บทที่ ๒ เหมือนจะเจ็บไม่พอ(๒)

1277 คำ
คนสั่งการได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นกอดอก อยากจะรู้นักว่าเข็มจะทิ่มตำมือของเจ้าหล่อนเหวอะหวะขนาดไหน ขอให้ทิ่มสักสิบยี่สิบแผล เลือดไหลเปื้อนมาลัย ทว่าผ่านไปร่วมห้านาที กลับไม่มีเหตุการณ์ที่เขาต้องการจะเห็น มีแต่มาลัยพวงสวยกำลังเป็นรูปเป็นร่าง และอีกไม่นานมันคงเรียบร้อยงดงาม ปลายจมูกโด่งๆ แดงก่ำด้วยไฟโกรธ อยากจะคว้ามาลัยในมือบางแล้วขว้างทิ้งใจแทบขาด แต่ก็ทำได้เพียงกัดฟันทน ยืนมองเธอจนทำเสร็จเรียบร้อย เมื่อมือบางยื่นให้ ก็คว้าทั้งมือและมาลัยมาหอมเต็มฟอด “มาลัยพวงนี้ช่างหอมเย้ายวนเหลือเกิน” ปากนั้นชมเปาะ แต่แววตากระด้างกระเดื่อง “ในเมื่อฉันร้อยมาลัยเรียบร้อยแล้ว ขอตัวนะคะ” ว่าพลางรั้งมือตัวเองออกจากปลายจมูกโด่งๆ รีบเดินหลบเลี่ยงไปให้พ้นๆ จากคนหน้ายักษ์ปากหวานปนยาพิษ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะห่างเขาถึงสองเมตร เรียวแขนเล็กก็ถูกดึงไว้เต็มแรง แต่ร่างระหงก็ไม่คิดจะหันหน้ากลับมามองคนตัวโตให้ต้องปวดไปทั้งใจ ปากบางได้แต่เม้มเป็นแถบตรง “ลูกหว้า เธอยังไม่มีสิทธิ์ไป หากฉันไม่ได้สั่ง” เสียงกร้าวกระด้าง เอ่ยด้วยนัยน์ตาเอาเรื่อง “แต่ครั้งนี้ ฉันจะไม่ถือโทษโกรธเธอ เอาเป็นว่า ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย นอนรอฉันอยู่บนเตียง เพราะคืนนี้ฉันจะนอนกับเธอที่นี่” “อย่าเลยค่ะ” รีบปฏิเสธ พร้อมกับแกะอุ้งมือร้อนผ่าวออกจากแขน “เห็นแก่มาลัยที่ฉันร้อยให้ อย่าบังคับจิตใจฉันมากไปกว่านี้เลย” “ได้สิ!” ว่าด้วยใบหน้าและดวงตาอ่านไม่ออก มือหนาบีบแรงๆ แล้วยัดมาลัยพวงสวยใส่มือบางไปเต็มแรง “ถ้าเธอต้องการแบบนั้น เธอต้องร้อยมาลัยให้ฉันใหม่อีกสิบพวง ถ้าเธอทำเสร็จเมื่อไร เธอจะนอนก็เชิญตามสบาย แต่ถ้าไม่เสร็จ ต่อให้เธอล้มลง เธอก็ต้องคลานมาร้อยมาลัยพวกนี้ให้เรียบร้อย เข้าใจไหมฮ้า!” เขย่าแรงๆ จนร่างเล็กหัวสั่นหัวคลอน “ค่ะ” ยอมรับปากสั้นๆ กัดฟันปลดมือแกร่งออกจากท่อนแขน รอยนิ้วจ้ำเขียวซึ่งปรากฏให้เห็น แทบทำให้เธอปล่อยโฮ แต่ต้องเชิดหน้าอดทน เดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม มองดอกมะลิเหลือเพียงน้อยนิดพร้อมชะเง้อมองด้านนอก ท้องฟ้าก็มืดมิด มีสายลมเอื่อยๆ แปลงมะลิของคุณป้าอรัญญาก็อยู่ไกลไม่น้อย แต่ในเมื่อมองหน้าเขาแล้วพบกับความว่างเปล่าเธอก็จำต้องลุกขึ้น แล้วเดินไปหยิบตะกร้าใบเล็ก “นั่นเธอจะไปไหน” เสียงห้าวร้องถาม “ไปเก็บดอกมะลิค่ะ” ตอบทั้งๆ ที่หันหลังให้ “ไม่ต้องไป” เจ้าของใบหน้าตึงเรียบรีบสั่งการ เขาไม่บ้าพอจะปล่อยให้หล่อนคลาดสายตาเด็ดขาด “เธอห้ามไปไหนทั้งนั้น ห้ามออกจากอาณาเขตของบ้านหลังนี้ ไม่ทราบว่าสมองกลวงๆ ของเธอลืมไปแล้วหรือยังไง” “ไม่ได้ลืมค่ะ ว่าคุณห้ามอะไรฉันบ้าง แต่ถ้าฉันไม่ไป มะลิที่เหลือคงร้อยมาลัยให้คุณได้แค่พวงเดียวเท่านั้น” กลีบปากนุ่มชื้นรีบโต้เถียงและชี้แจงเหตุผล หมุนกายกลับมามองหน้าเขาอย่างไม่ยอมแพ้ สองสายตายืนจ้องหน้ากันด้วยประกายตาขึงขัง หนึ่งคนก็ไม่ยอม หนึ่งคนก็มิอาจถอยร่น นานชั่วอึดใจ ปลายเท้าแข็งแรงจึงจ้ำอ้าวเข้ามาใกล้ จัดการคว้าตะกร้าในมือเล็กทิ้งไปไกลแสนไกล “ไม่ต้องไปเก็บมะลินั่น แต่มานี่...” ว่าพร้อมดึงแกมลากร่างบอบบางขึ้นไปสู่ชั้นสอง แม้อีกฝ่ายจะต้านทาน แต่ด้วยแรงอันน้อยนิด มีหรือจะสู้พละกำลังมหาศาลของคนหน้ายักษ์ได้ ประตูห้องถูกเปิดออกกว้าง พร้อมร่างบางถูกเหวี่ยงเข้าสู่ด้านใน ปลายนิ้วเรียวชี้กราดไปที่ดวงหน้า “ตั้งแต่คืนนี้ เธอต้องอยู่แต่ในห้อง ห้ามออกไปไหน ไปทำอะไรทั้งสิ้น และพรุ่งนี้ ก็ห้ามไปวัดกับคุณแม่เด็ดขาด” จบคำสั่ง ประตูบานกว้างก็ปิดปังลง จนบ้านสั่นสะเทือน ร่างบางล้มลู่อยู่กลางพื้นห้อง เธอกะพริบตาไล่น้ำตาอุ่นร้อนที่เจียนหยดไหล ยกปลายนิ้วป้ายปัดทิ้งลวกๆ ก่อนจะกัดฟันลุกขึ้นยืน นำพาตัวเองไปล้มลงนอนบนเตียง สภาพเนื้อตัวระโหยโรยแรง กับจิตใจบอบช้ำอย่างหนัก ทำให้เธอหมดแรงจนสลบไสล แต่ทุกๆ นาที กลับมีน้ำตาซึมออกมา ให้รู้ว่าร่างกายนี้เหลือเพียงลมหายใจ แต่ไร้จิตวิญญาณ! คืนนี้ใครบางคนกำลังนอนกระสับกระส่ายอย่างหนัก ลมหายใจอุ่นร้อนถูกระบายทิ้งผ่านปลายจมูกโด่งคม ในเมื่อข่มตานอนไม่หลับ กายแกร่งก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ค่อยๆ วาดขาลงจากเตียง ก่อนจะสืบเท้าเร็วๆ ไปยังหน้าต่างของห้อง เป้าหมายสายตานั้นอยู่ที่บ้านหลังเล็ก ซึ่งป่านนี้ทั้งบ้านสว่างจ้าด้วยแสงไฟฟ้า ไม่เว้นแม้แต่ห้องของเจ้าหล่อน ซึ่งยังเปิดไฟทิ้งไว้ ดวงตาคมกล้า ปรายมองนาฬิกาประดับบนผนังห้องเล็กน้อย นี่ก็เที่ยงคืนแล้ว ทำไมยัยตัวดีนั่นถึงไม่หลับไม่นอน มัวแต่เอ้อระเหยลอยลมอะไรอยู่ ด้วยความอยากรู้ ช่วงขาแข็งแรงจึงเดินไปหยิบเอาไฟฉายบนโต๊ะ แล้วปรี่ออกจากห้อง ใช้เวลาเพียงสิบนาที เขาก็สามารถนำพาตัวเองมายืนอยู่หน้าห้องของร่างเล็ก บานประตูที่ปิดสนิท ถูกอุ้งมือร้อนผ่าวขยับลูกบิดเปิด และก็สามารถเดินเข้าไปด้านในอย่างง่ายดาย ภาพร่างบางนอนขดตัวงอเป็นกุ้งนั้น ทำให้ชายหนุ่มถึงกับเบิกตากว้าง ปลายเท้าหนักๆ รีบก้าวไปด้วยท่าทีเร่งรีบ หากเมื่อเข้าไปใกล้ ก็ได้แต่ส่ายหน้าแรงๆ ชายหนุ่มค่อยๆ ช้อนร่างบางขึ้นไปนอนอยู่กลางเตียง หยิบหมอนมาให้เธอนอนหนุน สภาพเนื้อตัวบอบช้ำจากร่องรอยของตัวเอง ทำให้ปากหยักต้องเม้มแน่น ความสงสารเล็กๆ ผุดขึ้นมา แต่ชั่วพริบตามันก็เลือนหายไป เหลือแค่เพียงความเคียดแค้นชิงชังเท่านั้น ริมฝีปากร้อนผ่าวเหยียดทิ้งอย่างดูแคลน ค่อยๆ ขยับมือรั้งเสื้อยืดของคนหมดแรงออกผ่านศีรษะ อ้อมมือสอดเข้าบริเวณแผ่นหลัง จัดการปลดตะขอบราเซียลายลูกไม้สีขาวออกจากเรือนกาย ปล่อยให้สองเต้าเต่งตึงได้อวดช่อล่อตา เรียวปากหยักไล้เลียกลีบปากหยักของตัวเองอย่างพอใจ จับจ้องอกสล้างดีดผึงอยู่ไม่วาง ก่อนจะค่อยๆ โน้มตัวลงครอบครอง หากคนหลับมานานกลับดิ้นขยุกขยิกและเบิกตากว้าง พร้อมกับหวีดเสียงลั่น “กรี๊ด...” แต่มันก็ดังได้เพียงวินาทีเดียว เพราะอุ้งมือร้อนผ่าวขยับขึ้นมาปิด พร้อมกับเงยหน้าออกจากอกสวย ยิ้มให้ด้วยประกายตาร้อนแรงเปิดเปลือยแววปรารถนาอย่างโจ่งแจ้ง “เธอจะหวีดเสียงร้องทำไมกัน ทำสะดีดสะดิ้งไม่เคยไปได้” ชายหนุ่มพึมพำว่าเบาๆ ชิดปลายจมูกโด่งรั้น ค่อยๆ ละมือจากปากเล็ก มาขยับครอบครองทรวงงาม “หน้าที่เธอต่อจากนี้ ก็คือครางกระสันให้ถึงใจฉันก็พอ” “ไม่!” สลิลลารีบปฏิเสธ มือน้อยๆ ผลักไสคนตัวโตออกห่างจ้าล่ะหวั่น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม