พนักงานสาวในร้าน ให้การต้อนรับเกือบจะทันที ที่หนุ่มสาวเดินย่างเท้าเข้าไปเพียงแค่ก้าวแรก ทั้งสองถูกเชิญตัวเข้าด้านในเพื่อเลือกชุดตามที่ต้องการโดยไม่ต้องแนะนำตัวแต่อย่างใด เมื่อในที่นั้น ไม่มีใคร ที่ไม่รู้จักชายหนุ่มนักธุรกิจคาสโนวาเมืองไทย ที่อยู่บนหน้านิตยสาร เกือบทุกสัปดาห์ ในฐานะลูกชายนักธุรกิจใหญ่ที่ผันตัวเองขึ้นมาเป็นนักธุรกิจเต็มตัวโดยการสร้างฐานบริษัทขึ้นใหม่ โดยไม่พึ่งพาบารมีคนเป็นพ่อแม้แต่น้อย
ทุกอย่างราบรื่นไปด้วยดี โดยณภกรณ์ที่อยู่ในชุดทักสิโด้หล่อเหล่ายืนรอว่าที่เจ้าสาว ออกจากห้องลองชุดอีกด้าน โดยเขาได้ยินพนักงานในร้าน พูดชมว่าที่เจ้าสาวของเขาไม่ขาดปาก ริมปากหนาแสยะยิ้ม เพราะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเท่าไหร่นัก
“มาแล้วจร้า เจ้าสาวสุดสวย”
เจ้าของร้านดังที่รับหน้าที่แท็คแคร์ลูกค้ากิตติมศักดิ์ด้วยตนเอง ส่งเสียงออกมาก่อน
ณภกรณ์ที่ยืนอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่หันกลับไปมองทันที ก่อนจะเบี่ยงสายตาหลบมองพาดผ่านไปทิศทางอื่น เหมือนกับว่าสิ่งนั้นเป็นแค่สิ่งของธรรมดาไม่ได้ดึงดูดใจเขาแต่อย่างใด
ใบหน้าหวานที่ตกแต่งไว้อย่างดีถอดสี หากแต่รีบปรับสีหน้าและท่าทางให้เป็นปกติ
“เดี๋ยวขอเก็บภาพไว้หน่อยนะคะ...ช่างถ่ายรูปพร้อมแล้วเชิญว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวไปทางนูนเลยค่ะ” เมื่อเด็กพนักงานอีกคนเข้ามารายงานเบาๆ เจ้าของร้านดังก็เอ่ยปากบอกลูกค้าอีกที ก่อนจะผ่ายมือและเดินนำไปก่อน
ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่ขัดและเดินตามไป จนกระทั้งทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยตามที่เจ้าของร้านดังได้สิ่งที่ต้องการ ทั้งสองจึงเดินทางกลับคฤหาสน์ มณีพรรณโดยไม่ได้แวะที่ไหนอีก แต่ระหว่างนั้น ณภกรณ์ที่ทำหน้าที่คนขับได้เอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบภายในรถ
“ดูคุณจะดีใจกับการโดนสั่งให้ทำนู่นทำนี่นะ” น้ำเสียงฟังดูเยาะหยันเอ่ยขึ้น
อยากไม่ใส่ใจ แต่ข้างในทนไม่ไหว คิ้วเรียวขมวดผูกปมด้วยความไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดต้องมากระแนะกระแหนใส่กัน ก็ในเมื่อต่างคนต่างโดนกระทำเพราะคำสั่งของผู้ใหญ่เหมือนกัน
“รึไม่จริง?” เขาถามกลับ ยังมั่นไส้หล่อนไม่หาย เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ‘อ้าย ธรรมชาติที่สุด เด็ดที่สุด’คำชมอย่างปลื้มปริ่ม จากเจ้าของร้านดัง ยามที่ได้ภาพถูกใจ
“สรก็ทำตามพี่เขา” เธอตอบตามความจริง เมื่อเจ้าของร้านบอกให้ทำท่าทางยังไง เธอก็ทำอย่างนั้น แม้จะรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่ อย่างเอาปลายจมูกโด่งๆ ทำทีว่าเจ้าสาวหอมแก้มเจ้าบ่าว โอบกอด ซบอกซบไหล่ เธอก็ทำ เพื่อให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีและเพื่อไม่ให้เสียเวลา
“เหมือนกับที่ยอมแต่งงานกับผมใช่มั้ยล่ะ?”
ใบหน้าหวานเรียบนิ่ง ลังเล ก่อนจะใช้ความเงียบเป็นคำตอบ ให้อีกฝ่ายคิดเอง หากแต่คนเอาแต่ใจมีหรือจะยอม เมื่อเขาเองอยากได้คำตอบจากปากของหล่อน
“ว่าไง ยอมทิ้งความสุขของตัวเองเพื่อผู้ใหญ่ มาแต่งงานกับผม ผมเข้าใจถูกมั้ย”
“เอ่อ...คุณสบายใจอย่างไหน คุณก็คิดไปเถอะค่ะ” เธอตอบกลับและคำตอบนั้น ไม่ได้ทำให้เขาพอใจ
“หน้าด้าน!” เขาว่าเสียงขุ่น คนถูกด่าหน้าชา ริมฝีปากล่างถูกกัดจนแดงช้ำเพราะคำต่อว่าซึ่งๆหน้า ‘หน้าด้าน’
“คุณสบายใจยังไง ก็ด่าไปเถอะ” เธอบอกเขาอย่างขมขื่น
“โอ๊ย ยัยบ้า” เขาสบถลั่น พร้อมกับเท้าหนาเหยียบคันเร่ง พุ่งไปข้างหน้า ตามอารมณ์ที่กำลังขึ้นสูง
ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ภัศสรได้แต่กลั่นน้ำตาไม่ให้ไหล ...เธอจะทำไงได้ เมื่อทุกอย่างที่เกิดขึ้น ด้วยความจริงอันใด ก็ไม่อาจให้คำตอบกับตัวเองได้ ‘เต็มใจ’ หรือ ‘คำสั่ง’ เธอยังสับสนเกินกว่าจะสรุปเป็นคำตอบให้เขา
“ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนหน้าหนาเท่าคุณ” เขาเริ่มต่อ เมื่ออารมณ์ยังไม่สงบ ก็ในเมื่อหล่อนไม่ได้ทุกข์ใจร้อนรน เขาจะทำให้หล่อนร้อนอยู่ไม่ได้อย่างเขาเช่นกัน
“พอเสียทีเถอะ คุณณภกรณ์ คุณไม่อยากแต่งก็บอกผู้ใหญ่ไปตรงๆ เพราะสรก็ไม่ได้อยากแต่งกับผู้ชายอย่างคุณเหมือนกัน”
“...!” เหมือนถูกตบหน้าอย่างจัง …หูเราไม่ฝาดไปใช่มั้ย?
คนมีความมั่นใจมาตลอด ถึงกับร้องถามตัวเองทันที เมื่อได้ยินความประสงค์จากปากหญิงสาว ที่เขาคิดว่าไม่ชอบหน้าที่สุด หากแต่ผิดกันกับหล่อนที่คิดจับเขาตั้งแต่แรก
“ทำไม?” เขาถามเสียงขุ่น
“ปากกล้า นิสัยแย่ ชอบตั้งแง่กับสิ่งที่คิดเองเออเอง” เธอตอบน้ำเสียงไม่ร้อนรน ในเมื่อเขากล่าวหาเธอมามาก แล้วใยเธอจะนิ่งเฉยให้อีกฝ่ายได้ใจ
“นี่คุณ!?” เสียงทุ้มเรียกครางต่ำอย่างไม่เชื่อหู
“ค่ะ” ความอดทนของเธอขาดแล้ว น้ำเสียงขุ่นๆจึงตอบกลับใบหน้าเชิดตั้ง
ให้มันได้อย่างนี้สิ ถึงจะถึงพริกถึงขิง ... เขาคิด พร้อมกับมือหนากำพวงมาลัยไว้แน่น หากแต่ไม่ใช่เวลานี้ ที่เขาคิดจะเอาคืน...
เมื่อรถจอดเข้าที่ ภัศสรเปิดประตูรถคันหรูพร้อมปิดประตู จนคนได้ยินต้องย่นคอด้วยกลัวจะพัง
“เป็นไงบ้างคะคุณสร” เภาที่ยืนรออยู่แล้วเดินเข้ามาใกล้นายสาว พร้อมกับถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้านายสาวไม่สู้ดีนัก หากแต่แอบสะใจเล็กน้อย เมื่อคู่กัดลงเรือลำเดียวกันมาหลายชั่วโมง
“ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรค นอกจาก...” เธอกล่าวพร้อมเหลือบมองอีกคนที่เดินลงมาติดๆก่อนจะหยุดคำบางคำไว้ “ขึ้นห้องกันเถอะเภา” เธอเอ่ยชวนแล้วเดินลิ่วออกไป เภาก้มหน้าให้ชายหนุ่มที่เดินผ่านเธอไป ริมฝีปากบางยกยิ้มเมื่อเห็นว่าสีหน้าไม่ต่างจากนายสาวของเธอนัก
“คุณแม่อยู่ไหน”
“อยู่บนห้องกับป้าสำเนียงค่ะ” นกก้มหน้าตอบ ไม่กล้าสบตาคนหน้าบึ้ง ที่เธอเหลือบเห็นมาก่อนหน้านี้เพียงแวบ
“นานยัง”
“สักพักแล้วคะ” เขาพยักหน้ารับทราบ สักพักที่ว่า เดาว่าแม่น่าจะหลับไปพร้อมๆกับคนอ่านหนังสือธรรมให้ฟัง