บทที่ ๒ เหมือนจะเจ็บไม่พอ(๑)

1227 คำ
นักธุรกิจจัดจำหน่ายรถยนต์นำเข้าหลากหลายยี่ห้อ เหยียบคันเร่งรถสปอร์ตคันโปรด ตีวนเลี้ยวโค้งรอบน้ำพุ เข้าไปจอดยังโรงเก็บรถ เมื่อเรียบร้อยก็คว้าเอาเสื้อสูทพาดไว้บนแขนล่ำๆ พร้อมคว้าเอากระเป๋าเอกสารติดมือ เดินเร็วๆ เข้าบ้านด้วยใบหน้าแช่มชื่น “สวัสดีครับป้าหวาน” ทักทายคุณแม่บ้านเก่าแก่ เมื่อนางเดินช้าๆ มารับเอาข้าวของในมือ “ผมหิวจังเลย วันนี้มีอะไรทานบ้างครับ” “ก็มีแกงเลียง ต้มยำปลากะพงค่ะ” ป้าหวานรีบตอบ พลางหรี่ตาแคบมองใบหน้ายิ้มระรื่นด้วยความหมั่นไส้ เมื่อทนไม่ไหว จึงกล่าวแกมเหน็บเข้าให้ “ว่าแต่ตอนนี้ คุณภพของป้า จะรับน้ำระกำสักแก้วไหมคะ ป้าจะได้ไปยกมาเสิร์ฟ” “เอ่อ...ผมไม่ชอบดื่มครับ ขอเป็นน้ำเปล่าเย็นๆ ก็พอ” คนรู้ทันรีบคล้องแขนนุ่มๆ ไว้แน่น แล้วก้มหอมแก้มฟอดโต “ป้าพูดแบบนี้ มีเลศนัยอะไรหรือเปล่าครับ เดี๋ยวนี้ ป้าหวานดูไม่รักผมเลยน้า... ผมเริ่มน้อยใจ” บ่นพึมพำราวกับเด็กอายุสามขวบ พลางชะเง้อชะแง้คอยาวมองรอบๆ “ว่าแต่ นี่คุณแม่ไปไหนซะล่ะครับ หรือว่าอยู่สวนด้านหลัง” “ค่ะ นั่งร้อยมาลัยถวายพระในวันพรุ่งนี้ ว่าแต่คุณภพจะไปทำบุญที่วัดด้วยกันไหมคะ เผื่อว่าความรัก โลภ โกรธ หลง แค้นเคืองน่ะจะเบาบางลงบ้าง นี่ป้าก็จะไปสวดมนต์สักบท เผื่อว่าอะไรๆ จะดีขึ้น บ้านเราจะได้ร่มเย็น” นางเอ่ยลอยๆ หากหางตาก็แอบลอบมองเสี้ยวหน้า พร้อมฉีกยิ้มกว้างขวาง เขย่าแขนล่ำๆ นั้นแผ่วเบา “คือว่า...พรุ่งนี้ป้าขอ...” “ป้าจะชวนลูกหว้าไปด้วย” ภีรภพเอ่ยอย่างรู้ทัน “ก็ดีนะครับ ผมจะได้ไปด้วยคน ทำบุญซะบ้าง เผื่อว่าพวกผีเปรตชอบขอส่วนบุญจะได้ไปเกิดใหม่ ตัวผมเองจะได้หมดเวรหมดกรรมกับเขาสักที” เจ้าของคำพูดทำหน้าขึงขัง แอบลอบถอนหายใจทิ้งเพียงเล็กน้อย ก่อนจะก้าวขายาวๆ ขอตัวเดินห่างออกไป ทิ้งให้ป้าหวานได้แต่ส่ายหน้าตามเต็มแรง ช่วงขาแข็งแรง นำพาเรือนกายสุขภาพดีเดินไปด้านหลังของบ้าน ภาพมารดากำลังหยิบดอกมะลิตูมร้อยกับเข้มก้านยาว ใบหน้าของท่านดูอ่อนโยน ภาพนี้ทำให้ปากหยักแย้มยิ้มกว้าง รีบสืบเท้าเข้าไปใกล้ ยกมือไหว้ทักทายเช่นเคย พลางก้มลงหอมแก้มนุ่มๆ นั้นฟอดใหญ่ “ร้อยมาลัย เผื่อผมสักพวงนะครับคุณแม่” “ไม่ล่ะจ้ะ” คุณอรัญญาปฏิเสธลูกชาย เพราะยังเคืองขุ่นกับเรื่องเมื่อคืนนี้ ดวงตากลมๆ ค้อนควักวงใหญ่ เลือกจะหมุนกายหันหลังให้ โดยไม่ลืมคว้าเอาพานมาลัยไปตั้งไว้อีกฝั่ง “โธ่...คุณแม่อย่าใจร้ายกับผมสิครับ” ชายหนุ่มรีบอ้อน หย่อนสะโพกลงนั่งใกล้ๆ เอื้อมมือไปหยิบมาลัยเรียงร้อยเสร็จมาดอมดมจนชื่นปอด “มาลัยดอกมะลิของคุณแม่ช่างสวยและหอมเหลือเกิน” คนปากหวานรีบชมเปาะ “และรู้ไหมครับ ว่าคนร้อยมาลัย ก็แสนดีที่หนึ่งในใจผม ผมรักและเทิดทูนท่านเหนือหัวเชียว” “ไม่ต้องมาพูดดี” ท่านกล่าวต่อว่า แบมือขอมาลัยคืน “เอามานะ มาลัยนั่นแม่จะให้หนูลูกหว้า เพราะเราจะไปทำบุญด้วยกันในวันพรุ่งนี้ ส่วนลูก...หากอยากได้ ก็คงต้องให้เด็กในบ้านเขาร้อยให้ก็แล้วกัน” “โธ่...คุณแม่” สุ้มเสียงทุ้มรีบครวญ “ผม...” “มาลัยของแม่ แม่ไม่ร้อยให้กับคนใจร้ายหรอก” ว่าพลางยื่นมือไปหยิบดอกมะลิอย่างเบา มาร้อยใส่เข็มแหลมคม ทำทีเป็นไม่เห็นใบหน้าขัดใจของบุตรชายบังเกิดเกล้า การที่ภีรภพใจร้ายกับหนูลูกหว้า ทำให้ท่านเคืองโกรธลูกชายคนนี้เหลือเกิน ท่านอยากให้ลูกรู้จักให้อภัยคนอื่น โดยเฉพาะผู้หญิงน่ารักและบอบบางอ่อนโยน ไม่รู้ว่าใจเจ้าภพทำด้วยอะไร ถึงได้อาฆาตมาดร้ายนัก ผู้บริหารหนุ่ม ได้แต่นักคอตก มองมารดาตาปริบๆ เมื่อท่านใจแข็ง ชายหนุ่มก็จัดการแบ่งดอกมะลิมาใส่อีกพาน คว้าเข็มอันยาวถือติดมือ แล้วยืนตัวขึ้นเต็มความสูง ดวงตาคมกล้าทอประกายเจิดจ้า “นั่นลูกจะเอาดอกไม้ กับเข็มของแม่ไปไหน” “ก็เอาไปให้ยัยตัวดีร้อยมาลัยให้ไงครับ” กล่าวแค่นั้น ช่วงขาแข็งแรงก็เดินเร็วๆ ไปยังบ้านไม้กะทัดรัด โดยไม่ฟังเสียงร้องห้ามของมารดาซึ่งตะโกนอยู่เบื้องหลังเลยสักนิด มุมปากของคนถือดอกมะลิตูมๆ ยกขึ้นอย่างร้ายกาจ ผู้หญิงคนนั้น ต้องร้อยมาลัยพวงงามที่สุดให้เขา ถ้าไม่ได้ล่ะก็ เขาจะหักคอหล่อนทิ้ง หรือไม่ก็ลงทัณฑ์กักขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน คนมองอยู่เบื้องหลัง ได้แต่ส่ายหน้าและทอดถอนหายใจแรงๆ นึกโทษตัวเองไม่น้อยที่ทำให้สลิลลาเดือดร้อน งานนี้ไม่รู้ว่าจะโดนเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนกลั่นแกล้งอะไรบ้าง ในเมื่อห้ามปรามคนของตัวเองไม่ได้ คุณอรัญญาก็ได้แต่ทอดถอนหายใจทิ้ง ใบหน้าหมองหม่นเหลือเกิน ได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่ง หนูลูกหว้าของเธอ จะรอดพ้นจากความใจร้ายใจมารของลูกชายตัวดี โครม! ประตูของบ้าน ถูกมือแข็งแรงข้างที่ว่าง ผลักจนกระแทกกับผนังห้อง ทำเอาคนที่อยู่บริเวณห้องครัวต้องสะดุ้งสุดตัว และจานในมือซึ่งกำลังเช็ดล้างหล่นแตก จึงได้แต่ทำหน้าเศร้า และก้มลงเก็บอย่างระมัดระวัง ด้านคนจัดการเปิดประตูเข้ามาด้วยพายุโกรธ กราดตามองรอบๆ บ้าน ตะโกนโหวกเหวกโวยวายเรียกหาลูกหว้าซะลั่น ช่วงขาแข็งแรงเดินเร็วๆ ตามหา กระทั่งเห็นร่างแน่งน้อยอยู่ในห้องครัว อุ้งมือร้อนผ่าวก็คว้าหมับเข้าที่เรียวแขนสลักเสลาเต็มแรง “อยู่นี่เอง ฉันเรียกทำไมไม่ขานรับฮ้า!” เค้นเสียงลอดไรฟันกระซิบถามใกล้ๆ กลีบปากเต้นระริก “ลูกหว้าไม่ได้ยินค่ะ” หญิงสาวว่า แล้วเบือนหน้าไปอีกฝั่ง “คุณภพมีอะไรจะใช้ลูกหว้าเหรือคะ” “มีสิ ร้อยมาลัยให้ฉันสักพวง และเธอต้องร้อยให้เสร็จภายในคืนนี้” คนสั่งส่งพานทองใส่ดอกมะลิยื่นให้ ปากหยักแสยะยิ้มร้ายกาจ “แต่ก่อนจะร้อยมาลัย เธอน่าจะทำหน้าที่นางบำเรอซะก่อนนะ เพราะว่าฉันกระหายเนื้อขาวๆ ของเธอเต็มทน” พูดพลางกดปลายจมูกโด่งๆ จมไปกับแก้มเนียนทั้งสองข้างอย่างเอาแต่ใจ “ว่าไงฮึ! หรือว่าเธอจะร้อยมาลัยไป และให้ฉัน...” “ลูกหว้าขอร้อยมาลัยอย่างเดียว ส่วนเรื่องอื่น...คงไม่จำเป็นหรอกมั้งคะ” เธอว่า แล้วคว้าพานมาถือไว้ในมือ เบี่ยงกายออกจากอุ้งมือร้อนผ่าวบีบเสียจนเนื้อเธอเปลี่ยนเป็นสีเข้ม มือเล็กหยิบเข็มและจัดการร้อยมาลัยมะลิอย่างช้าๆ ทำทุกขั้นตอนให้เบามือที่สุด ต่อให้คืนนี้เธอต้องร้อยถึงสิบพวงมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะคุณป้าอรัญญาท่านเคยสอนเธอ จนตอนนี้ร้อยมาลัยได้สวย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม