสามารถเข้าไปได้ ถูกเสกสรรค์ขึ้นมาอาคมด้วยมนตรา แสงระยิบระยับจับตาของม่านน้ำพุบอกว่าที่นี่ไม่มีแม้แต่ทางเข้าออกด้วยซ้ำ...
เว้นเสียแต่ว่าเจ้าถิ่นจะปล่อยเธอไป ซึ่งคงจะไม่ง่ายดายนักเมื่อสัญชาตญาณสัตว์ปรากฏในแววตาเร่าร้อนสีแดงฉาน เปล่งประกายใกล้เคียงกับสีเลือด
หญิงสาวพยายามหอบหาอากาศจากเรียวปากหนาหยักได้รูปอันดื้อรั้น ทว่าพอเขามอบจุมพิตแสนดูดดื่มอย่างไม่เคยมอบให้หญิงใด มือหนาเลื่อนขึ้นคลึงเคล้าเต้าตึง บีบเคล้นอย่างไร้ความเกรงอกเกรงใจ เธอคงไม่รอดพ้น...
สองมือเรียวตะเกียกตะกายคว้าแผ่นหลังแกร่ง ครึ่งหนึ่งนั้นกลายเป็นผิวขรุขระเหมือนผิวของจระเข้ ซึ่งเธอเริ่มชินกับมันแล้วจึงไม่รู้สึกรังเกียจสัมผัสเร่าร้อนอ่อนโยนนี้เลย ออกจะชอบพอเสียอีก ร่างกายของเธอและเขายังเหมือนเป็นคนคุ้นเคยกัน บดเบียดใกล้ชิดมากเท่าไรยิ่งรู้สึกดีเท่านั้น
ผู้บุกรุกเองคงไม่ต่าง หางที่สะบัดส่ายไปมาแรง ๆ จนเกิดเสียงดังฟาดกับแผ่นหินบอกถึงอารมณ์คุกรุ่นในอก หากได้ชิมชมดมกลิ่นหอมหวานสักครั้งคงไม่มีคำว่าพอ แม้ว่าจะต้องคอยเตือนตัวเองให้หยุด เขาคงไม่อยากเลยเถิดไปไกลกว่านี้
นั่นมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เรียวปากหนาชุ่มชื้นยังทำงานอย่างตะกละ ขยับมือลูบผ่านหน้าท้องแบนราบไปถึงเนินอวบอูม หยุดลงบนแพรไหมงาม ลูบมันเบา ๆ
“อ๊ะ... คุณชาร์ล” เสียงหวานสั่นคราง เพียงปลายนิ้วเรียวยาวสะกิดยอดตุ่มไต แข็งขึงและเปียกชุ่มเหมือนเฝ้ารอบางอย่าง ฉับพลันกับที่เปลือกตากะพริบปรือ
เพดานสีขาว...
และก็ไม่ใช่นิ้วมือใคร...
กัญญาวีร์เบิกตากว้าง ลุกพรวดขึ้นนั่งเหลือกตาอ้าปากค้าง
เฮ้ย! ทำไม... เธอฝันประหลาดขนาดนี้ แล้วกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มกับลูกค้าเนี่ยนะ!
“อย่าลืมตะกรุดที่ทวดให้ไว้นะ ต้องใส่ตลอดเวลาเข้าใจไหม? ถ้าขาดให้มาบอกยาย จะซ่อมให้” เสียงยานคางหญิงชราวัยเจ็ดสิบกำชับหนักแน่น มือเรียวที่มีรอยเหี่ยวย่นตามวัยผูกสร้อยข้อมือสีดำสนิทซ้อนเป็นเงื่อนตาย ให้แน่ใจว่ามันจะไม่หลุด
“กันไม่ลืมจ้ะยาย ยายเถอะอยู่บ้านดี ๆ นะไม่ต้องห่วงหลาน หลานเอาตัวรอดได้”
คุณยายราตรีผ่อนลมหายใจหนัก จัดการงานตรงหน้าเสร็จแล้วยังว่า “เด็กนอกนี่สอนยาก พูดอะไรไม่เคยเชื่อกันสักเรื่อง ไม่เหมือนแม่ชีนะ คนนั้นไม่มีเถียงยายสักวัน”
“ยิ้มหวานอย่างเดียว...” พูดพลางฉีกยิ้มกว้างหวาน เห็นไรฟันขาวครบทุกซี่ ก่อนจะว่า “พี่สาวชีน่ะยิ้มหวานจ้ะ จ้ะ จ้ะ ถ้าไม่ตัดสินใจบวชชีคงเป็นมิสยูนิเวิร์สได้แล้วมั้ง”
“มันน่าตีนะ นินทาใครไม่นินทา ลามถึงแม่ชี” คุณยายทำตาขวางมองชุดสวยลายสก็อต เดรสกระโปรงสั้นเหนือต้นขา อีกข้างเป็นทรงตัดคลุมยาวไปถึงเข่า หลานสาวคนดีแต่งตัวตามแฟชั่นทันสมัยไม่ตกยุค ไม่รู้จะสวยไปไหน ส่วนตัวคุณยายเองอยู่ในเสื้อคอกระเช้าผ้าถุง ร่างผอมบางเหมือนกับทุกคนในบ้าน
“วันนี้ไปไหนล่ะ? แต่งตัวสวยโบกหน้าซะหนา จะไปดูหนังดินเนอร์กับตาสนหรือยังไง”
“เอาเอกสารไปให้ลูกค้าเซ็นหน่อยจ้ะ วันก่อนกันป้ำ ๆ เป๋อ ๆ หยิบของผิด ๆ ถูก ๆ สงสัยนอนไม่ค่อยพอ” พูดพลันก้มหน้าลงมองกล่องแก้วกลมลักษณะเป็นทรงเรียวยาว ข้างในเป็นยันต์สีทอง ซึ่งเธอได้ยินมาจากคุณยายว่าคุณทวดให้พระปลุกเสกไว้เพื่อป้องกันภยันตรายทั้งหลายแหล่รวมถึงเวทย์อาคม มันผูกไว้ด้วยสายถักเส้นเล็กเหมาะกับข้อมือของผู้หญิง
“ขอบคุณนะยาย สร้อยข้อมือถักงานดีมาก น่ารักฝุด ๆ” รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏบนใบหน้าหวานแต่งแต้มเครื่องสำอางอ่อน กัญญาวีร์ชื่นชอบงานฝีมือ สร้อยข้อมือที่คุณยายถักให้ใส่เสมอ มากกว่าที่จะเชื่อเรื่องพวกนี้
เธอเชื่อในเรื่องของความดีว่าเป็นยันต์คุ้มกันภัยที่ทรงพลังที่สุด หากคิดดีทำดีแล้วละก็ ไม่มีสิ่งใดมาทำอันตรายได้
“กันไปแล้วนะ เสร็จธุระแล้วจะรีบกลับ ยายอย่าลืมล็อคประตูบ้านด้วย”
“ขับรถดี ๆ ล่ะ ไม่ต้องรีบกลับก็ได้ จะไปไหนก็ไปเถอะ” พูดพลันโบกมือไล่หลานหน้านิ่ง กัญญาวีร์ทำแก้มป่องอย่างเง้างอน ก่อนที่คุณยายจะเดินเข้าครัวไป พอเห็นของบนเคาน์เตอร์ลายหินอ่อนเลยนึกขึ้นได้ว่าลืมกับข้าวฝากหลานอีกคน ส่งเสียงตะโกนดังไปถึงลานจอดรถยนต์ในสวนหลังบ้าน
“แก้วเอ๊ย! อย่าเพิ่งไป ๆ” ร่างผอมรีบหยิบภาชนะใส่อาหาร หุ้มด้วยผ้าลายดอกไม้สวย ยกมาวางของบนโต๊ะไม้สักกว้าง โดยมีหลานสาวทำหน้าตาเหลอหลา
“อะไรจ๊ะ? ยาย...”
“ยายลืมไปเลย ขับรถผ่านวัดแวะเอาปิ่นโตให้แม่ชีด้วยนะ ยายทำแกงไตปลา หุงข้าวหอมมะลิสวยให้หลาน จะกินด้วยกันก็ได้แล้วแต่สะดวกเรา แต่ถ้ามีธุระที่อื่นจะไม่แวะ ก็ฝากตาอ่ำเอาปิ่นโตไปให้ชีหน่อยแล้วกัน”
คุณยายคงหมายถึงเด็กวัดรุ่นใหญ่ที่มาเอาปิ่นโตที่บ้านประจำ หญิงสาวตาลุกวาวในทันที “อ้าวว! มีข้าวฟรีแบบนี้ ตาอ่ำอดแน่นอน กันคงกินกับพี่หวานที่วัด ยายต้องกินข้าวคนเดียวแล้วล่ะ”
“กินให้เยอะ ๆ เลยไม่ต้องเกรงใจนะแม่ทองแม่แก้ว จะได้มีแรงทำงาน มีแรงบำเพ็ญกุศล ยายฝากบุญด้วย”
“ฝากได้ที่ไหนล่ะยาย บุญน่ะ บุญใครบุญมัน กรรมก็เหมือนกัน หึหึ” คนหัวเราะยกมือป้องปาก รับถุงผ้าสีสวยมาถือ “เลิกเรียกตะเภาแก้วตะเภาทองได้ละยาย แล้วพูดภาษาโบราณเหลือเกิ้นน ดูละครเยอะไปเปล่า”
คุณยายราตรีหน้าตาคร่ำเครียดด้วยความเป็นห่วง แม้อีกคนจะทำเป็นไม่สนใจ ได้ทีเปิดปิ่นโตดู เอามือจกชิมหยิบหมูเข้าปากก่อนแม่ชีพี่สาว
“ที่ยายเตือนก็เพราะหวังดีกับหลาน ทั้งสองคนนั่นแหละ แต่อีกคนเขาละทางโลกแล้วเขาบวชไปแล้ว กรรมไม่หนักเท่าเอ็ง”
“โธ่... ยาย รุ่นนี้ท็อปเซลล์ร้านเครื่องหนังนะคะ พญาชาละวันอะไรของคุณยายคุณทวดน่ะลองมาสิ แม่ตะเภาแก้วนี่แหละจะถลกหนังจับทำกระเป๋ารองเท้าส่งไปขายอเมริกาซะให้เข็ด”
คุณยายหัวเราะประชดค่อยส่ายหน้าว่า “เออ ๆ เก่งจ้าเก่ง หลานยายเก่งอยู่แล้ว เอ้าไป ๆ เดี๋ยวก็สาย งานไม่เสร็จ โดนหักเงินเดือน”
“ไม่โดนหรอกรุ่นนี้เส้นใหญ่”
“แม่คนสวยเส้นใหญ่เกาเหลา แม่ชีหิ้วท้องรอหิวจะแย่ มัวแต่ฝอยนี่แก”
“จ้ะยาย กันไปแล้วนะ”
หลานสาวหัวเราะคิกคัก ยกปิ่นโตใหญ่ห้าชั้นไปใส่ไว้ท้ายรถ พอนึกขึ้นได้ว่าลืมเอกสาร เธอรีบวิ่งกลับเข้าบ้าน ขึ้นบันไดไป
ปกติกัญญาวีร์ไม่ใช่คนขี้หลงลืมเท่ายายรัศมี แต่หลายวันมานี้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัว หยิบจับอะไรพาลแต่นึกถึงลูกค้าหนุ่มรูปหล่อ ทั้งที่เธอไม่ใช่สาวคลั่งรัก ติดซีรีส์ บ้าโอ้ปป้า มันเหมือนกับว่านัยน์ตาคู่คมคู่นั้นคอยตามหลอกหลอนทั้งในความฝันและความจริง