EP : 4

999 คำ
“กินข้าวเลยไหมแก้ม” “กินเลยพี่เมฆ” ฉันเดินเซ็งลงมาจากชั้นบน เดินกลับมาที่ห้องพักพนักงานแล้วก็กินข้าวก่อนทำงาน กลืนแทบไม่ลงแต่ก็ต้องฝืนกิน ไม่กินได้ตายแน่เพราะแค่นี้ก็แทบล่วงอยู่แล้ว “เหมือนเธอจะไม่ค่อยไหว” “หืม? เราเหรอ” “จะใครล่ะยืนอยู่กันสองคน” “ฮ่า ๆๆ นั่นสิ” ฉันกำลังยกเก้าอี้ลงซึ่งที่ตรงนี้มีแค่ฉันกับทิวสองคนแค่นั้นก็ต้องถามฉันอยู่แล้ว “แล้วตกลงไหวไหม” “ไหวสิ” ฉันยิ้มให้ทิวแล้วก็ยกเก้าอี้ต่อ “ไปพักก่อนไป เดี๋ยวยกเอง” “ไม่ได้หรอก เก้าอี้ตั้งเยอะ” ฉันบอกทิวแล้วก็ทำต่อ ฉันไม่เอาเปรียบเพื่อนร่วมงานหรอกถึงฉันจะเป็นผู้หญิงก็ตาม “แต่... / ไหวน่า” ฉันหันไปยิ้มให้ทิวอีกครั้งแล้วเดินยกเก้าอี้ลงต่อ ยกไปเรื่อย ๆ ผับที่นี่มันใหญ่ ใหญ่มากไม่รู้จะใหญ่ไปไหน พนักงานก็เยอะแหละแต่แบ่งโซนกัน แค่โซนนี้ที่ฉันรับผิดชอบก็เยอะแล้ว ยกไปยกมาก้ม ๆ เงย ๆ ไงคะ จากที่ไหวแต่คนนอนน้อยหรือจะเรียกว่าไม่ได้นอนเลยก็ได้อย่างฉันเลยเริ่มวูบ “...” ฉันยืนเรียกสติหลังจากที่รู้ตัวว่าเมื่อกี้หน้ามืด พอค่อยยังชั่วแล้วถึงได้ทำต่อ ยกเก้าอี้ต่อเพราะอีกนิดเดียวก็เรียบร้อยแล้ว อีกนิด...เดียว~ “เฮ้ย! แก้มใส!” -เวลาต่อมา- “อือ~” “แก้ม ๆ พี่เมฆไอ้แก้มฟื้นแล้ว” “เออ ๆ เรียกน้องมันหน่อยมันโอเคไหม” ฉันได้ยินเสียงคนคุยกันเลยค่อย ๆ ลืมตาช้า ๆ “...พี่แป๋ม~” “ไงแก เป็นลมรู้ตัวรึเปล่า” “แก้มวูบค่ะพี่แป๋ม” จำได้ว่าสติสุดท้ายคือฉันยกเก้าอี้ลงแล้วก็ได้ยินเสียงทิวตะโกนเรียกจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย “พวกพี่ก็เห็นอาการแกไม่ค่อยดีตั้งแต่กินข้าวแล้วแก้ม พักผ่อนน้อยใช่ไหม” “ค่ะ” “ดีนะทิวมันวิ่งไปทันไม่งั้นหัวแกฟาดโต๊ะแน่ ๆ” “แก้มสลบไปนานไหมพี่แป๋ม” “เกือบชั่วโมงแล้ว” ตึก ๆๆ “ไปนอนอะไรตรงนั้น” “...” ฉันกับพี่แป๋มหันไปตามเสียง เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนเอามือล้วงกระเป๋าอยู่หน้าประตูท่าทางดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ “...น้องมันเป็นลมน่ะเฮีย” พี่แป๋มตอบคำถามเจ้าของผับที่เดินดูความเรียบร้อยตามปกติของเขานั่นแหละ เดินมาเห็นฉันนอนอยู่ในห้องพักพนักงานในเวลางานใครมันจะไม่ถาม “เป็นลม?” “ค่ะ” “เด็กในร้านเป็นลมแต่ไม่มีใครบอกกู?” เขาไม่ได้คุยกับพี่แป๋มแต่หันไปคุยกับพี่เมฆที่เดินเข้ามาพอดีต่างหาก “เอ่อ...ขอโทษครับเฮีย” “แล้วเป็นอะไร ทำไมถึงเป็นลม” คราวนี้เขาหันกลับมาถามฉัน “พักผ่อนน้อยค่ะเลยวูบ” “แล้วไม่รู้ตัวเลยรึไงวะว่าตัวเองไหวหรือไม่ไหว” “ก็คิดว่าไหว” “แล้วมันไหวไหม?” “...” เสียงแข็งดุดันสวนกลับมาทำให้ฉันเงียบ เงียบกันทั้งสามคนนั่นล่ะทั้งฉัน พี่แป๋ม แล้วก็พี่เมฆ “ถ้าไม่ไหวก็ลาไม่ใช่มาแล้วทำงานไม่ได้ อย่ามาเอาเปรียบคนอื่น เขาทำงานกันแล้วยังต้องวุ่นวายมาดูแลคนป่วย กลับห้องไปไม่ต้องมานอนป่ยขวางหูขวางตาคนอื่นเขา” “...” แค่ป่วย ไม่ได้ตั้งใจให้ป่วย มันไม่มีใครอยากให้ตัวเองป่วยหรอกแล้วฉันผิดอะไรวะ? “ถ้าป่วยแล้วมาทำงานแต่ทำได้ไม่เต็มที่เอาเปรียบคนอื่นอีกกูจะไล่ออกคอยดู” “เฮีย น้องมันไม่ได้ตั้งใจ มันทำเต็มที่แล้ว ตอนก่อนจะเป็นลมแก้มมันก็ตั้งใจทำงาน ยกเก้าอี้เยอะเลยวูบ น้องมันไม่ได้เอาเปรียบใครเลยเฮีย” “แล้วไง? แล้วความตั้งใจของน้องมึงมันทำให้อยู่ทำงานได้จนผับปิดไหมไอ้เมฆ” เขาหันไปถามพี่เมฆ เสียงเอาเรื่องเลยที่พี่เมฆกล้าขัดเขา “ไม่ไหวก็กลับไป อย่ามาขวางหูขวางตาคนอื่น” “แก้มไหวค่ะเฮีย” ฉันลุกขึ้นนั่ง เดี๋ยวจะไปทำงานให้ดูว่าคนอย่างแก้มใสไม่เอาเปรียบใครหรอก “คำพูดกูไม่มีความหมายเหรอ?” “...ค่ะ เดี๋ยวกลับตอนนี้ล่ะ” ฉันพูดจบเขาก็เดินออกไป ไปด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์แม้แต่นิดเดียว จะสบอารมณ์ได้ยังไง คนแบบนั้นชอบให้ใครมาเถียงที่ไหน เขามันหมาบ้ากัดคนไปทั่ว “จะกลับยังไงแก้ม พี่ว่านอนพักก่อนดีกว่า ดีขึ้นแล้วค่อยกลับเดี๋ยวไปเป็นลมข้างนอก” “นอนต่อก็โดนด่าว่าขวางหูขวางตาสิพี่แป๋ม ไม่เอาหรอกแก้มไม่อยากโดนด่า” “เฮ้อ! เฮียแกก็ห่วงนั่นแหละแค่ปากร้ายไปหน่อย แกก็รู้ว่าเฮียไคน์ดุ” “แก้มไปก่อนนะคะพี่แป๋ม” ฉันแค่ยิ้มให้พี่แป๋ม ไม่ขอออกความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับนิสัยเจ้าของผับนี้ เพราะที่ฉันสัมผัสมาสันดานเขามันหมากว่านี้อีก “กลับเลยเหรอแก้ม” “ค่ะพี่” ฉันเปลี่ยนชุด หยิบกระเป๋าจะเดินออกด้านหลังร้านก็มีพี่ ๆ ทักขึ้น “กลับไหวเหรอวะ” “ไหวพี่” “เออ ๆ โชคดีเว้ย” “เดี๋ยวไปส่ง” พอเสียงพี่ในร้านพูดจบเสียงของทิวก็พูดขึ้นมาทันที “ไม่เป็นไร เวลางานเดี๋ยวโดนเฮียด่า” “ระหว่างไปส่งเธอแล้วโดนเฮียด่า กับปล่อยให้คนไม่สบายกลับเองทั้งที่มีปัญญาไปส่งได้ เธอคิดว่าฉันจะเลือกอะไร” “แต่...” “ไปได้แล้ว ฉันจะส่งแค่แป๊บเดียวจะโดนด่าก็ช่างแม่งเถอะ ดีกว่าปล่อยให้เธอกลับเองแล้วกัน” “...แล้วใครบอกมึงว่ากูจะให้กลับเองไอ้ทิว”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม