บทที่1.เรื่องมันเริ่มต้นที่นี่แหละ.....

1580 คำ
ถึงหวานตาจะมีทรัพย์สินไม่น้อยหากเขาแต่งงานกับเธอ เขาก็จะพลอยสบายไปด้วย แต่เรื่องนั้นมันไกลตัวเกินไป เธอยังไม่มีทีท่าว่าจะตกลงปลงใจกับเขาเลย สถานะของเขาก็แค่...แฟน          แต่โอกาสดีๆ ตรงหน้านี่สิ หากไม่คว้าไว้ เขาคงเสียดายแย่          หวานตากดปิดแล็ปท็อปตรงหน้า เธอรู้ด้วยตัวเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้คือเรื่องสำคัญแน่ๆ สัญชาตญาณบอกเธอเช่นนั้น ท่าทางเรืองฤทธิ์ดูเคร่งเครียด เขามีสีหน้าหมองๆ เหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง และนั่นน่าจะเกี่ยวข้องกับเธอ          เรืองฤทธิ์ยกมือขึ้นคลายปมเน็คไท เขารูดปมตรงคอให้เลื่อนต่ำลงมาเพื่อให้ความอึดอัดที่เกิดขึ้นทุเลาลง แววตาของหวานตายิ่งทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก เขาพยายามเรียบเรียงคำพูดที่คิดไว้ในใจคร่าวๆ          “ไม่ใช่เรื่องงาน แล้วเรื่องอะไรคะ หรือว่าเรื่องหวาน?”          หวานตาลองเสี่ยงเดาและดูเหมือนว่าเธอจะเดาถูก          เรืองฤทธิ์จ้องหน้าหวานตา เขาเม้มปากจนริมฝีปากเป็นเส้นตรง แววตาดำมืดขุ่นมัวจ้องหน้าเธอ ตอนที่พูดขึ้นมา “หวานจะทำยังไงหากวันนี้เราต้องเลิกกันครับ?”          ชายหนุ่มตัดสินใจถาม          หญิงสาวตัวแข็งทื่อ เธอค่อยๆ เอนตัวพิงพนักเก้าอี้หรี่เปลือกตาลง ยกมือขึ้นกอดอกและค่อยๆ กวาดตามองชายตรงหน้าซ้ำอีกครั้ง          หวานตาไม่ได้มีท่าทีตกใจ เหมือนที่เรืองฤทธิ์คาดไว้ สีหน้าของเธอทำให้ชายหนุ่มเริ่มผวา ท่าทางนิ่งๆ เย็นๆ ของหวานตานี่คือต้นกำเนิดพายุดีๆ นี่เอง เขารู้ดีเพราะทำความเข้าใจกับอุปนิสัยส่วนตัวของเธอมาเป็นอย่างดี หวานตาเป็นสาวอินดี้ และเมื่อไหร่ที่เธอแผลงฤทธิ์ นั่นหมายถึงไม่ใครก็ใครต้องแหลกกันไปข้าง          “ทำไม?” เป็นคำถามที่สั้นเสียจนเรืองฤทธิ์ตอบไม่ถูก          หญิงสาวตวัดปลายขาขึ้นมาไขว้กัน เธอคลายมือที่กอดอกไว้ เลื่อนไปวางไว้ที่หัวเข่าแทน พยายามปรามตัวเองให้ใจเย็นๆ เรืองฤทธิ์ต้องมีเหตุผล ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่พูดออกมา          “ถ้าผมบอกว่า ผมเจอคนที่เหมาะกับผมมากกว่าหวานแล้วล่ะครับ”          ชายหนุ่มพยายามทำใจให้สงบ เขาผวากับแววตาของผู้หญิงตรงหน้าเหมือนกัน          หวานตาสูดลมหายใจลึกๆ เธอนับหนึ่งถึงสิบ แล้วก็เริ่มต้นนับใหม่ เป็นการลดอุณหภูมิความโกรธให้ลดลงที่ได้ผลชะงัด ครั้งหนึ่งเธอเคยวีนแตกเพราะเก็บอารมณ์โกรธไว้ไม่อยู่ และครั้งนั้นทำให้เธอพลาดโอกาสดีๆ ภูมิเตือนเธอ เขาสอนให้เธอนับเลขในใจ หลังจากวันนั้น เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นครูของเธอ ภูมิชี้ให้เห็นความผิดพลาด หากเธอควบคุมอารมณ์ได้ เหตุการณ์จะไม่บานปลายเลย นับจากนั้นเธอก็ใช้วิธีของภูมิ เธอจะนับเลขในใจทุกครั้งที่ความโกรธปะทุขึ้นมาในใจ          “1 2 3...” เรืองฤทธิ์เอียงหูฟัง เขาได้ยินเสียงหวานตาพึมพำบางอย่างออกมา          “ครอบครัวผมไม่ได้รวย บ้านเรามีรายจ่ายเยอะแยะ ผมต้องแบ่งเบาภาระของพ่อกับแม่ ผมคงไม่มีเงินมาสู่ขอหวาน หากวันหนึ่งในอนาคตเราต้องแต่งงานกัน”          เหตุผลแสนดีที่ฟังแล้วเหมือนกับว่าเรืองฤทธิ์กำลังตัดพ้อเธอ เขาคงไม่มีปัญญาหอบเงินล้านมาขอเธอแน่ แต่หวานตารู้ว่าไม่ใช่          “ไม่ใช่เหตุผลที่เราต้องเลิกกันนี่คะ หวานยังไม่ได้เร่งรัดให้เราแต่งงานกันเสียหน่อย”          หญิงสาวแย้ง เธอใจเย็นที่สุดแล้วนะ          “ผม...”          หลังนับเลขในใจวนไปวนมาเกือบร้อยรอบ หวานตาใจเย็นขึ้น เธอวาดปลายเท้าลงวางที่พื้น และถามเรืองฤทธิ์ตรงๆ “คุณเจอคนใหม่ที่ดีกว่าหวานใช่ไหมคะ... หวานเข้าใจแบบนี้ถูกไหม?”          ชายหนุ่มกลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอเขาฉวยแก้วกาแฟมาจิบ และเกือบสำลักเมื่อ…          “เธอเป็นใคร? ใช่ผู้หญิงในรถยนต์สีดำที่จอดอยู่โคนต้นไม้ตรงนู้นไหมคะ?”          แค๊กๆ ชายหนุ่มวางแก้วบนโต๊ะ ยกมือตบอก รีบล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดคราบกาแฟที่กระเด็นออกมาจากปากและเปื้อนบนอกเสื้อตัวเอง          “ทำไมไม่ให้เธอเข้ามาพูดกับหวานเองเลยล่ะคะ?”          หวานตาถามซ้ำ เธอมั่นใจเอาจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่เรืองฤทธิ์มีปฏิกิริยาตอบกลับมาแบบนั้นนี่เอง ครั้งแรกก็แค่สงสัย สายตาของเขาวนเวียนไปแถวนั้นบ่อยๆ จนกระทั่งเมื่อเขาเอ่ยปากพูด เขาก็ยังพยายามส่งสายตาไปที่รถยนต์คันนั้นอีก          “คือ...”          “หวานเข้าใจค่ะ เธอคงไม่กล้า แต่แหม...กล้าแย่งแฟนชาวบ้าน แต่กลับไม่กล้าสู้หน้าหวานงั้นเหรอคะ ไม่น่ารังเกียจไปหน่อยเหรอ”          หญิงสาวกล่าวประชด เธอเบ้ปาก ยิ้มหยันเลยไปให้ผู้หญิงขี้อายที่หลบอยู่ในรถยนต์คันหรู          “มันไม่ใช่แบบที่หวานเข้าใจหรอกนะครับ” เรืองฤทธิ์พยายามแก้ตัวแทนให้แม่สาวปริศนาคนนั้น          “เหอะ!” หวานตาหัวเราะหึๆ เธอกลอกตามองบน “แบบที่หวานเข้าใจ ผิดตรงไหนคะ คุณบอกเองนี่เรืองฤทธิ์ คุณเจอผู้หญิงที่เหมาะกับคุณมากกว่าหวาน!!” น้ำเสียงหวานตาเข้มขึ้น          ความโกรธของเธอปะทุขึ้นมาอีกรอบ หลังข่มไว้ในใจได้ตั้งนาน          ชายหนุ่มมีสีหน้าลำบากใจ ที่คิดเอาไว้ง่ายๆ มันไม่ง่ายเสียแล้ว          “ผมพยายามทำดีที่สุดแล้วนะครับหวาน” หากเธอยังโกรธอยู่ เรืองฤทธิ์มีสิทธิ์เจ็บตัว แต่ตอนนี้ความโกรธของเธอไม่ได้พุ่งสูงปรี๊ด มันแค่กรุ่นๆ และเธอมีประสบการณ์ การฟูมฟายไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น เธอโตแล้ว และมีเหตุผลมากพอ ในเมื่อชายตรงหน้าไม่ได้เห็นค่าความสัมพันธ์ครั้งนี้ เธอรั้งผู้ชายหมดใจก็จะเป็นการเสียเวลาเปล่า หวานตาคิดว่าตัวเองควรต้องเจ็บปวดกับความผิดหวังครั้งนี้ แต่เปล่าเลย!! เธอไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น มันอาจจะชาๆ เพราะยังเร็วเกินไปสำหรับเธอ          “ค่ะ”          “ผมเองก็ไม่ได้อยากเสียหวานไปหรอก หวานก็รู้ สำหรับผม หวานยังสำคัญเสมอ”          เมื่อท่าทีหวานตาอ่อนลง เรืองฤทธิ์เลยพยายามเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง          หวานตามองแก้วกาแฟ เธอนึกอยากทำอย่างที่ใจคิด แต่มันจะดูเป็นเด็กเกินไป เธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น หากจะแก้เผ็ดเอาคืนเรืองฤทธิ์ เขาจะต้องจำจนตาย เพียงแต่เวลานี้ เธอยังคิดหาทางแก้ลำเขาไม่ถูก ในสมองของหวานตาบันทึกเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้แล้ว ในสามัญสำนึกของเธอบอกไว้ การแก้แค้น...10ปียังไม่สาย          เพราะคนที่หัวเราะทีหลัง ย่อมสะใจกว่า          “ค่ะ หวานสำคัญสำหรับคุณ แต่คุณก็ยังเลือกเธอใช่ไหมคะ?”          หวานตาฉวยแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ เธอเกือบขำกับท่าทางผวาของชายตรงหน้า          “ผมจำเป็น” ชายหนุ่มอ้อมแอ้มตอบ...หากจะถูกตราหน้าว่าเขาทำเพื่อเงินก็ไม่ผิดนัก          เขาเบื่อที่จะต้องทำงานหนัก แต่เงินเดือนที่ได้รับไม่พอยาไส้ ไหนจะต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์ ค่าเสื้อผ้า ค่าของใช้ ค่าเครื่องดื่ม รายจ่ายที่สวนทางกับรายรับ มันทำให้เขาต้องวิ่งหาเงินตัวเป็นเกลียว          เรืองฤทธิ์ลืมไป เขาไม่จำเป็นต้องขวนขวายแบบนั้นเลย หากเขาลดอัตราความอยากลงมาบ้าง          ไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์ ในเมื่อถนนแทบจะไม่พอให้รถวิ่ง ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อผ้าราคาแพง เพราะวันทั้งวันเขาก็อยู่แค่ที่ทำงาน แทบไม่ได้โผล่หน้าออกไปที่ไหนเลย แล้วแบบนั้น เขาจะใส่เสื้อผ้าราคาแพงเหล่านั้นไปทำไม รวมทั้งพร็อปต่างๆ ที่เขาต้องมีอีกเช่นกัน นาฬิกาบอกเวลาเท่ากันทุกเรือน แตกต่างที่ยี่ห้อ เขาเป็นแค่พนักงานในออฟฟิต ไม่จำเป็นต้องใช้นาฬิกาหรูๆ หลายอย่างที่ไม่จำเป็นเรืองฤทธิ์ขวนขวายหามา และทำให้ตัวเองจมไม่ลง ทั้งที่สตางค์ในกระเป๋ามีให้ใช้แบบจำกัด          “ตามนั้นค่ะ หวานเข้าใจ”          หลังทบทวนในใจ หากขาดคนตรงหน้า ชีวิตของเธอจะเดินไปข้างหน้าต่อได้ไหม?          หวานตาตอบได้ในทันที...ได้สิ ไม่มีเขา ไม่มีเรืองฤทธิ์เธอก็ไม่ตายหรอก          แค่ผิดหวังที่เลือกคนผิด บทสุดท้ายแล้ว คนที่เขาเลือกกลับไม่ใช่เธอ          “คือ...” เรืองฤทธิ์กำลังชั่งใจ เขาควรพูดสิ่งที่คิดไว้ออกมาหรือไม่          “คะ?”          ในที่สุดเขาก็ติดสินใจพูด “เราจะเป็นแบบนี้ต่อไปได้ไหมครับหวาน ถึงผมจะมีเขาอีกคน แต่หวานก็ยังสำคัญกับผม”          หวานตานิ่งอึ้ง...เธอไม่ได้ดีใจที่เขายังต้องการเธอ แต่ทุกคำที่เรืองฤทธิ์พูดออกมา มันแสดงถึงความเห็นแก่ได้ เธอไม่รู้หรอกว่าเพราะอะไรเรืองฤทธิ์ต้องการเธอกับผู้หญิงอีกคนไว้ในสถานะเดียวกัน...ผู้หญิงหลายคนอาจจะยอม เพราะความรักที่ทำให้ตามืดบอด แต่สำหรับหวานตาแล้ว...ไม่มีทาง!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม