บทที่ ๓ เจ็บเจียนไร้วิญญาณ(๒)

1326 คำ
“ค่ะ ลูกหว้าจะขังตัวเองอยู่ในบ้าน ไม่ออกไปไหน ไม่คุยกับใคร และหากทำได้ ลูกหว้าจะไม่หายใจ คุณภพต้องการแบบนี้ใช่ไหมคะ ได้สิ! ลูกหว้าจะทำให้คุณสมความปรารถนา สาแก่ใจหรือยังคะ!” จู่ๆ คนนั่งเงียบมานานก็ตะเบ็งเสียงปาวๆ ลั่นรถ มองหน้าคนตัวโตอย่างไม่ยอมหลบ จ้องจนขอบตานั้นร้อนผ่าว เอี๊ยด! คนเหยียบคันเร่ง เลี้ยวมาถึงทางออกจากตึก ต้องเหยียบเบรกจนตัวโก่ง มองเจ้าของคำพูดด้วยความคาดไม่ถึง ไม่รู้ว่าเมื่อครู่ หล่อนทานอะไรลงท้องกันแน่ เธอถึงได้กล้าขึ้นเสียงและแสดงฤทธิ์เดชกร้านโลกใส่ ม่านตาแห่งความโมโหจึงขยายกว้าง แล้วโน้มตัวไปผลักประตูฝั่งผู้โดยสารให้เปิดออกกว้าง “ลงไป!” เปิดปากไล่ด้วยใบหน้าบึ้งๆ พร้อมออกแรงผลักร่างเล็ก “ถ้าปากดีขนาดนี้ หาทางกลับบ้านเองก็แล้วกัน และถ้าภายในหนึ่งชั่วโมงเธอไม่ถึงบ้านล่ะก็ ฉันจะจุดไฟเผาบ้านโกโรโกโสนั่นให้ย่อยยับ สมบัติชิ้นสุดท้ายของตระกูลของเธอจะได้พินาศคามือฉันไง ลงไป!” ผลักแรงๆ จนร่างแน่งน้อย หล่นตุ้บไปกองอยู่กับพื้นซีเมนต์เย็นเฉียบ อึดใจประตูก็ถูกอุ้งมือใหญ่ดึงปิดเช่นเดิม ก่อนที่รถสปอร์ตหรูหราจะพุ่งออกไปราวกับพายุ กลีบปากบางของคุณล้มลู่ พร้อมกับใบหน้างามๆ ถลาซบพื้นแข็งๆ ดีหน่อยที่มือบางค้ำไว้ทัน แต่ก็ทำให้ฝ่ามือเล็กๆ ทั้งสองข้างนั้นถลอกปอกเปิก แตะไปจุดไหนก็เจ็บแปลบปลาบจนน้ำตาเล็ด ปลายจมูกเล็กรั้น สูดหายใจเข้าปอด บอกตัวเองให้เข้มแข็ง เพียงเงยหน้าขึ้นยามรักษาความปลอดภัยก็รีบเข้ามาดู สอบถามอาการตามหน้าที่ เธอก็ได้แต่บอกกล่าวว่าไม่เป็นอะไรมาก ไม่ได้เจอโจรปล้นฆ่าแต่ประการใด อ้อมแอ้มพึมพำบอกกล่าว แล้วเอ่ยขอตัว จากนั้นก็นำพาร่างกายเจ็บร้าวเดินออกไปยังหน้าห้างฯ นั่งรอรถเมล์ ที่ขับผ่านซอยเข้าบ้าน แต่เพราะเอาแต่ก้มหน้าก้มตา ปล่อยให้น้ำตานั้นหยดไหล โดยไม่รู้เลยสักนิด ว่ารถเมล์ผ่านซอยเข้าบ้าน มันผ่านไปคันแล้วคันเล่า นาทีนี้ หน้าบ้านไม้หลังกะทัดรัด มีน้ำมันหนึ่งแกลลอนใหญ่ พร้อมกับคนตัวโตซึ่งยืนด้วยใบหน้าบึ้งตึง นาฬิกาประดับข้อมือถูกยกขึ้นมาดูหลายครั้งหลายหน ผ่านไปหลายชั่วโมง ยัยตัวดีก็ไม่มีทีท่าจะกลับมาสักที ลมหายใจร้อนผ่าวจึงพวยพุ่งออกมา ไฟโกรธฉาบเต็มดวงหน้า ร้อนจนป้าหวานต้องรีบวิ่งไปตามคุณนายอรัญญาอย่างเร่งด่วน เพราะเกรงว่าคุณภพของนางจะเผาบ้านข้างๆ จนวอดขึ้นมาจริงๆ เจ้าของร่างสูง ตวัดสายตามองน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยประกายตาร้ายกาจ ลมหายใจอุ่นร้อนพ่นทิ้งหลายหน เหยียดยิ้มด้วยความน่าสะพรึงกลัว ก่อนจะคว้าเอาแกลลอนนั้นมาเปิดฝา จนกลิ่นเหม็นของน้ำมันคละคลุ้ง “ได้! เธอจะลองดีกับฉันใช่ไหม บ้านหลังนี้ก็อย่ามีมันเลย” กล่าวจบช่วงขาแข็งแรงก็มุ่งตรงไปยังประตูบ้าน แต่ปลายเท้าก็ต้องชะงักกึก เมื่อเจอถ้อยคำเอาเรื่องแสนคุ้นหู ตะโกนก้องอยู่เบื้องหลัง “หยุดนะเจ้าภพ นั่นลูกจะทำอะไร” คนเป็นแม่รีบปราดมาคว้าแขนล่ำๆ ของบุตรชายไว้แน่น “ลูกจะเผาทรัพย์สินคนอื่นไม่ได้นะ มันผิดกฎหมาย ถามจริงๆ เถอะ นี่ลูกจะใจร้ายใจดำไปถึงไหนฮ้า!” “คุณแม่หยุดเลยครับ ถึงยังไงผมก็ต้องทำลายบ้านหลังนี้ เพราะอะไรรู้ไหมครับ” มุมปากของคนพูด เหยียดทิ้งด้วยความน่าสะพรึงกลัว “เพราะยัยตัวแสบนั่นไง ถ้าบ้านหลังนี้มันวอดวาย นั่นก็เพราะเจ้าของมันไม่รักดี ผมจะเผามันให้มอดไหม้เป็นผุยผง” “ไม่ได้นะ! ลูกไม่มีสิทธิ์ทำตัวเป็นศาลเตี้ยที่นี่” รีบทัดทานด้วยเสียงสั่นเครือ เขย่าท่อนแขนกำยำอย่างอ้อนวอน “แม่ขอร้องล่ะลูก อย่าทำแบบนี้เลยนะ” “คุณแม่...” ลมหายใจแห่งความอึดอัด ถูกระบายทิ้งผ่านปลายจมูกโด่งคม “ทำไมคุณแม่ต้องช่วยยัยนั่นด้วยครับ” “แม่ไม่ได้ช่วยลูกหว้านะลูก แม่ช่วยภพของแม่ต่างหาก ถ้าลูกเผาบ้านหลังนี้จริงๆ ลูกของแม่อาจติดคุกนะลูก แม่ไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น” นางพยายามหว่านล้อม “แม่รู้ว่าลูกโกรธ ยังไงก็ใจเย็นๆ ก่อนดีไหมฮึ ส่งน้ำมันนั่นมาให้แม่สิคนดี” ว่าจบก็เอื้อมมือไปรั้งแกลลอนน้ำมันออกจากอุ้งมือใหญ่ แต่นางก็ผิดหวัง เมื่อลูกชายตัวดีไม่ยอมให้ง่ายๆ “คุณแม่กลับไปพักผ่อนที่บ้านเถอะครับ ผมรับรองด้วยเกียรติ ว่าคืนนี้ คุณแม่จะไม่เห็นบ้านหลังนี้วอดเป็นจุณอย่างแน่นอน คุณแม่สบายใจได้ครับ” ชายหนุ่มยอมรับปาก ด้วยน้ำเสียงติดจะเยือกเย็น จากนั้นก็ร้องสั่งแม่บ้านคนสนิท ซึ่งยืนทำหน้าเหมือนร้องไห้อยู่ไม่ไกล “ป้าหวานครับ พาคุณแม่กลับบ้านไปพักเถอะ ส่วนทางนี้ ผมจะจัดการเอง” “แต่...” แม่บ้านใหญ่ทำท่าอิดออด “ถ้าป้าอยากให้ผมเผาบ้านหลังนี้ ป้าก็อยู่ดูสถานการณ์ก่อนก็ได้นะครับ” คนที่ยืนรายล้อมอยู่รอบๆ ได้แต่ทำหน้าเหมือนกลืนอาหารพิษลงคอ ผู้นำของบ้านจึงพยักหน้าให้ทุกคนแยกย้ายกันไป ปล่อยให้ลูกชายตัวดี ยืนตีหน้ายักษ์อยู่ตรงนี้ ดูท่าทางคงอ่อนลงมาก เชื่อแน่ว่าไม่ลุกมาบ้าดีเดือด ทำตัวเป็นคนชั่ว เผาบ้านคนอื่นอีกหรอก เมื่อทุกคนอันตรธานหายไปหมด ชายหนุ่มก็ได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความเดือดดาล อยากรู้นักว่าแม่ตัวดี ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ดวงตาเอาเรื่องจึงกราดมองรอบๆ ตัว และต้องแสยะยิ้ม เมื่อเสียงรั้วหน้าบ้านดังกึกกัก ดูท่าทางคุณเธอคงกลับมาเสียที ดี! มาตอนนี้ เขาจะต้อนรับเธอด้วยการเผาบ้านที่เธอหวงนักหวงหนา ให้มอดไหม้ไม่เหลือซาก มือแข็งแรง กำลังจะราดรดน้ำมันซึ่งเป็นเชื้อเพลิง ชะงักเล็กน้อย เมื่อคำมั่นที่เพิ่งให้ไว้กับมารดาผุดขึ้นมาให้นึกคิด เรียวปากหยักร้อนผ่าวถึงกับถูกกัดไว้ด้วยฟันเรียงซี่สะอาด กลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย “คุณภพ!” เสียงตื่นๆ ร้องเรียกอยู่เบื้องหลัง “กลับมาได้แล้วหรือแม่ตัวดี ไม่ทราบเธอคลานกลับหรือยังไงฮ้า มันถึงได้ช้าจนมืดค่ำแบบนี้” ดวงตาของคนพูด กราดมองร่างบางราวกับจะฉีกเนื้อออกมาเหยียบเล่น ปากหยักจะกระตุกขึ้นน้อย แล้วยกแกลลอนน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นมาดู “เธอมาได้จังหวะพอดีเลยนะลูกหว้า ฉันกำลังจะเผาบ้านไม้โสโครกอยู่เลยเชียว” “อย่านะคะ อย่าเผาบ้านของฉันเลย” กลีบปากเต้นระริก นำพาเรียวขาเจียนหมดแรงปรี่มาหาคนตัวโต คว้าท่อนแขนกำยำไว้แน่น สบสายตามองเขาด้วยม่านน้ำจางๆ เอ่อล้น และไหลอาบแก้มนิ่มเป็นทางยาว “ฉันขอร้อง อย่าเผาบ้านหลังนี้เลยนะคะ ให้ฉันกราบ ฉันก็ยินดี” มือน้อยยกขึ้นประกบเป็นพุ่มไหว้ อ้อนวอนขอร้องด้วยน้ำตานองหน้า “กราบฉัน ขอร้องฉันอย่างนั้นหรือ เรื่องคงไม่เป็นแบบนี้ หากเธอรู้จักกลับมาตั้งแต่สามชั่วโมงก่อน” เสียงเครียดเค้นผ่านไรฟันสีขาว มือหนาคว้าหมับเข้าที่เรียวแขนสลักเสลา ออกแรงกดปลายนิ้วลงอย่างลงทัณฑ์ “ฉันถามจริงๆ เถอะ เธอเอาแต่เอ้อระเหยอ่อยผู้ชายอยู่หรือยังไงไม่ทราบ ถึงได้กล้าขัดคำสั่งฉันแบบนี้” เสี้ยวหน้าของภีรภพวาวโรจน์ด้วยไฟโกรธแผดเผา จนหน้าแทบไหม้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม