เธอทำทุกวิธีทางเพื่อขจัดผม ตั้งใจวางแผนอุ้มท้องลูกของพ่อในอนาคต ปรารถนาให้ลูกตัวเองซึ่งอาจมีโอกาสลืมตาดูโลกในสักวันหนึ่งเป็นทายาทเพียงคนเดียว...ที่จะได้รับผลประโยชน์ต่อไปหากพ่อตาย
ก็ถ้าพ่อหน้ามืดตามัว เชื่อใจเมียใหม่จอมมารยานั่นมากละก็ ผมคงไม่มีอะไรจะพูด
สักวันหนึ่งคงตาสว่างเอง
ตึก...
ภวังค์พลันถูกกระชากด้วยเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง ผมเงยหน้าขึ้นจากอ่าง มองผู้มาเยือนผ่านเงากระจก กระทั่งพบว่ามันคนนั้นกำลังยืนพิงกรอบประตูห้องน้ำ ใบหน้ากวนประสาทเสมอต้นเสมอปลาย
“ไปกัดกับหมาตัวไหนมาล่ะ” มันชื่อแดน แต่ผมเรียก ‘ไอ้เหี้ยแดน’
“เสือก” กลัวจะเสียมารยาทเลยตอบกลับให้หายสงสัย
จากที่หงุดหงิดเป็นทุนเดิม พอเห็นหน้ามันเท่านั้น...ความคุกรุ่นภายในใจยิ่งทวีคูณ
หงุดหงิดพอ ๆ กับตอนเห็นหน้าเพื่อนมันเลย
ใช่ ผมหมายถึงสีเพลิง
มันกับสีเพลิงเป็นเพื่อนกัน ไม่สนิทสนมระดับเอย แต่ใช้คำว่าพิเศษเหนือผู้ชายคนอื่น ๆ คงไม่เกินจริง
ยิ่งไปกว่านั้น ผมดูออกว่าไอ้แดนคิดไม่ซื่อกับเธอ การที่มันชวนผมลงสนามด้วยวันนี้ จริง ๆ แล้วแค่อยากโอ้อวด อยากให้สีเพลิงเห็นว่าตัวเองเก่งกาจกว่า มีความสามารถมากกว่า เท่กว่า และอยู่เหนือกว่าผมในทุก ๆ ด้าน
ผมตอบตกลงไม่ใช่เพราะอยากโชว์ใคร แต่ในเมื่อมันเสี้ยนจนตัวสั่น ผมจึงสนองให้
“กูก็ถามตามมารยาทไปงั้น ไม่ได้อยากรู้” ไอ้แดนยักไหล่ “รีบ ๆ ด้วย อย่าปอดแหกหนีกูไปก่อนแล้วกัน” มันเตรียมหมุนตัวเดินจากไป ทว่าก็ไม่วายหันมาพ่นอะไรน่ารำคาญจนผมต้องพรูลมหายใจทิ้งเฮือกหนึ่ง
เพ้อเจ้อฉิบหาย ถ้าปอดแหก ผมคงไม่โผล่หัวมาให้มันเห็นตั้งแต่แรกหรอก
แต่เอาเถอะ จับตาดูแล้วกันว่าขณะแข่ง ผู้หญิงของมัน ‘ระริกระรี้’ ตอนเห็นใครมากกว่ากัน ระหว่างมันที่รู้จักสีเพลิงเพียงผิวเผิน หรือผม...ที่ในอดีตและปัจจุบันเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่เธอรัก
End Describe.
ถึงเวลาแล้ว...
ฉันยืนเกาะขอบรั้วเหล็กซึ่งกั้นระหว่างสนามและพื้นที่ภายนอกเพื่อไม่ให้คนดูได้รับอันตราย ทั่วสารทิศอัดแน่นด้วยหมู่มวลมนุษย์หลายร้อยหลายพันชีวิตที่กำลังส่งเสียงบิวต์อย่างครึกครื้น อึกทึกจนแก้วหูแทบลุกมาเต้นระบำ
บางคนเรียกชื่อแดน บางคนเอ่ยชื่อคราม
รถที่ใช้เป็นรถสปอร์ตสำหรับการแข่งขันโดยเฉพาะ แน่นอนว่าพวกเขาคุ้นชินกับมันเป็นอย่างดีในฐานะอดีตนักแข่ง
ท่ามกลางความครื้นเครงนั้น มีเพียงฉันที่ประหม่าจนไม่อาจเปล่งเสียงได้ ทำเพียงเกาะขอบรั้วแน่น จับจ้องผู้เข้าแข่งขันอย่างเงียบงันจากตรงนี้
ครามอยู่ในรถสีดำสนิท ส่วนแดนใช้รถสีขาว พวกเขาแบ่งแยกชัดเจนแม้กระทั่งสีของยานพาหนะ
และสีที่ว่า เปรียบดั่งภาพลักษณ์และนิสัยที่แท้จริงของพวกเขาสองคน
แดนสว่างไสว ในขณะที่ครามสุดแสนจะมืดมน
แล้วให้ตาย ไม่รู้ทำไมหัวใจถึงเต้นแรงจนน่ากลัวขนาดนี้ มันแรงจนทรวงอกปวดแปลบขึ้นมา คล้ายถูกบีบคั้นด้วยมือที่มองไม่เห็นยังไงยังงั้น
ขณะยกมือขยุ้มอกซ้ายเพื่อปรามให้มันสงบนิ่ง ฉันพลันพบว่าผู้เข้าแข่งขันสุดมืดมนคนนั้นลดกระจกลงต่ำ องศาใบหน้า หรือแม้แต่แววตาของเขาชัดเจนว่าจับจ้องฉัน
พฤติกรรมที่ยากจะเข้าใจทำเอาฉันกลืนน้ำลายลงคอโดยอัตโนมัติ ตลอดหลายวินาทีนัยน์ตาคมกล้าไม่ละไปจากฉัน ตอกตรึงกันอย่างเงียบงัน แม้ยังคงเป็นแววตาราบเรียบราวไร้คลื่นอารมณ์เช่นเคย แต่มากพอจะทำให้ฉันลบลืมไปชั่วขณะว่าตัวเองมาที่นี่เพื่อเชียร์ใคร
เราสบตากันเนิ่นนาน ในที่สุดครามก็เคลื่อนสายตากลับไปดังเดิมพร้อมกับกระจกที่ปิดทึบ
ราวครึ่งนาทีนับจากนั้นเสียงสัญญาณดังขึ้น ผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อยคนหนึ่งเดินไปอยู่กึ่งกลางระหว่างรถทั้งสองคัน เสียงร้องเชียร์ค่อย ๆ เบาลงกระทั่งสงัดเงียบ จวบจนเธอยกธงขึ้นเหนือศีรษะ นิ่งค้างไม่กี่อึดใจแล้วสะบัดธงลง...ทั่วทั้งสนามก็กลับมากระหึ่มดังด้วยเสียงของผู้คนนับร้อยอีกครั้ง
ริมฝีปากถูกเม้มแน่นเป็นเส้นบางเฉียบ เมื่อรถทั้งสองคันเคลื่อนตัวไปด้านหน้าด้วยความรวดเร็ว เสียงล้อซึ่งเบียดเสียดกับพื้นสร้างความหวาดเสียวจนหยาดเหงื่อผุดซึมทั่วกรอบหน้า ฉันจับจ้องพวกเขาไม่คลาดสายตา มองทุกการเคลื่อนไหวท่ามกลางเสียงหัวใจที่เต้นระทึกแข่งกับเสียงคนรอบข้าง
พวกเขาสูสีกันมาก สลับตำแหน่งคว้าชัยชนะคนละไม่กี่วินาทีอยู่ช่วงหนึ่ง กระทั่งครามเริ่มทิ้งระยะห่าง
ทว่าเพียงชั่วอึดใจเดียวแดนกลับเร่งความเร็ว ตีตื้นระยะประชิด จนในที่สุดสามารถนำยานพาหนะสีขาวมาขนาบข้างครามได้สำเร็จ
ขณะลุ้นจนฉี่แทบราด ใจไม่วายภาวนาให้พวกเขาสองคนเสมอกันแทนที่จะมีใครสักคนได้รับชัยชนะไปครอบครอง
เพราะฉันรู้ไงว่าต่างฝ่ายต่างเกลียดการพ่ายแพ้
อย่างน้อยหากพุ่งเข้าเส้นชัยพร้อมกัน ทั้งครามทั้งแดนก็ไม่ต้องได้รับหรือสูญเสียอะไรไป
บางทีความคิดนี้อาจตื้นเขินเกินไปก็ได้
ฉันไม่ใช่ผู้เข้าแข่งขัน จึงไม่มีความกระหายอยากในชัยชนะเช่นพวกเขา ก็แค่ภาวนาในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่หวังดีต่อพวกเขาสองคนเท่านั้น
“ปกติแดนไม่จริงจังกับการแข่งขนาดนี้นี่หว่า” ระหว่างนั้น ฉันพลันได้ยินเสียงคนข้าง ๆ เปรยขึ้นอย่างฉงนสงสัย
“เออ ครามก็เหมือนกันว่ะ พอรู้นะว่าไม่ถูกกัน แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้พวกมันจริงจังอะ เหมือนแข่งกันแย่งผู้หญิงเลย” อีกคนสำทับคล้ายเห็นด้วย โดยไม่ลืมสันนิษฐานถึงเหตุผล
แย่งผู้หญิงเหรอ? ถามจริง? ไร้สาระเกิน...
ไม่มีทางหรอก
“แหม กูอิจฉาผู้หญิงได้ป้ะ อยากเป็นคนนั้นให้คนหล่อแย่งบ้างไรบ้าง”
“เกย์แตกเลยนะมึง”
“บ้า! เค้าผู้ชายทั้งแท่งน้า” พูดไม่พอ ยังหันไปทำมือทำไม้สะดีดสะดิ้ง จนเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างกันถึงกับกลอกตา
ด้านฉัน หลังลอบมองเจ้าของบทสนทนาจนพอใจถึงค่อยลากสายตากลับมา ไม่น่าไปบังเอิญได้ยินการสันนิษฐานสุดเพ้อเจ้อนั่นเลยสีเพลิง ฟุ้งซ่านจนได้
พรูลมหายใจยาวเหยียดแล้วฉันก็ทุ่มความสนใจทั้งหมดไปยังสนามแข่งอีกครั้ง
ถึงโค้งสุดท้ายแล้ว ยังไม่มีใครทิ้งห่าง รัศมีของตัวรถเรียกได้ว่าขนาบจนเป็นระนาบเดียวกัน กระทั่งไม่นานหลังจากนั้น...ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองก็ก้าวสู่เส้นชัยอย่างพร้อมเพรียง
ใช่...ผลลัพธ์เป็นไปตามที่ฉันต้องการ
เป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว ฉันไม่อยากให้ครามหงุดหงิด และไม่อยากเห็นแดนอารมณ์เสียด้วย
เมื่อผ่านจุดที่ลุ้นระทึกจนหัวใจแทบกระดอนมากองแทบเท้า ฉันก็หมุนตัวเตรียมเบียดออกจากฝูงชนที่แน่นขนัดเป็นปลากระป๋อง
ทว่า...
“อ๊ะ บ้าเอ๊ย” ไม่ทันไร...ฉันพลันถูกกระแทกให้กลับมายืนที่เดิมผ่านการดุนดันของผู้คนจำนวนมาก ส่งผลให้ข้อมือข้างขวาถากเข้ากับพวงกุญแจทรงประหลาดซึ่งห้อยติดกับกระเป๋าเป้ของคนข้าง ๆ อย่างช่วยไม่ได้
ความคมของมันฝากรอยกรีดขนาดเล็กไว้บนข้อมือทันที พร้อมเลือดที่เริ่มซิบตามมา
ให้มันได้อย่างนี้
“โอ๊ะ ขอโทษครับ เป็นไรไหม” เจ้าของกระเป๋าหันมาเห็นพอดีถึงกับตาเบิกโพลง
“ไม่ค่ะ” ฝั่งฉันไม่อยากมีปัญหาและมองว่าแผลแค่นี้เล็กจ้อยเกินกว่าจะเรียกร้อง จึงปฏิเสธสั้น ๆ
“โอเคครับ เฮ้ย หลีกทางหน่อย ๆ” คงรู้สึกผิดที่ทำให้ฉันได้แผล เจ้าของกระเป๋าจึงแผดเสียงบอกให้เพื่อนและคนในละแวกใกล้เคียงแหวกทางให้ฉัน
ฉันเก็บความรู้สึกชนิดหนึ่งไว้ในใจขณะแทรกตัวออกมา จวบจนหลุดพ้นจากความแออัด ความหงุดหงิดเมื่อครู่นี้จึงเจือจางตามไปด้วย
ทว่าความแสบยิบบริเวณข้อมือกลับคงอยู่ ฉันยกมันขึ้นมาพิจารณา แม้ไม่ใช่แผลฉกรรจ์น่ากลัว แต่เลือดกลับปริ่มออกมาไม่หยุดเลย สงสัยคงต้องล้างน้ำสักหน่อยแล้วค่อยกลับไปทำแผลที่หอ
สิ้นความคิดก็เตรียมมุ่งหน้าสู่ประตูทางออก ทว่าในเวลาไล่เลี่ยกันนั้นฉันพลันพบครามจากมุมหนึ่งโดยบังเอิญเสียก่อน
รอยช้ำบนผิวแก้มและริมฝีปากของเขามีปฏิกิริยาต่อหัวใจฉันอย่างหนักหน่วง ความเคลือบแคลงที่ถูกเก็บซ่อนไว้ชั่วคราวกลับมามีบทบาทอีกครั้ง ออกคำสั่งให้ฉันพุ่งตรงเข้าไปหาเขาในทันที
หมับ!
เมื่อมาถึงก็คว้าข้อมือหนาเอาไว้โดยไม่ลังเล