เมฆหมอกทวงรัก | 9

1946 คำ
“กูมีเรื่องจะปรึกษามึงไอ้กอล์ฟ” เมฆหมอกพูดขึ้นทันทีเพราะตอนนี้เขาร้อนใจจนทนไม่ไหวแล้ว “อีกแล้วหรอ” กอล์ฟตามกลับไปตามตรงเพราะหากเมฆหมอกมีเรื่องปรึกษาแบบนี้มันก็คงไม่พ้นเรื่องของคนรักเก่า ไม่เคยมีหรอกที่จะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องอะไรเพราะในตอนนี้มันมีอยู่เรื่องเดียว “ครั้งนี้กูจริงจัง” “มีอะไรว่ามา” ในเมื่อเพื่อนสนิทอย่างเมฆหมอกพูดแบบนี้ กอล์ฟก็ไม่ขัดอะไรเตรียมตัวตั้งหน้าตั้งตารับฟังอย่างดี “คนแต่งงานกันแล้ว เขาต้องใส่แหวนไหม” “ก็ต้องใส่ดิวะ” เป็นจริงตามที่กอล์ฟพูดออกมาเพราะหากแต่งงานมีสามีแล้วก็ควรจะใส่แหวนแต่งงานที่นิ้วนางด้านซ้ายเพราะมันเป็นเครื่องหมายของคนที่มีคนรักและแต่งงานแล้วและมันก็ยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คนนอกมองเข้าไปแล้วทำให้รู้ว่าเราเป็นคนที่มีเจ้าของแล้ว “แต่พราวมุกไม่ใส่ กูกำลังคิดว่า…” แน่นอนในตอนนี้เมฆหมอกคิดไปต่างๆนานาแล้ว เหตุผลของคนที่ไม่ใส่แหวนแต่งงานมันจะมีอะไรได้อีกนอกจากยังไม่ได้แต่งงาน เพราะหากเมฆหมอกแต่งงานกับใครสักคน เขาก็คงอยากให้ผู้หญิงที่จะเคียงข้างเขาไปตลอดชีวิตสวมแหวนแต่งงานของเราทั้งสองคน “อย่าพึ่งคิดไปเองไอ้เมฆ บางครั้งการที่คนเราไม่ใส่แหวนแต่งงานมันอาจจะมีเหตุผลอื่น” “หรอ” “เขาบอกมึงว่าอะไร” “บอกว่าไม่ชอบใส่เครื่องประดับ” เมฆหมอกตอบกลับไปตามตรงแต่ถึงเขาจะได้ยินเหตุผลนี้จากพราวมุกแต่ทว่าเมฆหมอกกลับไม่เชื่อ ไม่เชื่อในเหตุผลนี้เลยสักนิด “แล้วจะคิดอะไรอีก” กอล์ฟสงสัยไม่น้อยเพราะเหตุผลที่ได้ยินก็เป็นเหตุผลที่ดีไม่น้อย บนโลกนี้มีคนมากมายที่ไม่ชอบการสวมใส่เครื่องประดับ มันไม่แปลกเลยหากเขาจะไม่สวมแหวนแต่งงานในเมื่อคนทั้งสองคนโอเคต่อกันและมีเหตุผล “แต่กูไม่เคยเห็นสามีของพราวมุกและลูกสาวของเธอก็ถามหาพ่อ” “ถามหาพ่อหรอ” “ถามว่าพ่ออยู่ไหน มึงคิดว่าถามแบบนี้มันหมายความว่ายังไง” ในตอนนี้เมฆหมอกคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากว่าพราวมุกโกหก หากเธอแต่งงานแล้วเธอควรมีแหวนสวมอยู่ที่นิ้วและหากเธอมีสามีซึ่งเป็นพ่อของลูก ลูกสาวของเธออย่างของขวัญคงไม่ต้องถามหาพ่อแบบนี้ “มึงกำลังคิดอะไรอยู่ไอ้เมฆ” “พี่เฟรชหลานสาวของกูอายุสามขวบเรียนอนุบาลหนึ่ง ของขวัญลูกสาวของพราวมุกอายุหกปีเรียนปอหนึ่ง” “ข้อมูลพวกนี้มึงบอกกูทำไม” “ลูกสาวของพราวมุกอายุหกปีมันเท่ากับเวลาที่พราวมุกทิ้งกูไป” เมฆหมอกตอบกลับไปตามตรง ตอนนี้เขาไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแต่เมื่อคิดทบทวนเรื่องต่างๆรวมถึงระยะเวลา ทุกอย่างก็มีสิทธิ์เป็นไปได้ หากพราวมุกยังไม่ได้แต่งงาน ไม่มีสามีเหมือนที่เธอพูดออกมา ลูกสาวของเธออาจจะเป็นลูกสาวของเขา “มึงมั่นใจได้ยังไงว่าลูกสาวของเขาจะอายุหกปี” แน่นอนว่ากอล์ฟรู้ดีว่าเพื่อนสนิทกำลังคิดอะไรอยู่ มันก็คงเป็นไปได้แต่ความจริงแล้วมันก็อาจจะเป็นไปไม่ได้ ห่างหายกันไปถึงหกปีระหว่างทางพบเจออะไรกันบ้างไม่มีใครรู้ได้แล้วแบบนี้จะเอาอะไรไปมั่นใจ “เด็กปอหนึ่งก็ต้องอายุหกปีอยู่แล้ว” “เอกชนค่าเทอมราคาเป็นล้าน เรียนก่อนเกณฑ์ได้หนึ่งปีเลยนะไอ้เมฆ” เป็นจริงตามที่กอล์ฟพูดเพราะสมัยนี้เด็กน้อยสามารถเข้าเรียนก่อนเกณฑ์ได้ แล้วแบบนี้จะเอาอะไรมามั่นใจว่าลูกสาวของพราวมุกอายุหกปี กอล์ฟไม่ได้จะตัดกำลังใจเพื่อนแต่เขาไม่อยากให้เพื่อนคาดหวังเพราะหากผิดหวังมา ตัวกอล์ฟเองก็กลัวว่าเพื่อนสนิทจะเสียใจมากกว่าเดิม เพียงแค่เวลาที่ผ่านพ้นมาถึงหกปีมันก็มากพอแล้ว ถึงเพื่อนของเขาอย่างเมฆหมอกจะแย่ ทำตัวไม่ดีแต่เมื่อโดนทิ้งก็กลับคิดได้ไม่มีใครข้างกายมาตลอดหกปี แน่นอนว่าหากเป็นไปได้กอล์ฟก็ไม่อยากให้เมฆหมอกเสียใจอีกแล้วเพราะที่ผ่านมาก็เหมือนว่ามันชดใช้ไปแล้ว หากจะมีรักอีกครั้งเขาก็อยากให้เพื่อนสมหวังไม่เสียใจ “แต่กูคิดไปแล้ว” “แล้วมึงจะเอาอะไรมามั่นใจ หากเป็นลูกมึงจริงๆจะมีเหตุผลอะไรที่เขาไม่บอกมึง ทั้งๆที่ตอนนี้เขาก็เด็กมาก” “เพราะกูทำเหี้ยไว้ เขาถึงไม่บอกอะไรกูเลย” เมฆหมอกรู้ตัวดีเพราะคำพูดของพราวมุกมันยิ่งทำให้เมฆหมอกตอกย้ำความเลวของตัวเองได้เป็นอย่างดี ทุกๆคำพูดทำให้เมฆหมอกรู้ดีว่าทุกอย่างเขาทำพลาดไปแล้ว พลาดที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้เสียใจจนต้องเดินจากไป หากวันนั้นเมฆหมอกไม่เป็นคนแบบนี้ ในตอนนี้เมฆหมอกอาจจะได้รักกับพราวมุกตามที่หัวใจของตัวเองต้องการก็เป็นได้ “ก่อนจะคิดไปหาความจริงก่อนเถอะ มึงจะได้ไม่ผิดหวังเสียใจไปมากกว่านี้” กอล์ฟเป็นห่วงไม่น้อยเพราะไม่อยากให้เมฆหมอกคิดไปไกลมากกว่านี้เพราะยังไม่ได้รู้ความจริงอะไรเลย “กูก็คงหาความจริงเพราะกูจะเอาลูกเอาเมียกูคืนมา” “ถ้าเป็นลูกมึงจริงๆมึงอาจจะได้สถานะความเป็นพ่อนะไอ้เมฆเพราะคนเป็นแม่คงไม่ใจร้ายให้ลูกขาดพ่อแต่หากสถานะความเป็นผัว กูบอกเลยว่ายากเพราะมึงทำเหี้ยไว้กับเขาเยอะเกิน” “กูก็คิดแบบนั้น” เพราะเมฆหมอกไม่เห็นหนทางเลย เขารู้ดีว่าพราวมุกเกลียดเขามาก แค่ใบหน้าก็ไม่อยากมอง เข้าใกล้ก็ไม่ได้ ทำราวกับว่าเขาเป็นตัวน่าขยะแขยง “ตอนนี้มึงอย่าพึ่งคิดเข้าข้างตัวเองเพราะการที่ลูกเขาถามหาพ่อมันอาจจะแปลว่าเขาแค่อยู่ห่างกันก็ได้” “กูขอให้มันไม่เป็นแบบนั้น” จะว่าเมฆหมอกเห็นแก่ตัวก็ได้แต่เขาไม่อยากให้พราวมุกไปเป็นของคนอื่นเลย หกปีที่ผ่านมาเมฆหมอกรอวันได้เจอกันอย่างมีความหวัง หวังว่าจะได้กลับมารักกัน มีสถานะต่อกันและแก้ไขทุกๆข้อผิดพลาดที่เขาเคยทำ “แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นก็อย่าเข้าไปแทรกกลางครอบครัวของเขา” กอล์ฟไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลยเพียงแค่เพื่อนสนิทเข้าไปยุ่งวุ่นวายก็มากเกินไปแล้ว หากพราวมุกมีสามีมันก็อาจจะทำให้เธอมีปัญหากับสามีได้ “พอมีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้กูรู้ความจริง” “ถามจากปากพราวมุกคงดีที่สุด” “คงยากเพราะพราวมุกคงไม่บอกกูง่ายๆ” หากจะบอกก็คงบอกไปนานแล้วแต่ที่ผ่านมาพราวมุกก็บอกมาตลอดเพียงแต่เมฆหมอกไม่เชื่อในคำตอบพวกนั้นเพราะมันไม่ใช่คำตอบที่เขาต้องการ “ตรวจ DNA แต่ก็คงยากเพราะมึงจะเอาผมลูกเขามามันก็ไม่ใช่” “ก็คงต้องถามจากแม่เขานั่นแหละ” เพราะการถามจากพราวมุกคงเป็นทางเดียวที่จะรู้ความจริงเพราะหากให้ไปดึงเส้นผมเด็กน้อย เขาก็ทำไม่ได้หรือแม้กระทั่งพาไปเจาะเลือดหรือทำอะไรที่มันส่งผลเจ็บต่อร่างกาย “แล้วถ้าสมมุติลูกของเขาไม่ใช่ลูกมึงล่ะไอ้เมฆ” “นั่นสิ ! ถ้าไม่ใช่ลูกกูแล้วพราวมุกมีสามีอยู่จริงๆ กูยังคิดไม่ออกเลยว่ากูจะต้องทำยังไง” เมฆหมอกไม่ได้คิดถึงตรงนี้เลยเพราะในห้วงความคิดตอนนี้เขาติดอย่างเดียวว่าของขวัญอาจจะเป็นลูกสาวของเขาแต่หากจะให้มั่นใจมากกว่านี้ก็คือการได้รู้อายุของของขวัญจริงๆ หากของขวัญอายุหกปี ก็ไม่ต้องคิดเลยเพราะในระหว่างที่มีความสัมพันธ์กันพราวมุกมีเขาคนเดียวตลอด จะมีก็แค่ตัวเมฆหมอกที่มั่วไปเรื่อย หากถามว่าจะท้องได้ยังไงในเมื่อเมฆหมอกมั่วไปเรื่อย ก็คงเพราะเมฆหมอกสดกับพราวมุกแค่คนเดียว ในตอนนั้นพราวมุกก็กินยาแต่ก็นั่นแหละ ยามันก็ไม่แม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ “ก็อย่าทำให้ครอบครัวเขาแตกแยกก็พอ” “ขอบใจมึงมากแล้วกัน” “ลงไปคาเฟ่ไหม ตรงข้างบริษัทมึงมีคาเฟ่มาเปิดใหม่” “หรอวะ” แน่นอนว่าเมฆหมอกไม่รู้เลย ไม่รู้เลยว่ามีคาเฟ่มาเปิดใหม่ตรงข้ามบริษัท “เออ ! อร่อยด้วยนะ กูว่าจะแวะไปซื้อเค้กให้เมีย” “เอาดิ หาของหวานใส่ท้องสักหน่อยก็คงดี” “แต่เจ้าของร้านหน้าคุ้นๆ” “มึงก็คุ้นทุกคนที่เป็นผู้หญิง” เป็นจริงตามที่เมฆหมอกพูดออกมาเพราะเพื่อนสนิทของเขาก็คุ้นหน้าผู้หญิงทุกคน “อย่าพูดให้เมียกูได้ยินเชียว เดี๋ยวกูจะโดนบิดหูขาด” เพราะกอล์ฟกลัวเมียสุดๆอย่าพูดเรื่องผู้หญิงให้ได้ยินเชียวเขาจะชะตาขาดในเร็ววัน “กูรู้แล้วว่าทำไมมึงถึงคุ้น” เมฆหมอกพูดขึ้นทันทีเมื่อเข้ามาถึงคาเฟ่ “คนที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์คิดเงินคือพราวมุก” เขาไม่รอช้าให้กอล์ฟสงสัยเพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตรงนี้คือพราวมุก พราวมุกได้เปิดคาเฟ่ตามความฝันของตัวเองแล้วสินะ “ถึงว่าสวยมากเลยนะนั่น” อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมเพราะกอล์ฟเห็นตั้งแต่เป็นเด็กมัธยมผมเปียแต่ทว่าตอนนี้กลับเป็นสาวสวยสะพรึง “เมียกูไอ้กอล์ฟ” “อย่าตลกไอ้เมฆ ! มึงไม่ได้เป็นอะไรกับน้องเขา” กอล์ฟสวนกลับทันควันเพราะสิ่งที่เมฆหมอกพูดออกมามันไม่จริงเลย “พราวเปิดร้านตรงนี้หรอ” ไม่รอช้าอะไรอีกแล้ว เมฆเดินเข้ามาในร้านและถามขึ้น ในใจยินดีไม่น้อยที่พราวมุกได้ทำตามความฝันของตัวเองแล้ว เด็กคนนี้เก่งมากเลยจริงๆ “พี่เมฆมาได้ยังไงคะ” “บริษัทพี่อยู่ตรงข้าม ส่วนพราวก็เจ้าของร้านสินะ” “พราวเป็นเจ้าของร้านค่ะ พี่เมฆจะเอาอะไรสั่งได้เลยเพราะหากช้ามันจะเสียเวลาลูกค้าด้านหลัง” พราวมุกพูดขึ้นพร้อมมองไปด้านหลังเพราะในตอนนี้มีลูกค้าหนึ่งคนกำลังยืนต่อแถว “ไม่เป็นไรพี่มาด้วยกัน” “เร็วก็ดีไอ้เมฆ กูจะซื้อเค้กไปฝากเมีย” ในตอนนี้เมฆหมอกได้แต่ส่งสายตาให้กับเพื่อนสนิทเพราะมันไม่ได้ตามน้ำไปกับเขาเลย มีที่ไหนยังมาเร่งรีบกันอีก ให้ตายเถอะ ! ไม่รู้งานเลยจริงๆ “ยินดีด้วยนะพราว ได้เปิดร้านตามความฝันของตัวเองแล้ว” “ขอบคุณค่ะ จะสั่งอะไรสั่งได้เลยนะคะเพราะการที่พี่เมฆยืนอยู่ตรงนี้มันไม่เหมาะเท่าไหร่” ❤️ อดใจนิดเดียว เดี๋ยวก็รู้ความจริง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม