EP.5 คืนหวามชวนเสียตัว
เมื่อคืนเขาจำได้ไม่ปะติดปะต่อนักราวกับความทรงจำบางส่วนขาดหายจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ รู้เพียงว่าเขาทั้งกอด ทั้งหอม ทั้งจูบเธอซ้ำๆ แต่ไม่มั่นใจว่ามากเกินกว่านั้นหรือเปล่า น่าจะไม่...
นั่นสิเขาจำได้ว่าไม่...
แต่เอ...หรือว่าจะ...เผลอลวนลามฝากรักไว้เสียแล้ว แต่คงไม่หรอกเพราะเขาจำได้ว่าเธอปฏิเสธว่าไม่พร้อม เขาจึงไม่ได้หักหาญน้ำใจ แต่ก็นั่นแหละชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองในสภาพเปลือยเปล่า อีกทั้งเจ้าน้องชายของเขามีสภาพผ่านการใช้งานอย่างสุขสมจนเห็นคราบรักติดอยู่ตามต้นขา
หรือว่าจะ...
ขณะที่กำลังนอนครุ่นคิดอยู่นั้นสาวน้อยในอ้อมกอดก็ลืมตาขึ้น ดวงตากลมโตหลุบต่ำเมื่อเห็นว่าเขาตื่นก่อนแล้ว เธอรีบผุดลุกขึ้นดึงผ้าห่มไปพันกาย แต่เมื่อดึงผ้าห่มผืนเล็กไปเสียสิ้นทำให้นาเหนือเปลือยเปล่าโทงเทง ยามเช้าตรู่เช่นนี้ยิ่งเห็นชัดว่าเจ้าน้องน้อยของเขากำลังตื่นตัวและยืนตรงทักทายเธออย่างมีเลศนัย
“ว้าย!”
ขวัญข้าวตกใจรีบหยิบหมอนโยนใส่น้องชายของชายหนุ่มทันควัน ใบหน้าของเธอแดงก่ำ ระเรื่อไปถึงใบหูและลำคอ เอาแต่ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาเขา
นาเหนือนั่งอมยิ้ม ไม่คิดเลยว่าการที่ครอบครัวขับไล่แกมบังคับให้เขาออกจากไร่ตรีธารเพื่อออกท่องเที่ยวเปิดหูเปิดตาเสียบ้าง เพราะเขาเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในไร่ มุ่งมั่นพัฒนาเพื่อให้ความรู้เกษตรกรและปรับปรุงไร่ให้ทันสมัยก้าวทันโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็วจนแทบไม่ยอมไปไหน จะทำให้เขาได้รู้จักกับสาวน้อยที่มีอายุห่างกันถึงสิบเอ็ดปี
ให้ตายเถอะ! รู้สึกดีเป็นบ้าเลย!
การที่ลืมตาตื่นขึ้นมาเจอขวัญข้าวเป็นคนแรกมันทำให้เขามีความสุขจนล้นหัวใจ เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน แบบนี้หรือเปล่านะที่เรียกว่า ‘ความรัก’
“รีบแต่งตัวแล้วออกไปได้แล้วค่ะ”
เขาตื่นจากภวังค์เมื่อคนตัวเล็กออกปากไล่ เขาแสร้งหยิบเสื้อผ้ามาสวมอย่างช้าๆ แล้วขยับตัวเข้าหา โดยที่หญิงสาวไม่ทันระวังตัวเขาก็รวบร่างบางมานั่งตักแล้วขโมยหอมแก้มฟอดใหญ่
“คืนพรุ่งนี้เรา...”
ขวัญข้าวรับรู้ได้ว่าจู่ๆ หัวใจของนาเหนือก็เต้นแรง ใบหน้าของเขาประหม่าขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “คืนพรุ่งนี้ทำไมเหรอคะพี่เหนือ” ในที่สุดเธอก็ถามออกไป เมื่อเห็นเขานิ่งเงียบไป
“พรุ่งนี้เราไปดินเนอร์กันนะ แค่เราสองคนเท่านั้น” นาเหนือตัดสินใจแล้วว่าคืนพรุ่งนี้จะบอก ‘รัก’ และขอหญิงสาวเป็นแฟน จากนั้นเมื่อกลับไปเมืองไทยเขาจะบอกให้บิดามารดาเดินทางไปทาบทามขอหมั้นเธอเอาไว้ก่อน จากนั้นสักสองสามเดือนก็จะขอแต่งงานเสียเลย
ไม่มีอะไรเร็วเกินไป หากว่าเรารักและอยากอยู่กับใครสักคน ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ได้ร่วมทริปท่องเที่ยวไปกับขวัญข้าว หลายครั้งที่ต้องลำบากและพบอุปสรรคต่างๆ มากมาย เธอเป็นผู้หญิงที่มีความอดทน กล้าที่จะบุก กล้าที่จะลุย และเป็นคนที่มีน้ำใจ ไม่เอาเปรียบใคร
ทำให้เขายิ่งมั่นใจว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เขาอยากจะตื่นขึ้นมาเห็นหน้าทุกๆ เช้า…
เสียงนกเอี้ยงส่งเสียงร้องโวยวายจากต้นกาสะลองทำให้นาเหนือสะดุ้งตื่นขึ้นจากความฝัน ใบหน้าของเขาเครียดขรึม ดวงตาหม่นเศร้าลงอย่างน่าใจหาย อดีตแสนหวานเป็นเพียงการเสแสร้งมารยาที่ปราศจากความจริงใจ
“ผู้หญิงแพศยา ฉันเกลียดเธอ!”
นาเหนือกัดฟันจนสันกรามปูดโปน ดวงตากร้าวกรุ่นโกรธเกลียดชัง คืนนั้นเขาใส่ชุดสูทนั่งรอเธอที่ร้านอาหารจนร้านปิด เพื่อที่จะพบว่าเธอไปกับชายอื่น...
ขวัญข้าวหยุดยืนอยู่หน้าบ้านพักคนงานซึ่งสร้างเป็นห้องแถวหลายหลัง แต่ละหลังมีสองชั้นเรียงรายกันหลายสิบห้อง เธอยอบกายวางกระเป๋าเสื้อผ้าลงบนพื้น มือข้างหนึ่งถือเชือกจูงเด็กโดยเชือกจูงนี้มีลักษณะเป็นกระเป๋าเป้เล็กๆ สะพายหลังเด็กเอาไว้ เธอจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้ป้องกันไม่ให้ดอกรักวิ่งเล่นไปไกลจนลับตาในระหว่างที่เธอต้องจัดแจงขนของจากห้องเช่าหลังร้านอาหารในตลาดมายังบ้านพักคนงานในไร่ตรีธาร
กริ๊ก!
เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่นักแต่สะอาดสะอ้าน มีฟูกนอนสามฟุตบนพื้น โต๊ะไม้สีเข้มวางอยู่มุมห้อง ด้านหลังเป็นระเบียงเล็กๆ สำหรับเปิดรับลม ห้องพักคนงานระดับล่างนี้ไม่มีห้องน้ำในตัว ต้องใช้ห้องน้ำรวม และมีโรงอาบน้ำแยกต่างหาก ซึ่งแบ่งเป็นสัดส่วนระหว่างชายหญิงและผลัดเปลี่ยนเวรกันทำความสะอาดเป็นประจำ
“โห! ที่นอนน่านอนจัง”
ดอกรักห่อปากจนเล็กจู๋แล้ววิ่งไปทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่ม เด็กตัวน้อยตื่นเต้นกับทุกสิ่งรอบตัวอย่างไร้เดียงสา ส่งผลให้ผู้เป็นแม่ถึงกับรู้สึกตื้อตันที่ลำคอ ที่ผ่านมาเธอกับดอกรักอาศัยนอนในที่คับแคบจนแทบเรียกได้ว่า ‘รังหนู’ แค่ที่ซุกหัวนอน ไม่มีฟูกนอนหนานุ่ม มีเพียงผ้าห่มปูนอนเท่านั้น
“ดอกรักชอบที่นี่มั้ยคะ” เธอเดินไปใกล้ๆ แล้วลูบลงบนศีรษะเล็กที่ถักเปียไว้ทั้งสองข้างด้วยความรัก เด็กหญิงตัวน้อยแหงนหน้าขึ้นมองมารดาแล้วยิ้มจนตาเล็กหยีก่อนจะโผซบกอดขามารดาเอาไว้แน่น
“ชอบมากๆ เลยค่ะ”
เด็กน้อยหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตามารดา “หนูรักคุณแม่มากที่สุดในโลกเลยค่ะ เมื่อไหร่คุณพ่อจะกลับมาอยู่กับเราเสียทีล่ะคะ หนูอยากกอดคุณพ่อ” คนตัวเล็กเอียงคอถาม ดวงตากลมแป๋วจ้องมองมารดาอย่างรอคอยคำตอบ
คำถามนี้อีกแล้ว...
คำถามที่ทำให้หญิงสาวอยากจะยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้โฮ สะอึกสะอื้นแทบขาดใจตายให้สาสมกับความเจ็บช้ำที่ถาโถมจนทำให้หัวใจของเธอหมองเศร้า แต่ก็จำต้องแสร้งทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าเด็กตัวน้อยผู้มีเธอเป็นที่พึ่งพิงเพียงหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้
“มานี่สิจ๊ะ”
ขวัญข้าวจูงมือดอกรักออกมายืนที่ระเบียง ยอบกายลงคุกเข่าเพื่อให้ความสูงเสมอเด็กตัวน้อย ก่อนจะชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า “คุณพ่อไปทำงานบนฟ้าคงไม่กลับมาหาเราแล้วค่ะ แต่คุณพ่อเฝ้ามองดอกรักทุกวันเลยนะรู้มั้ย ถ้าดอกรักเป็นเด็กดีคุณพ่อจะส่งสายรุ้งลงมาให้หลังฝนตก หนูชอบสายรุ้งมั้ยคะ”
“หนูชอบค่ะ วันก่อนคุณพ่อก็ส่งสายรุ้งมาให้หนู สวยและใหญ่มากๆ เลย” เด็กน้อยยิ้มจนแก้มแทบปริ กางแขนสองข้างออกกว้างเพื่อบอกขนาดของสายรุ้งใหญ่แก่ผู้เป็นมารดา