EP.6 คนงานคนใหม่
“เด็กดีของแม่ มาให้แม่หอมแก้มหน่อย”
เมื่อได้ยินดังนั้นดอกรักก็ยิ้มกว้างรีบเอียงแก้มให้มารดาหอมทั้งแก้มซ้ายและแก้มขวา ก่อนจะรบเร้าขอให้มารดาพาไปเดินเล่นข้างล่าง ขวัญข้าวยอมตามใจดอกรัก ปล่อยให้เด็กหญิงได้เล่นซนทำความคุ้นเคยกับสถานที่ ส่วนเธอก็จะได้ทำความรู้จักและฝากเนื้อฝากตัวกับเพื่อนร่วมงาน
“ที่นี่น่าสนุกกว่าที่โรงเรียนอีกค่ะคุณแม่”
หญิงสาวเอาสายจูงออก แล้วปล่อยให้ดอกรักวิ่งเล่นไปบนผืนหญ้าอย่างสนุกสนาน ไร่ตรีธารนั้นทำเกษตรผสมผสาน มีเนื้อที่นับพันไร่โดยแบ่งปลูกข้าวกว่าห้าร้อยไร่ซึ่งนับเป็นรายได้หลักของที่นี่ นอกจากนั้นก็แบ่งเป็นสวนผลไม้ สวนผัก บ่อปลูกดอกบัวสีน้ำเงินเพื่อทำชา มีแปลงดอกไม้ เช่น กุหลาบ เบญจมาศ ดอกกระเจียว อีกทั้งยังมีโซนปศุสัตว์ เลี้ยงทั้งช้าง ม้า วัว ควาย เป็ด ไก่ เรียกได้ว่าที่นี่ทำการเกษตรแบบครบวงจรเลยทีเดียว
โดยมี ‘นาเหนือ’ หรือที่คนงานเรียกเขาว่า ‘นายเหนือ’ เป็นผู้บริหารดูแลไร่นี้ร่วมกับน้องชายอีกสองคนโดยเขาดูแลในส่วนของนาข้าว โรงสี การแปรรูปสินค้าภายในไร่เพื่อส่งขายไปยังร้านต่างๆ และควบคุมเรื่องการเงินทั้งหมดของไร่ตรีธาร น้องชายคนรอง ‘นาวา’ หรือที่คนงานเรียกว่า ‘นายนาวา’ ดูแลเรื่องปศุสัตว์และสวนผลไม้ทั้งหมด ส่วนน้องชายคนสุดท้อง ‘นาบุญ’ หรือที่คนงานเรียกกันว่า ‘นายบุญ’ นั้นดูแลในส่วนของดอกไม้และคุมตลาดสดตรีธาร ตลาดสดขนาดใหญ่และมีตึกแถวให้เช่าค้าขายมากมาย
เรียกได้ว่าตระกูลภาพนัสเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลของจังหวัดนี้ แต่เป็นอิทธิพลทางด้านดี คือช่วยเหลือให้คนในชุมชนมีงานทำ มีรายได้เลี้ยงชีพ อีกทั้งยังจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ทางการเกษตรเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการทำการเกษตรอย่างถูกต้องและยั่งยืนอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ขวัญข้าวไม่เคยรู้เลยว่าภูมิหลังครอบครัวของนาเหนือเป็นเช่นไร ประกอบธุรกิจอะไร เธอพบเขาครั้งแรกที่ประเทศอิตาลีขณะที่เธอแบกเป้ใบใหญ่ออกท่องเที่ยวเพียงคนเดียวเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อนกลับไปทำงานที่เมืองไทย ตอนนั้นเธอเดินหลงทางและกำลังวุ่นวายกับการกางแผนที่ เมื่อเธอสบถเป็นภาษาไทยด้วยความหงุดหงิดกลับมีผู้ชายคนหนึ่งที่เพิ่งเดินผ่านไปหันกลับมาช่วยเหลือจากนั้นก็ต่างแยกย้ายกันไป
จนกระทั่งพรหมลิขิตชักพาให้เธอและเขาพบกันอีกครั้งที่สวิตเซอร์แลนด์
นาทีนั้นราวกับมีสายใยบางอย่างร้อยรัดทั้งสองเข้าไว้ด้วยกัน แค่เพียงสบตากันอีกครั้งราวกับว่าได้พบจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่เข้ามาเติมเต็มอีกเสี้ยวของชีวิตที่ขาดหาย เธอกับเขาพูดคุยกันอย่างถูกคอในทุกๆ เรื่อง เธอจึงตัดสินใจออกท่องเที่ยวไปกับกลุ่มเพื่อนของเขาซึ่งมีชาวต่างชาติหลากหลายประเทศ รอนแรมค่ำไหนนอนนั่นกว่าสี่เดือน
นับเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่สุดในชีวิต...
จนกระทั่งคืนวันนั้น เขานัดเธอไปพบที่ร้านอาหารหรูเพื่อที่จะดินเนอร์ใต้แสงเทียน ทว่าเธอไม่ได้ไปตามนัดแต่กลับหายจากชีวิตเขาถึงเกือบสี่ปี
“คุณแม่!”
ขวัญข้าวตื่นจากภวังค์ความคิด เห็นผู้หญิงรูปร่างท้วมผิวเข้มคร้ามแดด ใบหน้าทรงกลมยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีกำลังเดินจูงดอกรักตรงมาหาเธอ
“ขอโทษด้วยนะคะ ยายหนูไปกวนอะไรคุณหรือเปล่า”
เธอกางแขนโอบกอดเด็กหญิงตัวน้อยที่โผเข้ามา หยิบผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อที่ใบหน้าของคนตัวเล็กกว่า จากนั้นหยิบขวดน้ำในกระเป๋าออกมาเปิดฝาขวดแล้วเทให้ดอกรักดื่มดับกระหาย เพื่อไม่ให้เสียน้ำในร่างกายมากเกินไป เพราะวันนี้อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าวกว่าทุกวัน
“ไม่เลยๆ แม่หนูดอกรักน่ารักมาก ช่างพูดช่างคุย น่าเอ็นดูจะตายไป” หญิงคนนั้นยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ว่า
“นี่ๆ เธอเป็นคนงานใหม่ที่เขาพูดถึงกันใช่หรือเปล่า”
“พูดถึงเหรอคะ” หญิงสาวทวนถามด้วยความงุนงง
“ก็ใช่น่ะสิ ใครๆ ก็พูดถึงคนงานคนใหม่ที่สวยราวกับดาราทั้งนั้น นี่ถ้าฉันไม่มาเห็นกับตาคงไม่เชื่อ คิดว่าไอ้พวกนั้นขี้โม้แน่ๆ” พูดพลางทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ราวกับสนิทสนม แล้วจัดการแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ
“ฉันชื่อใบเตยนะ เรียกพี่เตยเฉยๆ ก็ได้”
“ชื่อขวัญข้าวค่ะ ข้าวกับยายหนูดอกรักขอฝากตัวด้วยนะคะ”
“ว่าแต่แม่หนูน้อยนี่อายุเท่าไหร่แล้ว”
ขวัญข้าวนิ่งอึ้งไปหลายอึดใจอย่างครุ่นคิดก่อนจะโกหกออกไปว่า “เพิ่งอายุเต็มสามปีค่ะพี่เตย” หญิงสาวเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง โชคดีที่ดอกรักเป็นเด็กโครงร่างเล็ก การโกหกว่าอายุสามปี ทั้งที่อายุจริงเกือบสี่ปีจึงไม่มีใครสงสัย
“เด็กสมัยนี้โตไว เดี๋ยวเดียวก็คงโตเป็นสาวสวยเหมือนแม่ แล้ว...” ใบเตยอึกอักก่อนจะเอ่ยถามด้วยความอยากรู้แม้จะเป็นการเสียมารยาทก็ตาม “แล้ว...พ่อของแม่หนูดอกรักไปไหนเสียล่ะ”
“...”
ขวัญข้าวไม่ตอบ มีเพียงดวงตาที่หม่นเศร้าลงอย่างน่าใจหาย จนใบเตยต้องขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ แล้วเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่อย่างปลอบใจ ซึ่งจังหวะนั้นเองดอกรักก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส
“คุณพ่ออยู่บนฟ้าค่ะ”
ใบเตยจึงเข้าใจว่าสามีของขวัญข้าวอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว หรือไม่ก็เลิกรากันไปไม่กลับมาดูดำดูดีจึงต้องบอกลูกไปแบบนั้น เพราะเด็กยังเล็กเกินกว่าจะเข้าใจถึงความสัมพันธ์อันซับซ้อนของผู้ใหญ่
พระอาทิตย์เริ่มเคลื่อนตัวลงจุมพิตแมกไม้ ลูกๆ ของเหล่าคนงานออกมาวิ่งเล่น ดอกรักเล่นกับเพื่อนใหม่อย่างสนุกสนานปล่อยให้มารดานั่งคุยกับเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ ใบเตยนั้นเป็นคนอัธยาศัยดีอีกทั้งยังมีน้ำใจ เมื่อรู้ว่าขวัญข้าวเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องเลี้ยงดูลูกเพียงลำพังด้วยความยากลำบาก อีกทั้งยังไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน น้ำตาเม็ดโตก็ไหลเผาะด้วยความสงสารจับใจ
“โถแม่คุณ ทำไมชีวิตถึงได้ลำบากขนาดนี้”
“ก็ไม่ได้ลำบากขนาดนั้นหรอกจ้ะพี่เตย ฉันกับลูกชินแล้ว” ขวัญข้าวยิ้มเศร้า เธอเล่าเฉพาะสิ่งที่ใบเตยถามเท่านั้น โดยเล่าสั้นๆ ไม่ลงรายละเอียดลึกเพราะเกรงว่า ‘พวกมัน’ จะตามหาเธอกับดอกรักพบ การใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ และเรียบง่ายที่สุดทำให้เธอสามารถมีชีวิตอยู่ได้มาถึงสามปีกว่า
ไม่เช่นนั้น...เธอกับดอกรักคงลาโลกไปเสียนานแล้ว
“ห้องของฉันอยู่ข้างๆ ห้องของเธอ ถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือเคาะเรียกได้เลยนะ ไม่ต้องเป็นห่วง ต่อไปนี้ถือว่าฉันเป็นเพื่อนของเธอ เป็นป้าของยายหนูดอกรัก” พูดพลางใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาไปพลาง แม้ขวัญข้าวจะเล่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ใบเตยกลับรู้สึกว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่แสนบอบบางคนนี้ช่างเข้มแข็งเหลือเกิน