บทที่ ๓ เจ็บเจียนไร้วิญญาณ(๓)

1152 คำ
“เปล่านะคะ คือฉัน...” พยายามหาเหตุผลมาอธิบาย “คือว่า...” “หุบปาก! ต่อให้เธอชักแม่น้ำทุกสายในประเทศมาพูด ฉันก็ไม่มีทางเชื่อผู้หญิงตอแหลอย่างเธอ” คำด่าทอสุดร้ายกาจ มาพร้อมกับแรงมือเหวี่ยงร่างแน่งน้อยจนล้มลู่ฟุบอยู่กับพื้นหญ้า “ฉันเป็นคนรักษาคำพูด ในเมื่อเธอกลับช้า ฉันก็ต้องเผาบ้านหลังนี้ ยืนไว้อาลัยให้มันซะสิ หลังจากนี้ เธอก็นอนกลางดิน กินกลางทรายไปก็แล้วกัน” จบคำ ปลายเท้าแข็งแรง ก็มุ่งหน้าไปยังประตูบ้าน ยกแกลลอนน้ำมันขึ้น หวังจะราดลงบนกรอบประตู แต่ว่า...ข้อเท้าแน่นๆ กลับถูกมือบางของสลิลลาคว้าห้ามเอาไว้ “ฉันกราบค่ะ คุณภพอย่าเผาบ้านฉันเลย ได้โปรด...” มือน้อยๆ ประนมกราบวิงวอนเขา “ฉันสัญญา ว่าต่อไปนี้จะทำตามคำสั่งของคุณภพทุกอย่าง ” ปากสั่นๆ ขอร้องเขาด้วยน้ำตานองหน้า มือน้อยๆ กอดขาคนตัวโตไว้แน่น ต่อให้เขาดึงดันจะเดินต่อ โดยลากตัวเองไปกับพื้นเธอก็ไม่โอดครวญสักคำ “ได้โปรด...” เรียวปากอุ่นร้อนจูบเบาๆ เข้าที่หลังเท้า “อย่าเผาบ้านของลูกหว้าเลย...” เจ้าของร่างสูง กำลังแหงนเงยหน้ามองฟ้า หลับตาและลืมตาสลับกันเป็นสิบๆ ครั้ง เสียงอ้อนวอนสั่นเครือ ไม่ต่างจากมีดเล่มเล็กๆ นับพันที่พร้อมกันปักลงกลางใจแกร่ง จนตอนนี้มันแผ่วล้าเจียนขาดสะบั้น ชายหนุ่มยืนแข็งทื่อให้สลิลลาได้อ้อนวอนและขอร้องอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งยอมใจอ่อน วางน้ำมันเชื้อเพลิงลงข้างๆ โน้มตัวลงมาแกะมือเล็กออกจากข้อเท้า แล้วรั้งให้ยืนขึ้นเต็มความสูง มือแกร่งทั้งสองข้าง ยึดช่วงไหล่มนไว้ และเขย่าจนร่างแน่งน้อยหัวสั่นหัวคลอน “เลิกร้องไห้ได้แล้วลูกหว้า คืนนี้ฉันจะไม่เผาบ้านของเธอ” สั่งพร้อมกับปล่อยร่างเล็กให้เป็นอิสระ ปลายนิ้วแข็งแรงเชยคางมนให้แหงนเงยขึ้นสบตา ค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วกรีดไล้น้ำตาให้อย่างแผ่วเบา “ถ้าฉันสั่ง เธอพร้อมจะทำทุกอย่างใช่หรือเปล่า” ริมฝีปากร้อนผ่าวกล่าวด้วยเสียงทุ้มน่าฟัง นิ้วแกร่งยังคงปาดป้ายคราบน้ำตาออกจากแก้มนวล “ต่อไปนี้ ฉันขอสั่ง ห้ามเธอร้องไห้” สลิลลาได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก กะพริบตาไล่น้ำร้อนๆ ซึ่งไหลปริ่มขอบตา “ห้ามเธอพูดจาโต้เถียงฉัน ห้ามออกจากที่นี่โดยที่ฉันไม่ได้สั่ง ห้ามยิ้มหรือมองผู้ชายคนอื่น ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม และต่อไปนี้ เธอต้องแทนตัวเองว่าลูกหว้าตลอดไป เธอทำได้หรือเปล่า” หญิงสาวลอบกลืนก้อนสะอื้นลงคอ รับปากเขาโดยเร็ว “ค่ะ ลูกหว้าจะทำตามที่คุณภพสั่ง ลูกหว้าจะไม่ทำตัวเหมือนวันนี้อีก” “ดีมาก!” มุมปากหยักยกยิ้มอย่างผู้มีชัย ขยับปลายนิ้วเกลี่ยไปตามกรอบหน้าสวยอย่างเบามือที่สุด “ตอนนี้ ขึ้นไปอาบน้ำ ประแป้งหอมๆ แล้วฉันจะขึ้นไปหา และฉันหวังว่าคืนนี้เธอจะตอบแทนฉัน ทำให้ฉันมีความสุขที่สุด” ดวงตากลมๆ เสหลบไปมองรอบตัว เจ็บเหลือเกินในยามที่เขาเห็นเธอเป็นเพียงสิ่งบำเรอความใคร่ ปากเล็กเม้มแน่นเป็นแถบตรง ก่อนจะกัดฟันรับปากคนใจร้ายด้วยหัวใจเจียนแหลกสลาย “ค่ะ ลูกหว้าจะทำให้คุณภพมีความสุข สุขอย่างที่คุณภพต้องการ” “เข้าบ้านได้แล้วเด็กดี แล้วฉันจะรีบมาหา” นักธุรกิจหนุ่ม จบคำพูดแหบพร่าด้วยการทาบทับปากอุ่นร้อนของตัวเอง เข้ากับกลีบปากอิ่มชื้น บดเคล้าเบาๆ แล้วค่อยๆ ถอยห่างอย่างอ้อยอิ่ง และก่อนที่จะปล่อยให้ร่างบางก้าวเข้าบ้าน ปลายจมูกโด่งๆ ก็กดลงบนซอกคอเนียนเป็นการมัดจำ พร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มเคลื่อนขยับเต็มดวงหน้า ซึ่งช่างแตกต่างจากใครบางคนเหลือเกิน ร่างอรชรซึ่งนำพาตัวเองก้าวเข้ามาในบ้านด้วยแรงระโหยโรยรา ถึงกับเข่าทรุดลงกับพื้นเฉียบเย็น ดวงตาที่มีม่านจางๆ มองบ้านหลังน้อยด้วยความอาทร หากเธอมาช้ากว่านี้ บางทีเธอคงได้กอดเถ้าถ่านสีขาวขุ่นเท่านั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งร้องไห้ คว้าเอาของใกล้ตัวมากอดด้วยความหวงแหน เธอจะยอมทำทุกอย่าง เพื่อปกป้องบ้านหลังนี้ จะไม่ยอมให้คนใจร้ายนั่น เผาวิมารรักของพ่อกับแม่เด็ดขาด ต่อให้เธอต้องขัดขวางเขาจนตัวตายก็ยินดี! “เฮ้อ!...” เสียงคุณอรัญญา สินันทราดลทอดถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม นางกลับเข้ามาพักอยู่ในบ้านร่วมครึ่งชั่วโมงแล้ว แม้จะเชื่อใจในคำพูดของบุตรชาย แต่ด้วยสีหน้าและท่าทางเอาเรื่องที่เห็น ทำให้นางเกิดกลัวใจลูกบังเกิดเกล้าขึ้นมาดื้อๆ ตอนนี้จึงพาลนั่งไม่ติด ต้องเดินวนไปเวียนมา โดยที่มีคนสนิทอย่างป้าหวานคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ “คุณนายคะ นั่งพักก่อนเถอะค่ะ” “ฉันนั่งพักไม่ได้หรอก ฉันเป็นห่วงหนูลูกหว้า ไม่รู้ว่าป่านนี้กลับมาหรือยัง” รำพันออกมาด้วยใบหน้าหม่นเศร้า ดวงตาคอยชะเง้อมองไปยังบ้านไม้ กลัวเหลือเกินว่าจะมีไฟสีแดงฉานลุกไหม้ หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ คงต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ “คุณภพคงไม่เผาบ้านหลังนั้นหรอกค่ะ ถ้าเธอจะเผาจริงๆ ป่านนี้คงไหม้หมดแล้ว” แม่บ้านเก่าแก่พยายามปลอบ ก่อนจะรีบแย้มบางๆ เมื่อมองเห็นใบหน้าหล่อเหลามุ่งตรงเข้ามา ดูท่าทางที่นางเห็นในเวลานี้ คุณภีรภพจะใจเย็นลงมาก มากเสียจนผิดสังเกต ดวงตาสีนิลกราดมองหน้ามารดาและป้าหวานเล็กน้อย เรียวปากเม้มแน่นนั้นเริ่มแย้มบางๆ สืบปลายเท้าเข้าไปใกล้คนเป็นแม่ โอบเอวท่านเอาไว้ด้วยท่อนแขนกำยำ พลางถามด้วยเสียงทุ้มน่าฟัง “ทำไมคุณแม่ยังไม่ขึ้นไปพักผ่อนครับ นี่ก็ดึกมากแล้ว” “คือแม่...” “ผมบอกแล้วไงครับ ว่าผมจะไม่เผาบ้านหลังนั้น ผมไม่มีทางผิดคำพูดหรอก” ชายหนุ่มว่า ดวงตาทอประกายอ่อนโยน “คุณแม่ขึ้นไปพักผ่อนเถอะนะครับ ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว” มือหนาประคองคนเป็นแม่ให้ก้าวขึ้นสู่ชั้นสองของบ้าน เมื่อท่านยังคงไม่ยินยอมง่ายๆ จึงรีบงัดไม้ตายออกมา “และคุณแม่ไม่ต้องคิดมากนะครับ ตอนนี้ลูกหว้าเขากลับมาแล้ว อีกอย่างผมก็ไม่ได้ทำอะไรเขา รับรองว่าเขาจะปลอดภัยและสบายดีทุกประการ” “ลูกไม่ได้ทำอะไรน้องจริงๆ นะตาภพ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม