“จริงครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเธอ รับรองได้ว่า ผู้หญิงคนนั้นจะมีชีวิตไปอีกยาวนาน” ชายหนุ่มยืนกรานเสียงนุ่ม โดยแอบประชดในตอนท้ายของประโยค เมื่อมารดาใจอ่อนก็ได้แต่ยกยิ้มพอใจ แต่คงไม่อาจรอดพ้นสายตาของแม่บ้านเก่าแก่ไปได้ เพราะตอนนี้ ดวงตาอารีคู่นั้นจ้องมองมาอย่างคาดโทษ จนชายหนุ่มรีบสืบเท้าตามคนเป็นแม่ขึ้นไป ท่าทางไม่ต่างจากวัวสันหลังหวะ
หายเข้าห้องพักไปร่วมชั่วโมง ภีรภพ ในชุดนอนลายทางสีฟ้าอ่อน ก็เดินผิวปากออกจากห้องอย่างอารมณ์ดี เป้าหมายของค่ำคืนนี้ ก็คือในห้องนอนสีหวาน บนเตียงกว้างขวาง กับเนินเนื้อขาวผ่อง แค่นึกถึงเรือนร่างสะโอดสะอง นอนยิ้มหวานอยู่กลางเตียง พลันช่วงท้องแข็งแรงก็เกร็งเข้าหากัน ลำคอนั้นร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรงอย่างไม่น่าเชื่อ
รอยยิ้มเคลื่อนประดับบนดวงหน้า พลันหายไปในชั่วพริบตา เมื่อคุณแม่บ้านยืนอยู่ที่บันไดขั้นแรก
“ป้าหวานมีอะไรหรือครับ” ถามพลางก้าวขายาวๆ มายืนอยู่ใกล้ๆ โน้มปลายจมูกแกร่งหอมแก้มย่นเบาๆ “หรือว่าเอานมอุ่นๆ มาให้ผม ผมไม่ดื่มแล้วนะครับ ผมโตแล้ว”
“ไม่ดื่มนมจากแก้ว แต่จะไปดื่มจากเต้าใช่ไหมคะ”
ปากย่นของคนรู้ทันรีบเอ่ยขึ้นรัวเร็ว ก่อนจะสบมองด้วยดวงตาละห้อย “ป้าขอร้องล่ะคะ อย่าทำร้ายคุณลูกหว้าเธอไปมากกว่านี้เลย ป้าสงสารเธอ เธอก็ตัวคนเดียว โดนคุณภพทำร้ายย่ำยีขนาดนี้ ป้าเกรงว่าเธอจะทนไม่ไหวเอานะคะ”
“ผมก็ไม่ได้ทำร้ายเขานี่ครับ เขาทำตัวเองทั้งนั้น”
ความผิดทั้งหมด ถูกโบ้ยไปให้ร่างอรชร “และอีกอย่าง ผมก็ไม่คิดจะบังคับเขาสักหน่อย เราสองคนล้วนยินยอมพร้อมใจ ต่างก็มีความสุขด้วยกันทั้งคู่ ผมไม่เห็นว่าตัวเองจะเอาเปรียบผู้หญิงคนนั้นตรงไหน ผมสุข เธอก็สุข แค่ทุกอย่างที่ผมทำ มันเต็มไปด้วยการแก้แค้นก็เท่านั้นเอง”
“โธ่...คุณภพของป้า กลายเป็นคนใจยักษ์ใจมารถึงเพียงนี้เชียวหรือคะ” ป้าหวานได้แต่โอดครวญ
“ขอบคุณนะครับ ที่เอ่ยชมผม”
เรียวปากหยักยิ้มกว้าง ยักคิ้วให้นิดๆ ราวกับตัวเองเป็นเด็ก ก่อนจะรีบสืบเท้าก้าวยาวๆ หนีห่างคนบ่นให้ตัวเองหูชา โบกมือลา “ไปก่อนนะครับป้า หลับฝันดีครับผม”
แม่บ้านเก่าแก่ได้แต่ส่ายหน้าวืดๆ นางล่ะสงสารคุณลูกหว้าเหลือเกิน แต่เวทนาสุดๆ ก็เห็นจะเป็นเจ้าของแผ่นหลังแข็งแกร่งนั้น ช่างไม่รู้ตัวเสียบ้างกระไร ว่ายิ่งทรมานอีกฝ่ายมากเท่าไร ตัวเองก็ต้องเจ็บเจียนขาดใจมากขึ้นเรื่อยๆ นางก็ได้แต่หวัง ว่าสักวันหนึ่ง ความแค้นซึ่งสั่งสมอยู่ในหัวใจนายน้อยจะเบาบางลงเสียบ้าง บ้านทั้งสองหลังนี้ จะได้กลับมาร่มเย็นเป็นสุขเหมือนเช่นเมื่อก่อนเสียที ไม่ต้องอยู่กันอย่างอกสั่นพรั่นพรึง จะกินจะนอนก็หวาดกลัวจะเป็นเรื่องเป็นราวไปเสียหมด
เพียงแทรกกายแกร่งเข้าสู่ห้องสีหวานของสลิลลาได้ ช่วงขาเพรียวกำยำก็นำพาเรือนกายแกร่งกระโจนขึ้นสูงกลางเตียง ทาบทับเรือนร่างนุ่มๆ ซึ่งอยู่ในชุดนอนผ้านุ่ม รั้งเสื้อนอนออกเหนือศีรษะเล็ก ก่อนจะวกลงมารั้งกางเกงตัวนิ่มแนบเนื้อ พร้อมกับกางเกงในตัวจิ๋วให้หลุดร่วม ปลายจมูกโด่งๆ และปากหยักได้รูป พร้อมใจกันทำหน้าที่อย่างไม่มีบกพร่อง
เสียงเครือแหบห้าวดังพร่าอย่างพอใจ เพราะเวลานี้ ร่างอ้อนแอ้นเนื้อนุ่มๆ ยินยอมพร้อมใจร่วมสมรภูมิราคะด้วยกัน เธอไม่อิดออด ไม่คัดค้าน หนำซ้ำยังร่วมลงมือด้วยในทุกๆ ด้าน จนตอนนี้ เสี้ยวหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความเคลิบเคลิ้มพอใจ สุขจนจุกไปทั้งอก ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเชื่องช้าและยาวนาน ร่วมครึ่งชั่วโมงเต็มนั่นแหละ ถึงได้ครางกระเส่ากันจนลั่นห้อง
ลมหายใจในภาวะปกติ ถูกระบายออกผ่านปลายจมูกโด่งๆ ซึ่งรินรดกลุ่มผมนุ่มสลวย ตอนนี้ชายหนุ่มให้สลิลลานอนหนุนต้นแขน ขณะที่รั้งเรียวแขนสลักเสลามาวาดผ่านเอวสอบ จึงเป็นภาพทั้งคู่ นอนกอดกันด้วยท่าทีรักใคร่ ติดแค่ว่า เจ้าของร่างบอบบาง นอนด้วยท่าทีเหมือนคนไร้วิญญาณก็เท่านั้นเอง
“ลูกหว้า...” ชายหนุ่มกระซิบเรียก ด้วยโทนเสียงนุ่มนวล
“คะ” เธอขานรับ ทั้งๆ ที่ดวงตาทั้งสองข้างปิดลง
“เมื่อครู่ ฉันมีความสุขมาก” ว่าด้วยนัยน์ตาทั้งสองข้างเต้นระริก “ฉันยังต้องการเธออีก ต้องการไม่รู้เบื่อ”
“ลูกหว้าตามใจคุณภพค่ะ”
พยายามบังคับเสียงตัวเองให้เป็นปกติ ไม่ให้สั่นเครือ ทั้งๆ ที่หัวใจเล็ก เอ่อล้นไปด้วยความเจ็บเจียนขาดใจ เขาก็แค่เห็นเธอเป็นบ่อระบายความใคร่ เอาไว้ระบายความพยาบาทอาฆาตแค้น อยากได้ อยากลงทัณฑ์ให้เธอบอบช้ำไปทั้งเนื้อทั้งใจ
“รู้ไหม ฉันอยากให้เธอน่ารักแบบนี้ไปตลอด”
“ค่ะ ลูกหว้าจะเชื่อฟังทุกอย่าง”
เธอตอบรับคำสั่งนั้นอย่างเร็วรี่ พลิกกายซุกดวงหน้าเข้ากับแผงอกกว้าง บังคับให้ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้ม หากเธอและเขา ไม่มีความแค้นมากั้นกลาง เธอคงรู้สึกดีเหลือเกิน ในยามได้กอดเรือนกายแน่นๆ ของผู้ชายคนนี้
ขณะปากหยักได้รูปกำลังคลี่ยิ้มกว้าง วาดฝ่ามือลูบแผ่วๆ เข้าที่ไหล่มน ปลายนิ้วเคาะเนื้อนุ่มเด้งดึ๋งดั๋งด้วยความพอใจ ก่อนจะรีบเอ่ยปากในสิ่งที่ตัวเองปรารถนา “ลูกหว้า พรุ่งนี้เธอไปอยู่คอนโดของฉันนะ ที่นั่นอยู่ใกล้ๆ บริษัท ฉันจะได้ไปหาเธอได้ตามแต่ใจต้องการ ไม่ต้องขับรถไกลๆ กลับบ้าน เหมือนที่ทำอยู่ในตอนนี้”
เธอต้องกัดปากของตัวเองเอาไว้ ไปอยู่ที่นั่น หรืออยู่ที่นี่ ฐานะของเธอก็คือนางบำเรอ
“แล้วบ้าน...” เอ่ยด้วยเสียงตะกุกตะกัก
“บ้านหลังนี้ ฉันจะให้ป้าหวานดูแลให้ ถ้าเธออยากกลับมานอนค้าง ฉันก็จะพามา ดีไหมฮึ!”
ปลายจมูกโด่งๆ จมลงบนกลุ่มผมนุ่มสลวย ขณะมืออีกข้าง กำลังวาดผ่านเอวเล็ก และจดจ่ออยู่กับสะโพกเล็กเปลือยเปล่า ผิวเนียนละเอียดที่ได้สัมผัส ทำให้มือสากระคายยากนักจะถอนออกห่าง เขาอยากจับและลูบไล้อย่างไม่ยอมปล่อย
“ถ้าอย่างนั้น ลูกหว้าไปเก็บของนะคะ” เธอบอกเขาด้วยเสียงอ่อยๆ
“ไม่ต้องหรอก ฉันจะให้คนจัดเตรียมไว้แล้ว เธอก็แค่ออกเดินทางพร้อมฉันในวันพรุ่งนี้ ส่วนเรื่องคุณแม่ฉันจะเป็นคนบอกท่านเอง” เสียงกร้าวเอ่ยรัวเร็ว แล้วพลิกกายให้ร่างเล็กจมลงไปกับที่นอน ก่อนจะทาบทับเรือนร่างหนั่นแน่นของตัวเอง แนบชิดเรือนกายเล็กจนไร้ช่องว่าง “ฉันดีใจเหลือเกิน ที่เธอจะไปอยู่ใกล้ๆ ฉันตลอดเวลา”
‘อยู่ใกล้ๆ เพื่อให้คุณฉีกเลือดฉีกเนื้อฉันเป็นชิ้นๆ ใช่ไหมคะ’ สลิลลาถามเขาอยู่ภายในใจ
หลังจากนั้น ดวงตากลมเล็ก รีบเสหลบมองไปยังผนังห้อง ปล่อยให้ปลายจมูกโด่งๆ ของคนตัวโต ลากไล้ผ่านลำคอผ่องขาว และจมลงไปยังเนินอก ปากของเขาอ้อยอิ่งอยู่บนทรวงอกอิ่ม ซึ่งกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหายใจ อดตัวสั่นไม่ได้ ในยามที่ช่วงขาแข็งแรง สอดกั้นเรียวขาเล็กของตัวเอง และต้องกัดปากอิ่มกั้นเสียงคราง เมื่อความร้อนผ่าว จ่ออยู่กับจุดอ่อนไหว
เธอหลับตาลง ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามแรงปรารถนา ตัวเธอเองทำได้แค่เพียงตอบรับทุกจังหวะจะโคน ซึ่งมีเขาสาดซัดลงมาหา ยินยอมให้เขาได้กลืนกินเรือนร่าง ให้ฝ่ามือร้อนผ่าวคู่นั้นได้คลึงเคล้น หรือแม้กระทั่งจับร่างของเธอถาโถมไปตามทำนองรักสุดร้อนแรง เพราะไม่ว่าจะกี่ครั้งหรือกี่หน เธอก็ไม่อาจต้านทานเสน่ห์อันแรงกล้าของผู้ชายคนนี้ได้เลย ทุกครั้งต้องพ่ายแพ้อยู่ร่ำไป