“คุณแม่อย่าร้องไห้เลยน้า เช็ดน้ำตาหนูเช็ดให้” ลูกสาวคนสวยได้แต่พูดขึ้นพร้อมกับยกมือน้อยๆเช็ดน้ำตาบนใบหน้าสวยของพราวมุก
“ฮึก…ขอบคุณค่ะของขวัญ”
“หนูเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตคุณแม่เลยรู้ไหม”
เป็นจริงตามที่พราวมุกพูดออกไป ลูกสาวของเธอของขวัญตัวน้อยคนนี้เป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอเลย ถึงจะมาเร็วไปหน่อย มาด้วยความไม่พร้อมหรือจะเรียกอีกอย่างว่าพลาดแต่เมื่อวินาทีแรกที่รู้ เธอก็ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายเขา
เพราะของขวัญคือของขวัญชิ้นเดียวในชีวิตที่เธอได้จากผู้ชายที่ชื่อว่าเมฆหมอก แน่นอนว่าของขวัญชิ้นนี้มีค่ากับพราวมุกมาก มากเสียจนพราวมุกก็ไม่รู้เลยว่าหากไม่มีของขวัญเธอจะอยู่ยังไง
“แล้วหนูจะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับคุณพ่อไหมคะ” ลูกสาวตัวน้อยได้แต่ถามขึ้นเพราะเธอไม่เคยได้ยินคำพูดนี้จากคุณพ่อเลยแม้แต่ครั้งเดียว หากได้ยินบ่อยๆก็คงเป็นคุณแม่ที่พูดให้รับรู้ในทุกๆครั้ง
“หนูเป็นแน่นอนค่ะ หนูเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณพ่อคุณแม่เลย” พราวมุกตอบกลับไป ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอีกคนจะรู้สึกแบบนี้หรือเปล่า
แต่ก็นะ ! หมามันยังรักลูก
แล้วนับประสาอะไรกับคนที่จะไม่รักลูก
“หนูดีใจที่จะได้เจอคุณพ่อแล้ว ต่อไปนี้หนูจะได้กล้าบอกเพื่อนๆว่าหนูก็มีคุณพ่อเหมือนทุกคน”
“อดทนมานานมากเลยใช่ไหมคนเก่งของคุณแม่ คุณแม่ขอโทษจริงๆนะคะ ขอโทษที่ทำให้หนูต้องรู้สึกขาดและตั้งคำถามแบบนี้”
ที่ผ่านมาพราวมุกไม่เคยรู้เลยว่าความเจ็บปวดและความเสียใจของลูกสาวมันมากขนาดไหน จนกระทั่งวันนี้ที่เธอได้รับรู้ทำเอาหัวใจของเธอแทบแตกสลายเพราะความเห็นแก่ตัวเธอแท้ๆทำให้ลูกสาวต้องรู้สึกแบบนี้
“ตอนนี้หนูไม่เป็นไรแล้วค่ะ แค่ได้รู้ว่ามีคุณพ่อเหมือนคนอื่นๆหนูก็ดีใจมากแล้ว”
“หนูรอหน่อยนะคะของขวัญ คุณแม่ให้สัญญาว่าอีกไม่นาน”
พราวมุกไม่รู้เลยว่าเธอจะพูดกับเมฆหมอกยังไง เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนมากเพราะมีความรู้สึกของลูกเข้ามาเกี่ยว
“หนูรอได้ค่ะว่าแต่คุณแม่ขาร้านเราจะเปิดตอนไหนคะ”
“เปิดพรุ่งนี้ค่ะ ไว้เลิกเรียนของขวัญค่อยมาช่วยคุณแม่นะคะ”
“ได้เลยค่ะ หนูดีใจจังคุณพ่อก็จะได้เจอ ส่วนร้านก็จะได้เปิดแล้ว” ใบหน้าที่แสนจิ้มลิ้มยกยิ้มออกมาทำเอาพราวมุกได้แต่ยิ้มตาม เธอรับรู้เลยว่าตอนนี้ลูกสาวของเธอมีความสุขมากจริงๆ
“ฮ่าๆ หนูชอบป้ายชื่อร้านไหมคะ”
“ชอบมากๆเลยค่ะคุณแม่”
“คุณแม่ตั้งใจพาหนูมาดูเลยนะเนี่ย”
แน่นอนว่าก่อนจะเปิดร้านจริง ก็ต้องพาเจ้าของร้านอย่างของขวัญมาดูงานสักหน่อย เจ้าของร้านชอบป้ายชื่อร้านขนาดนี้ก็ไม่มีอะไรต้องรออีกแล้ว สามารถเปิดร้านได้เลยในวันต่อไป
“ดูเสร็จแล้วยังไงต่อหรอคะ” เด็กน้อยถามขึ้นอีกครั้งเพราะร้านคาเฟ่ของตัวเองกับคุณแม่ก็ดูเหมือนจะพร้อมทุกอย่าง
“กลับบ้านกันค่ะ คุณตาคุณยายรอเราสองคนจะแย่แล้ว” พราวมุกตอบกลับไปตามตรงเพราะในตอนนี้คุณตาคุณยายคงรอหลานสาวของตัวเองไม่ไหวแล้ว
“ไปค่ะคุณแม่กลับบ้านกัน หนูไม่อยากให้คุณตาคุณยายรอนาน”
แน่นอนว่าหลังจากที่คุยกันเสร็จ พรากมุกก็พาลูกสาวของตัวเองกลับบ้านในทันทีเพราะคุณพ่อคุณแม่ของเธอก็ตั้งตารอหลานสาวตั้งแต่โรงเรียนเลิกแต่ทว่าตอนนี้กลับเย็นมากแล้ว
“ของขวัญขึ้นไปอาบน้ำนะลูก เสร็จแล้วลงมานะคะคุณแม่กับคุณยายจะเตรียมอาหารเย็นรอ” พราวมุกบอกลูกสาวขึ้นทันทีเมื่อเดินเข้ามาในบ้าน
แน่นอนว่าลูกสาวของเธออย่างของขวัญสามารถอาบน้ำแต่งตัวเองได้แล้ว เธอเลยไม่ได้เป็นห่วงในเรื่องนี้มากมายเท่าไหร่
“ได้ค่ะคุณแม่ขา”
“คุณแม่ หนูมีเรื่องจะปรึกษา” เมื่อของขวัญขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน พราวมุกก็ไม่รอช้าที่จะพูดขึ้น
“มีอะไรหรือเปล่าพราว สีหน้าหนูดูไม่ดีเลยนะ” คุณแม่ที่จับสังเกตได้ก็ถามขึ้น สีหน้าของลูกสาวตอนนี้ไม่ดีเลย บนใบหน้าสวยฉายแววความกังวลออกมาอย่างชัดเจน
“ของขวัญถามถึงคุณพ่อของเขาค่ะ”
“พะ…พราว” คนเป็นคุณยายตกใจไม่น้อยแต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะเด็กวัยนี้มีความคิดแล้ว คงไม่แปลกที่จะตั้งคำถามกับเรื่องแบบนี้
“หนูไม่รู้เลยว่าเขาจะรู้สึกยังไงหากเขารู้ว่าตัวเองมีลูกแล้วหนูก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะรับของขวัญเป็นลูกหรือเปล่า”
แน่นอนว่าพราวมุกกังวล ผู้ชายอย่างเมฆหมอกไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย ในตอนที่ผ่านมาเขาเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัว พราวมุกเลยไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับเรื่องนี้
“แล้วพราวล่ะ พราวบอกของขวัญไปว่ายังไง”
“หนูบอกไปตามตรง บอกว่าของขวัญมีคุณพ่อเหมือนคนอื่นและอีกไม่นานจะได้เจอแต่หนูไม่มั่นใจเลยค่ะคุณแม่”
“ไม่มั่นใจอะไร”
“หนูไม่มั่นใจว่าเขาจะทำหน้าที่พ่อได้ดีหรือเปล่า”
เป็นจริงตามที่พราวมุกพูดเพราะแค่หน้าที่คนรักเขายังทำไม่ได้ เฮ้อ ! แต่จะพูดว่าคนรักก็ไม่ถูกก็ที่ผ่านมาพราวมุกกับเมฆหมอกไม่ได้มีสถานะต่อกัน
จะมีก็แค่ความสัมพันธ์ทางกายที่เรียกว่าอะไรนะ
คู่นอนหรอ ? หากไม่ใช่ก็คงใกล้เคียง
“เราไม่มีทางรู้หรอกพราว สิ่งที่เขาทำกับพราวในตอนนั้นมันผ่านมาหกปีแล้ว พราวอย่าเอาเรื่องตอนนั้นมาตัดสินเขาเลยนะ”
แน่นอนว่าคนเป็นคุณยายไม่เห็นด้วย เวลาผ่านพ้นมาถึงหกปี ลูกสาวคนเดียวของเธอยังโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดี เป็นแม่ที่ดีแล้วนับประสาอะไรกับผู้ชายคนนั้นที่เขาจะดีขึ้นไม่ได้
“หนูคิดว่าคงไม่ปิดกั้นพ่อกับลูก”
เพราะน้ำตาของลูกสาวรวมถึงคำพูดต่างๆของลูกสาวทำให้พราวมุกคิดได้ ที่ผ่านมาเธอเห็นแก่ตัวมากพอแล้วและในตอนนี้เธอไม่ควรทำแบบนั้นอีก
ความสุขของเธอคือของขวัญหากของขวัญมีความสุข เธอเองก็มีความสุขไปด้วยและความสุขของของขวัญก็คงไม่พ้นการได้เจอคุณพ่อของตัวเอง
“แม่ดีใจที่พราวคิดแบบนี้เพราะแม่เองก็ไม่อยากให้หลานขาดพ่อ หกปีมันนานมากแล้วนะพราว ถึงหนูจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมกับเขาไม่ได้แต่มันไม่ใช่กับของขวัญ”
“หนูไม่รู้ว่าจะบอกเขายังไง อยู่ๆให้เดินไปบอกว่าของขวัญคือลูกมันจะแปลกๆหรือเปล่า”
แน่นอนว่าพราวมุกคิดเรื่องนี้ไม่ตก มันไม่ง่ายเลยเพราะทุกอย่างมันยากขึ้นไปตั้งแต่ที่พรากมุกบอกเมฆหมอกว่าเธอแต่งงานมีสามีแล้วรวมถึงมีลูกกับสามีอีก
ถึงเมฆหมอกจะดูสงสัยและไม่เชื่อแต่เขาก็คงคิดไม่ถึงหรอกว่าของขวัญคือลูกสาวของเขาเพราะยัยเด็กคนนี้หน้าตาไม่ได้คนเป็นพ่อเลยแม้แต่นิดเดียว
“ตรงนี้มันก็ยาก เขาจะมีครอบครัวแล้วยังเราก็ไม่มีทางรู้เลย”
“เขายังไม่มีครอบครัวค่ะคุณแม่” พราวมุกตอบกลับไปตามตรงเพราะข้อมูลนี้เธอก็ได้มาจากเมฆหมอกเลย เขาบอกกับเธอเองว่าเขายังไม่มีครอบครัว ส่วนเด็กผู้หญิงคนนั้นก็หลานสาวของเขา
“เคยเจอกันแล้วหรอพราว”
“บังเอิญเจอกันที่โรงเรียนค่ะ” หลังจากที่บอกคุณแม่ไปแบบนี้ พราวมุกก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้กับคุณแม่ฟัง
“ตายจริง ! พราวบอกเขาไปแบบนั้นจริงๆหรอ” คนเป็นคุณยายแทบจะเป็นลมล้มลงเพราะไม่คิดว่าลูกสาวของตัวเองจะโกหกออกไปแบบนี้
“จริงค่ะคุณแม่ ที่พราวบอกไปแบบนี้เพราะพราวไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาแต่เมื่อของขวัญถามพราววันนี้มันทำให้พราวรู้ว่าพราวเห็นแก่ตัว”
“ถึงแม่จะไม่โอเคกับสิ่งที่เขาทำกับพราวแต่สำหรับของขวัญแม่ว่าเราไม่ควรปิดกั้นพ่อกับลูก”
ของขวัญไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย เรื่องของคุณพ่อคุณแม่ของขวัญไม่ได้มารับรู้ด้วยเพราะฉะนั้นแล้วลูกสาวของเธออย่างพราวมุกไม่ควรปิดกั้นลูก
เด็กกับพ่อของเขาควรได้เจอกันเพราะหกปีที่ผ่านมามันคงสร้างบาดแผลให้หลานสาวคนเดียวของเธอมากพอแล้ว
“คุณแม่ช่วยพราวคิดหน่อยสิคะ ว่าพราวควรบอกเขายังไง”
“เฮ้อ ! ยากจังพราว”
“ไม่ต้องบอก” น้ำเสียงเรียบนิ่งดังขึ้น ทำพราวมุกกับคุณแม่ต้องรีบหันไปมอง
“คุณคะ” คุณแม่ได้แต่เอ่ยเรียกสามีของตัวเอง
“คุณพ่อ” ส่วนพราวมุกก็ได้แต่เอ่ยเรียกคุณพ่อ
เพราะสิ่งที่คุณพ่อพูดออกมามันไม่ได้ตรงกับสิ่งที่พราวมุกกับคุณแม่คุยกันไว้เลยแม้แต่น้อย
“มันทำเลวขนาดนั้นมันไม่สมควรเป็นพ่อใคร”
ภาพจำในอดีตเมื่อหกปีที่แล้วลูกสาวอย่างพราวมุกร้องไห้เสียใจมากแค่ไหนเขายังจำได้ดี หากลูกสาวไม่ขอไว้บอกเลยว่าไอ้เวรนั่นคงไม่มีชีวิตสงบสุขแบบนี้
“แต่หลานอยากเจอพ่อนะคุณ” คุณแม่ได้แต่พูดขึ้น เธอรู้ดีสามีเกลียดชังคนรักของลูกสาวมากแค่ไหน
“ของขวัญพูดเองหรอ”
“ของขวัญถามหนูว่าตัวเองมีคุณพ่อหรือเปล่า” พราวมุกตอบกลับไปตามตรง เธอไม่มีอะไรต้องโกหกเพราะทุกอย่างเธอเองก็อยากได้คำปรึกษาและคำแนะนำ
“พ่อไม่รู้ว่าตอนนี้มันยังเลวเหมือนเดิมไหมแต่หากเป็นไปได้พ่อไม่อยากให้พราวกับของขวัญไปยุ่งเกี่ยวกับมันอีก”
“พราวก็ไม่อยากยุ่งกับเขาแต่ติดตรงของขวัญ”
เป็นจริงตามที่พราวมุกพูด หากไม่มีเรื่องอะไรเธอเองไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเมฆหมอกอีกแล้ว ที่ผ่านมาเธอบอกเขาตลอดแต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว
“งั้นพราวก็คอยดูมันเอาไว้หากมันดีพอและพร้อมจะเป็นพ่อคนแล้วจริงๆพราวก็ค่อยบอกมัน”
“แต่หลานรอนะคุณ”
“ผมแค่ไม่อยากให้ลูกเสียใจอีกแล้ว”
เพราะลูกสาวคนเดียวที่รักและดูแลราวกับไข่ในหินกลับโดนผู้ชายที่ไหนไม่รู้ทำให้เจ็บช้ำและเสียใจ เขาเองก็ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
“งั้นหนูจะดูพฤติกรรมของเขาก่อนเพราะตอนนี้มันเหมือนกับว่าเขาอยากกลับเข้ามาในชีวิตหนูอีกครั้ง”
“ทั้งๆที่พราวบอกมันว่าแต่งงานมีลูกแล้วน่ะหรอ”
“ก็ค่ะคุณพ่อ”
“ให้ตายเถอะ ! คนดีๆที่ไหนจะเป็นแบบนี้”
❤️
เออ ! คุณดีๆที่ไหน